เกี่ยวกับ ธปท.
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นองค์กรของรัฐที่มี บทบาทหน้าที่ หลักในการบริหารจัดการให้ระบบเศรษฐกิจและการเงินของประเทศดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย โดยผ่านการดำเนินนโยบายการเงินเพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจของประเทศสามารถเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพในอัตราที่เหมาะสมกับศักยภาพของประเทศ ซึ่งถือเป็นการร่วมสร้างสิ่งแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เอื้ออำนวยให้ประชาชนสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืนในระยะยาวด้วย
ธปท. ได้กำหนดวิสัยทัศน์คือ “เป็นองค์กรที่มองไกล มีหลักการและร่วมมือ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนของไทย” และกำหนดค่านิยมร่วมคือ “ยืนตรง มองไกล ยื่นมือ ติดดิน” โดยมีพันธกิจคือ “มุ่งเสริมสร้างสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจการเงินที่มีเสถียรภาพ และมีการพัฒนาอย่างยั่งยืนและทั่วถึง”
สำหรับทิศทางการดำเนินงานของ ธปท. ในภาพรวมนั้น ธปท. จะดำเนินงานภายใต้แผนยุทธศาสตร์ ซึ่งปัจจุบันใช้แผนยุทธศาสตร์ 3 ปี ธนาคารแห่งประเทศไทย (ปี 2560-2562) ซึ่งมุ่งเน้นวางรากฐานการทำหน้าที่ของ ธปท. เพื่อส่งเสริมให้ระบบเศรษฐกิจการเงินไทยมีมีเสถียรภาพ และระบบการเงินไทยมีพัฒนาการที่สนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างยั่งยืน ทั่วถึง และพร้อมปรับตัวเข้าสุ่เศรษฐกิจดิจิทัล โดยมีทั้งหมด 12 หัวข้อ และแบ่งได้เป็น 3 ด้าน ดังนี้
1. ด้านเสถียรภาพ (Stability) การรักษาเสถียรภาพระบบเศรษฐกิจการเงินถือเป็นพันธกิจหลักของ ธปท. ยุทธศาสตร์ด้านเสถียรภาพประกอบไปด้วย 1. เสถียรภาพการเงิน 2. เสถียรภาพระบบการเงิน 3. เสถียรภาพระบบสถาบันการเงิน และ 4. เสถียรภาพระบบการชำระเงิน ซึ่งจะมุ่งเน้นการติดตาม เท่าทัน ป้องกัน และพร้อมรับมือกับความเสี่ยงรูปแบบใหม่ที่จะเป็นความท้าทายต่อเสถียรภาพด้านต่าง ๆ โดยดูแลความเสี่ยงอย่างเหมาะสมและไม่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาและการสร้างนวัตกรรม นอกจากนั้น ยังมุ่งเน้นการเพิ่มบทบาทของ ธปท. ในการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ (supply side) ด้วย
2. ด้านการพัฒนา (Development) มุ่งผลักดันให้ระบบเศรษฐกิจการเงินไทยพัฒนาไปได้อย่างยั่งยืนและ เป็นธรรม โดยสนับสนุนการแข่งขัน นวัตกรรม และการใช้เทคโนโลยีอย่างครบวงจรเพื่อลดต้นทุน ของระบบการเงิน และเอื้อให้ระบบเศรษฐกิจการเงินปรับตัวเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล รวมทั้งส่งเสริมสภาพแวดล้อมทางการเงินให้มีผู้ให้บริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตอบโจทย์การพัฒนาของประเทศ ในขณะเดียวกันจะสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจการเงินกับต่างประเทศ ทั้งกรณีที่ไทยขยายไปต่างประเทศ และต่างประเทศมาใช้ไทยเป็นฐาน รวมถึงยกระดับการคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน เพิ่มความเข้มงวดเรื่องการให้บริการอย่างเป็นธรรม (market conduct) และส่งเสริมวินัยทางการเงินอย่างเป็นระบบ ยุทธศาสตร์ด้านพัฒนาประกอบด้วย 3 หัวข้อ ได้แก่ 5. การพัฒนาระบบการเงิน 6. การเชื่อมโยงกับต่างประเทศ และ 7. การส่งเสริมบริการทางการเงินอย่างทั่วถึง เป็นธรรม และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
3. ด้านเสริมสร้างความเข้มแข็งภายในองค์กร (Internal excellence) เพื่อวางรากฐานให้ ธปท. สามารถ ดำเนินภารกิจที่ยากและท้าทายขึ้นในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยุทธศาสตร์ด้านการเสริมสร้างความเข้มแข็งภายในองค์กรประกอบไปด้วย 8. ระบบข้อมูลและการวิเคราะห์ 9. ความเป็นเลิศด้านวิจัย 10. การยกระดับศักยภาพบุคลากร 11. การยกระดับศักยภาพองค์กร และ 12. การเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งการเสริมสร้างความเข้มแข็งองค์กรถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะยกระดับการทำหน้าที่ในฐานะธนาคารกลางที่ดีและน่าเชื่อถือของประเทศ สมกับค่านิยมร่วม “ยืนตรง มองไกล ยื่นมือ และติดดิน”
นอกจากนี้ ธปท. ยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของข้อมูลเศรษฐกิจการเงินอย่างครบถ้วน รอบด้าน ทันต่อเหตุการณ์ และเชื่อถือได้ เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบสถานการณ์ทางเศรษฐกิจตามความเป็นจริง โดยมีการรายงานข้อมูลและดัชนีชี้วัดที่สำคัญทางเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงอธิบายถึงสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงในแต่ละส่วนพร้อมทั้งประเมินภาพแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะต่อไปอยู่เป็นประจำ
สำหรับการสื่อสารในเรื่องของนโยบายการเงิน ธปท. มีการเผยแพร่ผลการตัดสินนโยบายการเงินหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินแต่ละครั้งให้สาธารณชนได้รับรู้ โดยจะเปิดเผยถึงเหตุผลของการตัดสินใจคงหรือปรับเพิ่ม/ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ข้อมูลที่ใช้ประกอบการตัดสินใจ พร้อมทั้งให้มุมมองแนวโน้มเศรษฐกิจของ ธปท. และตอบข้อซักถามของสื่อมวลชน เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับมุมมองของ ธปท. ในประเด็นต่าง ๆ
นอกจากนี้ ธปท. ยังมีการเผยแพร่บทวิเคราะห์แนวโน้มทางเศรษฐกิจและใช้เป็นสมมติฐานในการจัดทำประมาณการเศรษฐกิจประกอบการตัดสินนโยบายการเงิน ซึ่งจะช่วยให้ภาคเอกชนสามารถวางแผนและตัดสินใจทางธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาวะทางเศรษฐกิจและแนวทางการดำเนินโยบายการเงินของ ธปท.
ปัจจุบัน ธปท. ได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นธนาคารกลางของประเทศไทยมาอย่างยาวนานกว่า 75 ปี แล้ว ซึ่งตาม ประวัติของธปท. นั้นเริ่มมีความพยายามที่จะริเริ่มก่อตั้งธนาคารกลางอย่างจริงจังมาตั้งแต่หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 แล้ว แต่ด้วยปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศ และความขาดแคลนผู้ที่มีความรู้ความชำนาญทางด้านการเงินการธนาคาร จึงทำให้ต้องใช้เวลาอีกถึง 10 ปีจึงสามารถเปิดดำเนินการได้
นับตั้งแต่ ธปท. เริ่มเปิดดำเนินงานในวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2485 เป็นต้นมา ผู้ว่าการจากอดีตจนถึงปัจจุบัน มีจำนวนทั้งสิ้น 23 ท่าน โดยผู้ว่าการ ธปท. คนปัจจุบันได้แก่ นายวิรไท สันติประภพ ซึ่งเข้าดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558 นอกจากผู้ว่าการซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดของ ธปท. แล้ว ใน ทำเนียบผู้บริหาร ยังประกอบไปด้วยรองผู้ว่าการ 3 ท่าน และผู้ช่วยผู้ว่าการอีก 12 ท่าน ซึ่งทำหน้าที่บริหารส่วนงานต่าง ๆ ของ ธปท. สำหรับนโยบายและการดำเนินงานด้านต่าง ๆ นั้นจะกำหนดโดย คณะกรรมการ ที่มีอยู่หลายคณะอย่างเช่น คณะกรรมการนโยบายการเงิน คณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน และคณะกรรมการระบบการชำระเงิน เป็นต้น โดยมีคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยทำหน้าที่กำหนดนโยบายในภาพรวมของธปท.
เพื่อให้ประชาชนสามารถสืบค้นข้อมูลทางเศรษฐกิจ การเงิน การธนาคารและตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินงานของธปท. ได้อย่างโปร่งใส ทาง ธปท. ได้เตรียมช่องทางต่าง ๆ ไว้รองรับทั้งทางเว็บไซต์ บริการห้องข้อมูลข่าวสาร บริการห้องสมุดและจดหมายเหตุ นอกจากนี้ยังมี บริการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ ธปท. และกิจกรรมการเยี่ยมชมกิจการของ ธปท. รวมไปถึงการจัดกิจกรรมเพื่อสังคม อย่างเช่น โครงการให้ทุนการศึกษา โครงการให้ความรู้ทางการเงิน และโครงการเศรษฐทัศน์ เป็นต้น
ผู้ที่สนใจศึกษาและหาข้อมูลเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของ ธปท. ยังสามารถติดตามและตรวจสอบ งบการเงินประจำปี และ รายงานฐานะทางการเงินประจำสัปดาห์ ของ ธปท. ได้จากทางเว็บไซต์อีกด้วย