พระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พุทธศักราช ๒๔๘๕
มาตรา ๕ "ให้จัดตั้งธนาคารกลางขึ้น เรียกว่า 'ธนาคารแห่งประเทศไทย' เพื่อรับมอบการออกธนบัตรจากกระทรวงการคลัง
และประกอบธุรกิจอันพึงเป็นงานธนาคารกลางตามบทแห่งพระราชบัญญัตินี้และพระราชกฤษฎีกาออกตามความในพระราชบัญญัตินี้"
ดังนั้น
กิจการทั้งปวงและอำนาจในการดำเนินการเกี่ยวกับธนบัตร ซึ่งเดิมเป็นงานในหน้าที่ของกองเงินตรา กรมคลัง
กระทรวงการคลัง จึงได้โอนมาอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.)
นับแต่นั้นมา
ต่อมาในพุทธศักราช ๒๕๕๑ เพื่อให้ ธปท.
ดำเนินภารกิจอันพึงเป็นงานของธนาคารกลาง ในการดำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพทางการเงิน
ทันต่อเหตุการณ์และสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจทางการเงินของโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
จึงได้พิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยตรา
พระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๑ ขึ้น มีผลบังคับใช้
เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
พระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พุทธศักราช ๒๕๕๑
พระราชบัญญัติฉบับนี้ กำหนดอำนาจหน้าที่ของ ธปท. ที่เกี่ยวข้องกับธนบัตรและบัตรธนาคารไว้ ดังนี้
มาตรา ๗ ธปท.
มีวัตถุประสงค์ในการดำเนินภารกิจอันพึงเป็นงานของธนาคารกลาง
เพื่อดำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพทางการเงิน
และเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงินและระบบการชำระเงิน
มาตรา ๘ ให้ ธปท. มีอำนาจกระทำกิจการต่างๆ
เพื่อบรรลุซึ่งวัตถุประสงค์ตามมาตรา ๗
และอำนาจเช่นว่านี้ให้รวมถึงการดำเนินการดังต่อไปนี้ด้วย
(๑)
การออกและจัดการธนบัตรของรัฐบาลและบัตรธนาคาร
มาตรา ๙ ห้าม ธปท.
กระทำการดังต่อไปนี้
(๕) รับจ้างพิมพ์ธนบัตร บัตรธนาคาร พันธบัตร อากรแสตมป์
หรือสิ่งพิมพ์อื่นใดที่มีระบบป้องการการปลอมแปลง
ตลอดจนจำหน่ายหมึกพิมพ์หรืออุปกรณ์อันเกี่ยวเนื่องกับการพิมพ์สิ่งพิมพ์ดังกล่าว
เว้นแต่เป็นกรณีที่ได้กระทำกับรัฐบาลไทย รัฐบาลต่างประเทศ องค์การระหว่างประเทศ
สถาบันการเงิน หรือนิติบุคคลที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น
และโดยได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการ ธปท.
มาตรา ๓๐ ให้ ธปท. เป็นผู้ออกธนบัตรของรัฐบาล
โดยอยู่ภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยเงินตรา
มาตรา ๓๑ ให้ ธปท.
มีสิทธิแต่ผู้เดียวที่จะออกบัตรธนาคารในราชอาณาจักร ให้ถือว่าบัตรธนาคารที่ ธปท. ออกตามวรรคหนึ่ง เป็นธนบัตรตามกฎหมายว่าด้วยเงินตรา
และให้การออกและจัดการบัตรธนาคารอยู่ภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวด้วย
มาตรา ๓๒
ให้ถือว่าบัตรธนาคารเป็นเงินตราตามประมวลกฎหมายอาญา