Singto-Mangkud 2 คาเฟ่ บนถนนราชพฤกษ์ ที่มีแต่ความอร่อย
“ราชพฤกษ์” ถนนสายสำ.คัญที่ทอดยาวในฝั่งธนบุรี ซึ่งหลาย ๆ คนใช้เป็นเส้นทางสัญจรเข้าออกเมืองอยู่เป็นประจำ ทำให้ตลอด 20 ปีที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ เกิดความเจริญอย่างรอบด้าน ทั้งบ้านจัดสรรตามแนวโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย และคอมมูนิตี้มอลล์ที่ขึ้นอยู่เรียงราย ถนนเส้นนี้จึงเป็นที่ตั้งของร้านอาหารและคาเฟ่มากมาย ชวนให้ใคร ๆ เข้ามาสัมผัส BOT พระสยาม MAGAZINE ฉบับนี้ จึงขอแนะนำ ร้าน 2 ร้าน ที่รสชาติถูกปากและหน้าตายังถูกใจ อย่างร้าน Singto Cafe และ Mangkud Cafe
Singto Cafe
หากใครต้องการจิบชาหรือกาแฟในยามเช้าก่อนขับรถไปทำงาน หรือผ่านย่านนี้เป็นประจำ คงเคยสะดุดตากับร้านกาแฟน้องใหม่สไตล์โมเดิร์น บรรยากาศเรียบง่าย ราคาสบายกระเป๋า ตั้งอยู่บนถนนอัจฉริยะประสิทธิ์ที่เชื่อมต่อมาจากถนนราชพฤกษ์ ชื่อร้าน “สิงห์โตคาเฟ่” พ้องกับชื่อ “ดร.สิงห์ชัย บุณยโยธิน” เจ้าของร้าน อดีตผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารความเสี่ยงองค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย จุดเด่นของร้านคือ มีเมล็ดกาแฟให้เลือกหลากหลายสายพันธุ์

เมนู Signature ของร้านเริ่มด้วย Latte Crystal Ball ตัวกาแฟเอสเพรสโซ 2 ช็อต จากเมล็ดกาแฟ Standard คั่วกลาง มีครีม่า เพิ่มกลิ่นหอมกรุ่นชวนลิ้มลอง รินผสมกับนมตีฟอง และใส่น้ำแข็งที่เสมือนเป็น Crystal Ball อันสวยงาม เมื่อดื่มเสร็จแล้วสามารถเติมเต็มรสชาติด้วยชา Twinings ซึ่งเป็นส่วนผสมที่แตกต่างแต่รสชาติ อร่อยเข้ากันอย่างลงตัว และ Cold Drip Coffee จากเมล็ดกาแฟ Jamaica Blue Mountain บดหยาบ ที่ใช้กระบวนการดริปแบบเย็น เพื่อให้เกิดความนุ่มนวลและหอมกลิ่นกาแฟอย่างเต็มเปี่ยม นอกจากนี้ ทางร้านยังมีเมนูอื่น ๆ เช่น Matcha Latte Iced Chocolateหรือ Thai Tea ให้ผู้ที่ไม่ทานกาแฟได้ลิ้มลองกันด้วย


Mangkud Cafe
ถัดมาที่โฮมเมดคาเฟ่อาหารไทยโบราณ-ร่วมสมัย ตึกสีน้ำเงินโดดเด่น ริมถนนราชพฤกษ์ขาเข้าเมือง ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยแนวคิดอันลึกซึ้ง โดยคุณรักษ์ (อนุรักษ์ แพรโรจน์) เจ้าของร้าน เล่าให้ฟังถึงที่มาของชื่อร้านว่ามาจาก “วังสวนมังคุด” ย่านวังหลัง โดยเชื่อมโยงกับความตั้งใจของคุณรักษ์ที่ต้องการหยิบจับวัตถุดิบรอบตัวในบ้าน เช่น อัญชัน ตะไคร้ ใบเล็บครุฑ และผักสวนครัว มาสร้างสรรค์อาหารไทยสไตล์ชาววังโบราณอย่างมีศิลปะผ่านสูตรจากคุณยาย ภายใต้ความเป็นกันเองแบบไทย ๆ เสมือนเจ้าของบ้านทำอาหารให้แขกผู้มาเยือนรับประทาน และยังประยุกต์อาหารให้เข้ากับยุคสมัยด้วย

เปิดด้วยจานเรียกน้ำย่อยอย่าง “ม้าห้อ” ของทานเล่นโบราณหายาก ที่เป็นผลไม้รสเปรี้ยวคู่กับก้อนหมูกุ้งสดหวาน คล้ายไส้สาคู แต่ทานเข้ากันได้ดีเกินกว่าจะอธิบาย และ “ห่มรัก ในสวน” ที่หน้าตาเหมือนก๋วยเตี๋ยวลุยสวนแต่ไส้ในเป็นต้นหอม แตงกวา แครอท และเส้นหมี่ขาวห่อด้วยแป้งญวน ราดด้วยน้ำยำรสเผ็ดกำลังดี จัดจานอย่างประณีตด้วยดอกไม้สีสันสวยงามพร้อมความหอมกรุ่นจากกลิ่นงา
หนึ่งในเมนูอาหารจานเดี่ยวที่เป็น Signature คือ “ผัดไทยล้านนา” ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากสาวเครือฟ้าใช้เส้นข้าวซอยทอดที่จัดวางคล้ายมวยผม ปักปิ่นด้วยใบกุยช่ายอย่างอ่อนช้อย และราดกะทิข้าง ๆ เปรียบดั่งการประแป้งของหญิงสาว รสชาติอร่อยออกหวาน แถมยังกรุบกรอบเคี้ยวเพลิน และ“ข้าวคลุกปลาทูคุณยาย” เป็นข้าวหอมมะลิน้ำดอกอัญชัน พร้อมปลาทู พริกซอย มะนาว และมะเฟือง รสเปรี้ยวเค็มเผ็ด จัดจ้าน หอมกลิ่นสมุนไพร
สำหรับขนมหวานของทางร้าน ก็จะเป็น “สำปันนี” ขนมไทยหาทานยาก ทำจากแป้งมันคั่วกับกะทิ ทานทีละนิดให้ความหวานละลายในปากช้า ๆ อย่างละเมียดละไม และ “ลูกชุบอบควันเทียน” อันหอมหวาน ที่ทำเป็นรูปพืชผักสวนครัวซึ่งมีตะกร้าเล็ก ๆ สำหรับใส่ก้านลูกชุบที่มาจากก้านพริกจริง ๆ ตบท้ายด้วยเครื่องดื่มอย่างน้ำสมุนไพรอัญชันใบเตยหรือน้ำมะตูม เพิ่มความเย็นชื่นใจแถมยังได้ประโยชน์ต่อสุขภาพ
นอกจากเมนูที่เป็น Signature แล้ว ยังมีอีกหลายเมนูที่อร่อยไม่แพ้กัน อาทิ แกงเผ็ดเป็ดย่างในสวนผลไม้ กะหล่ำปลีฉ่าน้ำปลา หรือจะเป็นกุ้งทอดซอสมะขามงาคั่ว ใบเล็บครุฑกรอบ ซึ่งทุกเมนูการันตีความอร่อยทุกคำที่ได้รับประทาน เผลอ ๆ หมดจานโดยที่คุณไม่รู้ตัว ทานข้าวอิ่มแล้ว สามารถเดินขึ้นไปชม Art Gallery ที่ชั้น 2 ของร้านได้ด้วย เรียกได้ว่าอิ่มท้องแล้วยังอิ่มตาอิ่มใจกับงานศิลปะ ทั้งในจานและในร้านด้วย


>> ดาวน์โหลด PDF Version
>> อ่าน e-Magazine