ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หากใครกำลังมองหาพื้นที่สีเขียวแห่งใหม่ที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก เพื่อไปสูดอากาศสดชื่นเติมพลังให้พร้อมกลับมาลุยทำงานในวันจันทร์ Bestination ขอแนะนำ “อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ” ศูนย์การเรียนรู้ทางด้านสมุนไพรและธรรมชาติวิทยาที่ได้รวบรวมและอนุรักษ์สมุนไพรที่ปรากฎในตำรายาไว้มากกว่า 800 ชนิด ภายในรั้วมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ถนนพุทธมณฑลสาย 4 จังหวัดนครปฐม ที่จะทำให้ประสบการณ์การมาเยี่ยมชมสวนสมุนไพรของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน

อุทยานฯ แห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ 140 ไร่ แบ่งออกเป็น 7 ลาน และ 7 อาคาร ซึ่งถ้าหากจะเดินชมให้รอบอาจต้องใช้เวลาเกือบทั้งวัน แต่หากใครมีเวลาจำกัด เราขอแนะนำ 4 โซนไฮไลท์ที่ห้ามพลาด เริ่มตั้งแต่บริเวณทางเข้า จะได้พบกับอาคารใบไม้สามใบ ที่เป็นแลนด์มาร์คประจำอุทยานเพราะหากมองจากด้านบนลงมาจะเห็นเป็นภาพใบไม้ได้อย่างชัดเจน เมื่อเดินเข้ามาทางปีกขวาของอาคารจะพบกับห้องนิทรรศการถาวร “สมุนไพร ภูมิปัญญาไทยสู่สากล” ที่ชวนให้ตื่นตากับตำรับยาไทยจากสมุนไพรนานาชนิด บอกเล่าเรื่องราวของภูมิปัญญาพื้นบ้านของไทยผ่านเส้นทาง ของสมุนไพรในวิถีการแพทย์แผนไทย โดยผู้เข้าชมจะได้เรียนรู้และได้เห็นสมุนไพรของจริงอย่างใกล้ชิด รวมถึงสื่อแอนิเมชันสนุก ๆ เช่น การตรวจสอบสมดุลธาตุดิน น้ำลม ไฟ ของแต่ละคน ที่ไม่เหมือนกันได้ ผ่านเกมน่ารักที่มีชื่อว่า “ธาตุเจ้าเรือน”


จากนั้นเราสามารถไปชมบริเวณสวนสมุนไพรในโซนต่าง ๆ ได้ 3 วิธี ได้แก่ การเดิน การนั่งรถรางพร้อมไกด์บรรยาย หรือจะปั่นจักรยาน ชมสวนด้วยตนเองก็ได้เช่นกัน ซึ่งในครั้งนี้เราเลือกนั่งรถรางแล้วค่อยเดินลัดเลาะเพื่อสัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ผ่านลานสมุนไพรเพื่อผู้พิการซึ่งถูกออกแบบมาอย่างใส่ใจเพื่อรองรับกลุ่มผู้พิการและผู้สูงอายุให้สามารถเข้าใช้ได้อย่างสะดวก เช่น การจัดแปลงต้นไม้ให้ต่ำลงเพื่อให้สามารถเอื้อมไปสัมผัสได้ และจัดให้มี QR Code ตามจุดต่าง ๆ สำหรับดาวน์โหลดสื่อบรรยายความรู้สมุนไพร ในโซนนี้เราได้รู้จักกับสมุนไพรใกล้ตัวมากมายที่มีลักษณะเฉพาะ โดยสามารถเด็ดใบเล็ก ๆ มาลองดม ลองชม ลองชิมได้ ตัวอย่างเช่น พลูคาว ที่มีกลิ่นเหมือนคาวปลา มีฤทธิ์ช่วยต้านมะเร็ง และฟื้นฟูโรคความดันโลหิตสูง หรือหญ้าหวานที่เด็ดชิมสด ๆ ได้รสชาติหวานสมชื่อ นิยมใช้ผสมกับเครื่องดื่มแทนน้ำตาลเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากที่กล่าวมา ยังมีสมุนไพรอื่น ๆ มากมายให้ผู้เข้าชมได้มาสัมผัส
บริเวณกลางอุทยานเป็นที่ตั้งของบึงน้ำขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นแหล่งน้ำหล่อเลี้ยงต้นไม้ทั้งหมดในอุทยานฯ ฝูงปลาที่แหวกว่าย นกกระยางที่เดินตามใบบัว ศาลาริมน้ำท่ามกลางบรรยากาศที่ร่มรื่นเชื่อมกับสะพานไม้กว้างที่ทอดตัวยาวตามแนวบึง เป็นวิวที่สวยงามราวกับภาพวาด ทำให้พื้นที่สีเขียวแห่งนี้เป็นเหมือนปอดขนาดใหญ่ ที่ทำให้ผู้ที่มาเยี่ยมเยียนได้สัมผัสกับการได้พักผ่อนอย่างแท้จริง
บรรยากาศท่ามกลางธรรมชาติเช่นนี้ ทำให้ใจเราสงบนิ่ง เหมือนโลกหมุนช้าลง ต่างกับภายนอกที่รวดเร็ววุ่นวาย เมื่อได้เห็นรายละเอียดของสิ่งต่าง ๆ รอบตัวที่เคยมองข้าม โดยเฉพาะพืชผักสมุนไพรที่เราได้ค้นพบว่าช่างน่าสนใจและวิเศษกว่าที่คิด “ไม่มีพืชใด ไม่เป็นยา” เป็นคำพูดที่ยังดังอยู่หลังจากกลับมาวันนี้หากเดินไปรอบบ้านอย่างพิจารณา เราอาจพบคลังยาและความสุขจากเล็ก ๆ จากสวนหลังบ้านก็เป็นได้
>> ดาวน์โหลด PDF Version
>> อ่าน e-Magazine