• EN
    • EN
  • เกี่ยวกับ ธปท.
    • บทบาทหน้าที่และประวัติ
    • การกำกับดูแลกิจการที่ดี
    • ธปท. กับบทบาทการพัฒนาอย่างยั่งยืน
    • ความร่วมมือระหว่างประเทศ
    • กฎหมาย/กฎเกณฑ์
    • ผังโครงสร้างองค์กร
    • คณะกรรมการ
    • รายงานทางการเงิน
    • รายงานประจำปี ธปท.
    • ธนบัตร
    • มูลนิธิ 50 ปี ธปท.
    • สมัครงานและทุน
    • พิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้
    • ศคง. 1213
    • งานและกิจกรรม
  • นโยบายการเงิน
    • คณะกรรมการ กนง.
    • เป้าหมายของนโยบายการเงิน
    • กำหนดการประชุม
    • ผลการประชุม กนง.
    • เอกสารเผยแพร่ของ กนง.
    • ความรู้เรื่องนโยบายการเงิน
    • ภาวะเศรษฐกิจไทย
    • เศรษฐกิจภูมิภาค
    • งานวิจัยและสัมมนาวิชาการ
  • สถาบันการเงิน
    • คณะกรรมการ กนส.
    • โครงสร้างระบบ สง. ไทย
    • บทบาทของ ธปท. ด้าน สง.
    • การกำหนดนโยบาย สง.
    • การกำกับตรวจสอบ สง.
    • ความร่วมมือกับผู้กำกับดูแลอื่น
    • ธุรกิจการเงินที่ ธปท. กำกับดูแล​​​​
    • มุมสถาบันการเงิน
    • การธนาคารเพื่อความยั่งยืน
    • โครงการพัฒนา Digital Factoring Ecosystem
    • โครงการ API Standard
  • ตลาดการเงิน
    • การดำเนินนโยบายการเงิน
    • การบริหารเงินสำรอง
    • การพัฒนาตลาดการเงิน
    • ตลาดเงินตราต่างประเทศ
    • หลักเกณฑ์การแลกเปลี่ยนเงิน
    • การลงทุนโดยตรง ตปท.
    • อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงและแนวทางรองรับการยุติการใช้ LIBOR
    • โครงการลงทะเบียนแสดงตัวตนของผู้ลงทุนตราสารหนี้ในประเทศไทย (BIR)
  • ระบบการชำระเงิน
    • คณะกรรมการ กรช.
    • นโยบายการชำระเงิน
    • การกำกับดูแลระบบการชำระเงิน
    • การกำกับตาม พ.ร.บ. ระบบการชำระเงิน 2560
    • บริการระบบการชำระเงิน
    • แนวนโยบาย/แนวปฏิบัติ /มาตรฐานระบบการชำระเงิน
    • ระเบียบ/ประกาศระบบการชำระเงิน
    • เทคโนโลยีทางการเงิน
    • การกำกับและตรวจสอบความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
    • การชำระเงินกับต่างประเทศ
  • วิจัยและสัมมนา
    • งานวิจัย
    • งานสัมมนา
    • สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย ​อึ๊งภากรณ์
  • สถิติ
    • สถิติตลาดการเงิน
    • สถิติเศรษฐกิจการเงิน
    • สถิติสถาบันการเงิน
    • สถิติระบบการชำระเงิน
    • สถิติเศรษฐกิจการเงินภูมิภาค
    • เครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจสำคัญ
    • แผนภูมิข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ
    • การรับส่งข้อมูลกับ ธปท.
    • บทความและเอกสารเผยแพร่ด้านสถิติ
    • คู่มือประชาชนด้านสถิติ
    • บริการข้อมูล BOT API

  • ประชาชน
  • กลุ่มสถาบันการเงิน
  • ผู้ประกอบการ
  • นักวิชาการ
  • สื่อมวลชน
  • นักเรียน นักศึกษา

ตลาดการเงิน


ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ค่าเงินบาทมีความผันผวนมากขึ้นกว่าในอดีต เนื่องจากมีปัจจัยทั้งภายในและภายนอกหลายปัจจัยที่เข้ามากระทบกับค่าเงินบาทอย่างมีนัยสำคัญ ยกตัวอย่างเช่น สึนามิ น้ำท่วม การชุมนุมทางการเมือง วิกฤติการเงินในยุโรป และวิกฤติการคลังในสหรัฐฯ ความผันผวนที่เพิ่มขึ้นของค่าเงินบาทเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงได้ยาก เนื่องจากธปท. ใช้ นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัวแบบมีการบริหารจัดการ (Managed Float) ซึ่งจะเน้นให้ค่าเงินบาทสะท้อนสภาวะเศรษฐกิจในขณะนั้น ๆ โดยปล่อยให้เคลื่อนไหวไปตามกลไกตลาดและไม่กำหนด อัตราแลกเปลี่ยน ตายตัวไว้ที่ค่าใดค่าหนึ่ง หรือผูกค่าเงินบาทไว้กับเงินตราต่างประเทศสกุลใดสกุลหนึ่ง

ภายใต้โครงสร้างเศรษฐกิจที่มีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลกมากขึ้นเช่นในปัจจุบัน อัตราแลกเปลี่ยนมีแนวโน้มที่จะผันผวนมากขึ้น ภาคธุรกิจเอกชนจำเป็นต้องปรับตัวรับความผันผวนของค่าเงินที่เพิ่มขึ้นด้วยการเน้นบริหารความเสี่ยงและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของตัวเอง ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาเครื่องมือที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการภาคธุรกิจเอกชนสามารถป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ อย่างเช่น การซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า การทำธุรกรรม FX Swap ฯลฯ
 
นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมาธปท. ยังมีนโยบายที่ชัดเจนในด้านของการผ่อนคลายกฎเกณฑ์เพื่อสนับสนุนให้นักลงทุนในประเทศออกไปลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งนอกจากจะเป็นการสนับสนุนให้ธุรกิจและนักลงทุนไทยขยายกิจการและเครือข่ายการลงทุนไปยังต่างประเทศแล้ว ยังเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาทอย่างเป็นธรรมชาติจากผลของกระแสเงินทุนไหลเข้าอีกด้วย

ในกรณีที่ค่าเงินบาทผันผวนมากเกินไปจนอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม หรือมีสัญญาณว่าเกิดการเก็งกำไรในค่าเงินบาท ธปท. ก็อาจจะเข้าไปดูแลความผันผวนในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเป็นครั้งคราวตามความจำเป็นของสถานการณ์  โดยจะพิจารณาจาก Nominal effective exchange rate (NEER) ซึ่งประกอบด้วยสกุลเงินของคู่ค้าและ คู่แข่งทางการค้าที่สำคัญ เป็นหลักไม่ใช่แค่ดอลลาร์สหรัฐฯ  เพียงสกุลเดียว แต่ทั้งนี้การดูแลค่าเงินบาทของธปท. จะต้องไม่ฝืนปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศ

ยิ่งไปกว่านั้น ธปท. ก็ยังมีการบังคับใช้ มาตรการป้องปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาท ซึ่งอาจมีการปรับระดับความเข้มข้นให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละช่วงได้ด้วย

การที่ธปท. มีภาระในการดูแลความผันผวนของค่าเงินบาท ทำให้เงินสำรองทางการของประเทศ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หน้าที่อีกประการหนึ่งของ ธปท. ก็คือ การบริหารเงินสำรองทางการ โดยยึดหลักสำคัญสามประการคือ การรักษามูลค่าของเงินสำรองในรูปเงินตราต่างประเทศ (Security) ต้องมีสภาพคล่องเพียงพอ (Liquidity) และ สร้างผลตอบแทนที่สูงที่สุดภายใต้ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Return) เงินสำรองระหว่างประเทศของ ธปท. ส่วนใหญ่อยู่ในรูปของการลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศที่มีความมั่นคง และมีความเสี่ยงต่ำ อย่างเช่น ทองคำ เงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศหรือสถาบันการเงินระหว่างประเทศ พันธบัตรรัฐบาลของประเทศพัฒนาแล้วที่มีความน่าเชื่อถือสูง หลักทรัพย์ของประเทศที่มีความน่าเชื่อถือสูง และสิทธิพิเศษถอนเงินที่นำส่งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)

เมื่อ ธปท. เข้าซื้อเงินตราต่างประเทศเพื่อดูแลไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งเร็วเกินไป เงินสำรองระหว่างประเทศจะเพิ่มขึ้นและในขณะเดียวกันก็เป็นการปล่อยเงินบาทในปริมาณที่เท่ากันเพิ่มเข้าไปในระบบการเงินของประเทศด้วย ดังนั้นเพื่อดูแลไม่ให้ปริมาณเงินในระบบเพิ่มขึ้นจนส่งผลต่ออัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินและอัตราเงินเฟ้อของประเทศ ธปท. ในฐานะธนาคารกลางจึงจำเป็นต้องออกพันธบัตร ธปท. เพื่อดูดซับสภาพคล่องเงินบาทที่เพิ่มขึ้นจากการแทรกแซงค่าเงินบาทออกจากระบบการเงิน (Sterilization) ด้วยภาระการแทรกแซงค่าเงินบาทอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาดังจะเห็นได้จากปริมาณเงินสำรองระหว่างประเทศที่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำให้ ธปท. จำเป็นต้องออกพันธบัตร ธปท. จำนวนมหาศาลเพื่อดูดซับสภาพคล่องออกจากระบบการเงิน
 
ทั้งนี้ เนื่องจากพันธบัตร ธปท. ออกขายในประเทศเป็นสกุลบาทเพื่อดูดซับสภาพคล่องในระบบ ดังนั้นดอกเบี้ยของพันธบัตรซึ่งถือเป็นต้นทุนของ ธปท. จึงอิงอยู่กับดอกเบี้ยในประเทศ ในขณะที่ผลตอบแทนที่ได้จากเงินสำรองระหว่างประเทศนั้นอิงอยู่กับดอกเบี้ยของเงินตราสกุลหลักของโลก ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วจะต่ำกว่าดอกเบี้ยสกุลบาทเสมอ ดังนั้น ยิ่ง ธปท. เข้าดูแลตลาดอัตราแลกเปลี่ยนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีภาระในการดูดซับสภาพคล่องมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งหมายความว่า ธปท. ต้องแบกรับผลขาดทุนทบทวีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว

ในส่วนของการดูแลอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินให้อยู่ในระดับที่สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น ธปท. อาศัยกลไกของ การดำเนินการผ่านตลาดการเงิน  (Open Market Operations) ซึ่งเป็นหนึ่งใน เครื่องมือการดำเนินนโยบายการเงิน ของธปท.

นอกจากนี้ ธปท. ยังทำหน้าที่กำกับดูแล และจัดจำหน่ายตราสารหนี้ภาครัฐในตลาดแรก รวมถึงเป็นนายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายดอกเบี้ย และไถ่ถอนต้นเงินตราสารหนี้ พร้อมทั้งพัฒนา อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) และพัฒนาตลาดซื้อคืนภาคเอกชน (Private Bilateral Repo) เพื่อสร้างตลาดเงินในประเทศให้มีความกว้างและความลึกยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังร่วมพัฒนาตลาดตราสารหนี้ กับกระทรวงการคลังหรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น  พัฒนาการออกตราสารหนี้ภาครัฐในตลาดแรก  เพิ่มสภาพคล่องและประสิทธิภาพของตลาดรอง  และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของกระบวนการส่งมอบและชําระราคาตราสารหนี้อีกด้วย

ตราสารหนี้ภาครัฐส่วนใหญ่จะเปิดจำหน่ายให้กับสถาบันการเงินโดยผ่านการประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding)  ซึ่งจะมีการแจ้งกำหนดการประมูล และ ข้อมูลตราสารหนี้ ไว้ล่วงหน้า แต่เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐซึ่งมีความเสี่ยงต่ำในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ในระดับที่ต่ำมาก จึงได้มีการเปิดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ให้กับประชาชนเป็นครั้งคราวตามโอกาสที่เหมาะสม ซึ่งได้แก่ พันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง และ พันธบัตรออมทรัพย์ธนาคารแห่งประเทศไทย
 
ประเด็นที่น่าสนใจสำหรับสื่อมวลชนเกี่ยวกับตลาดการเงิน

- เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
- การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและเงินบาท
- พฤติกรรมการทำ FX Hedging ของผู้ประกอบการไทยและความสัมพันธ์กับอัตราแลกเปลี่ยน (FAQ Issue 84)
- INTERNATIONAL SPILLOVERS ของการดำเนินและยุติมาตรการ QE (FAQ Issue 83)
- ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยทำให้ทุนนอกไหลเข้าไทยจริงหรือ? (FAQ Issue 78)
- การให้ความช่วยเหลือของ ธปท. แก่ภาคเศรษฐกิจสำคัญ

​
Share
Tweet
Share
Tweet
เกี่ยวกับ ธปท.
  • บทบาทหน้าที่และประวัติ
  • การกำกับดูแลกิจการที่ดี
  • ธปท. กับบทบาทการพัฒนาอย่างยั่งยืน
  • ความร่วมมือระหว่างประเทศ
  • กฎหมาย/กฎเกณฑ์
  • ผังโครงสร้างองค์กร
  • คณะกรรมการ
  • รายงานทางการเงิน
  • รายงานประจำปี ธปท.
  • ธนบัตร
  • มูลนิธิ 50 ปี ธปท.
  • สมัครงานและทุน
  • พิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้
  • ศคง. 1213
  • งานและกิจกรรม
นโยบายการเงิน
  • คณะกรรมการ กนง.
  • เป้าหมายของนโยบายการเงิน
  • กำหนดการประชุม
  • ผลการประชุม กนง.
  • เอกสารเผยแพร่ของ กนง.
  • ความรู้เรื่องนโยบายการเงิน
  • ภาวะเศรษฐกิจไทย
  • เศรษฐกิจภูมิภาค
  • งานวิจัยและสัมมนาวิชาการ
สถาบันการเงิน
  • คณะกรรมการ กนส.
  • โครงสร้างระบบ สง. ไทย
  • บทบาทของ ธปท. ด้าน สง.
  • การกำหนดนโยบาย สง.
  • การกำกับตรวจสอบ สง.
  • ความร่วมมือกับผู้กำกับดูแลอื่น
  • ธุรกิจการเงินที่ ธปท. กำกับดูแล​​​​
  • มุมสถาบันการเงิน
  • การธนาคารเพื่อความยั่งยืน
  • โครงการพัฒนา Digital Factoring Ecosystem
  • โครงการ API Standard
ตลาดการเงิน
  • การดำเนินนโยบายการเงิน
  • การบริหารเงินสำรอง
  • การพัฒนาตลาดการเงิน
  • ตลาดเงินตราต่างประเทศ
  • หลักเกณฑ์การแลกเปลี่ยนเงิน
  • การลงทุนโดยตรง ตปท.
  • อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงและแนวทางรองรับการยุติการใช้ LIBOR
  • โครงการลงทะเบียนแสดงตัวตนของผู้ลงทุนตราสารหนี้ในประเทศไทย (BIR)
ระบบการชำระเงิน
  • คณะกรรมการ กรช.
  • นโยบายการชำระเงิน
  • การกำกับดูแลระบบการชำระเงิน
  • การกำกับตาม พ.ร.บ. ระบบการชำระเงิน 2560
  • บริการระบบการชำระเงิน
  • แนวนโยบาย/แนวปฏิบัติ /มาตรฐานระบบการชำระเงิน
  • ระเบียบ/ประกาศระบบการชำระเงิน
  • เทคโนโลยีทางการเงิน
  • การกำกับและตรวจสอบความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
  • การชำระเงินกับต่างประเทศ
สถิติ
  • สถิติตลาดการเงิน
  • สถิติเศรษฐกิจการเงิน
  • สถิติสถาบันการเงิน
  • สถิติระบบการชำระเงิน
  • สถิติเศรษฐกิจการเงินภูมิภาค
  • เครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจสำคัญ
  • แผนภูมิข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ
  • การรับส่งข้อมูลกับ ธปท.
  • บทความและเอกสารเผยแพร่ด้านสถิติ
  • คู่มือประชาชนด้านสถิติ
  • บริการข้อมูล BOT API
ตารางเวลาเผยแพร่
เงื่อนไขการให้บริการ
นโยบายคุ้มครอง
ข้อมูลส่วนบุคคล
เชื่อมโยง
คำถามถามบ่อย
ติดต่อ ธปท.

©2015 Bank of Thailand. All rights reserved.   ( เว็บไซต์นี้รับชมได้ดี ด้วยเว็บเบราว์เซอร์ Chrome, Safari, Firefox หรือ IE 10 ขึ้นไป )
สอบถาม/ข้อเสนอแนะ/ร้องเรียน
ลงทะเบียนรับข้อมูล/ข่าวสาร

©2015 Bank of Thailand. All rights reserved.