• EN
    • EN
  • เกี่ยวกับ ธปท.
    • บทบาทหน้าที่และประวัติ
    • การกำกับดูแลกิจการที่ดี
    • ธปท. กับบทบาทการพัฒนาอย่างยั่งยืน
    • ความร่วมมือระหว่างประเทศ
    • กฎหมาย/กฎเกณฑ์
    • ผังโครงสร้างองค์กร
    • คณะกรรมการ
    • รายงานทางการเงิน
    • รายงานประจำปี ธปท.
    • ธนบัตร
    • มูลนิธิ 50 ปี ธปท.
    • สมัครงานและทุน
    • พิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้
    • ศคง. 1213
    • งานและกิจกรรม
  • นโยบายการเงิน
    • คณะกรรมการ กนง.
    • เป้าหมายของนโยบายการเงิน
    • กำหนดการประชุม
    • ผลการประชุม กนง.
    • เอกสารเผยแพร่ของ กนง.
    • ความรู้เรื่องนโยบายการเงิน
    • ภาวะเศรษฐกิจไทย
    • เศรษฐกิจภูมิภาค
    • งานวิจัยและสัมมนาวิชาการ
  • สถาบันการเงิน
    • คณะกรรมการ กนส.
    • โครงสร้างระบบ สง. ไทย
    • บทบาทของ ธปท. ด้าน สง.
    • การกำหนดนโยบาย สง.
    • การกำกับตรวจสอบ สง.
    • ความร่วมมือกับผู้กำกับดูแลอื่น
    • ธุรกิจการเงินที่ ธปท. กำกับดูแล​​​​
    • มุมสถาบันการเงิน
    • การธนาคารเพื่อความยั่งยืน
    • โครงการพัฒนา Digital Factoring Ecosystem
    • โครงการ API Standard
  • ตลาดการเงิน
    • การดำเนินนโยบายการเงิน
    • การบริหารเงินสำรอง
    • การพัฒนาตลาดการเงิน
    • ตลาดเงินตราต่างประเทศ
    • หลักเกณฑ์การแลกเปลี่ยนเงิน
    • การลงทุนโดยตรง ตปท.
    • อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงและแนวทางรองรับการยุติการใช้ LIBOR
    • โครงการลงทะเบียนแสดงตัวตนของผู้ลงทุนตราสารหนี้ในประเทศไทย (BIR)
  • ระบบการชำระเงิน
    • คณะกรรมการ กรช.
    • นโยบายการชำระเงิน
    • การกำกับดูแลระบบการชำระเงิน
    • การกำกับตาม พ.ร.บ. ระบบการชำระเงิน 2560
    • บริการระบบการชำระเงิน
    • แนวนโยบาย/แนวปฏิบัติ /มาตรฐานระบบการชำระเงิน
    • ระเบียบ/ประกาศระบบการชำระเงิน
    • เทคโนโลยีทางการเงิน
    • การชำระเงินกับต่างประเทศ
  • วิจัยและสัมมนา
    • งานวิจัย
    • งานสัมมนา
    • สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย ​อึ๊งภากรณ์
  • สถิติ
    • สถิติตลาดการเงิน
    • สถิติเศรษฐกิจการเงิน
    • สถิติสถาบันการเงิน
    • สถิติระบบการชำระเงิน
    • สถิติเศรษฐกิจการเงินภูมิภาค
    • เครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจสำคัญ
    • แผนภูมิข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ
    • การรับส่งข้อมูลกับ ธปท.
    • บทความและเอกสารเผยแพร่ด้านสถิติ
    • คู่มือประชาชนด้านสถิติ
    • บริการข้อมูล BOT API

  • หน้าหลัก
  • > ตลาดการเงิน
  • > หลักเกณฑ์การแลกเปลี่ยนเงิน
  • > กฏหมายควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน
ตลาดการเงิน
ตลาดการเงิน
  • การดำเนินนโยบายการเงิน
    • การดำรงสินทรัพย์สภาพคล่อง
    • การออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย
    • ธุรกรรมซื้อคืนพันธบัตรแบบทวิภาคี
    • ธุรกรรมซื้อหรือขายขาดตราสารหนี้ภาครัฐ
    • สวอปเงินตราต่างประเทศ
    • ธุรกรรมรับฝากเงิน ณ สิ้นวัน
    • ธุรกรรมให้กู้ยืมสภาพคล่อง ณ สิ้นวัน
    • ธุรกรรมการยืมตราสารหนี้
    • ​​​​การกู้ยืมเงินจาก ธปท. ด้วยวิธีขายสินทรัพย์​หลักประกัน
    • ธุรกรรมด้านตลาดการเงินเพื่อการบริหารสภาพคล่อง ในกรณี BAHTNET Offline
    • การสนับสนุนสภาพคล่องให้กับสถาบันการเงินที่ให้ความช่วยเหลือแก่กองทุนรวมตราสารหนี้
  • การพัฒนาตลาดการเงิน
    • วัตถุประสงค์ของการพัฒนาตลาดการเงิน
    • โครงสร้างตลาดการเงินไทย
    • บทบาทของ ธปท. ในการพัฒนาตลาดการเงิน
    • เอกสารเผยแพร่
  • การบริหารเงินสำรอง
    • เงินสำรองทางการของประเทศ
    • การกำกับดูแลการบริหารเงินสำรองทางการ
    • การบริหารเงินสำรองทางการ
  • ตลาดเงินตราต่างประเทศ
    • ​แนวปฏิบัติ FX Global Code
    • การบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
    • บทความที่น่าสนใจ
  • หลักเกณฑ์การแลกเปลี่ยนเงิน
    • กฏหมายควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน
    • ธุรกิจปัจจัยชำระเงินต่างประเทศ
    • มาตรการป้องปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาท
    • การลงทุนต่างประเทศสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย
    • 7 ข้อเท็จจริงเรื่องค่าเงินบาท และการปรับตัวภายใต้ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
    • การขออนุญาตและส่งรายงานข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต
    • แบบรายงาน
    • คู่มือประชาชน/ เอกสารเผยแพร่และชี้แจง
    • ติดต่อเจ้าหน้าที่
    • FAQs
  • การลงทุนโดยตรง ตปท.
    • เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ
    • ระเบียบและข้อกฏหมายที่เกี่ยวกับการลงทุนต่างประเทศ
    • บทความ งานศึกษา ที่น่าสนใจ
    • ข้อมูลเกี่ยวข้องกับการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ
    • เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
    • หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในต่างประเทศ
  • อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงและแนวทางรองรับการยุติการใช้ LIBOR
  • โครงการลงทะเบียนแสดงตัวตนของผู้ลงทุนตราสารหนี้ในประเทศไทย (BIR)
​ประกาศ/หนังสือเวียน คลิกที่นี่ 
ระเบียบควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน (ฉบับประมวล) คลิกที่นี่
คำถาม-คำตอบ คลิกที่นี่
    ​

    ข้อควรทราบเกี่ยวกับระเบียบควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน (Infographic คลิกที่นี่)

    1. ระเบียบการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงิน

    ก. กฎระเบียบ

    กฎหมายแม่บทที่ใช้ในการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน ได้แก่ พระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินพุทธศักราช 2485 และจากการอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ. ดังกล่าวได้มีการออกกฎกระทรวง ประกาศกระทรวงการคลัง และประกาศเจ้าพนักงานควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการซื้อ ขาย แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

    ข. การควบคุมดูแลให้เป็นไปตามระเบียบ

    ธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้ทำหน้าที่กำกับดูแลการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตรา
    ต่างประเทศ โดยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยแต่งตั้งพนักงานของธนาคารเป็นเจ้าพนักงานตามพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน พุทธศักราช 2485 เพื่อควบคุมดูแลให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน การซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน กู้ยืม  หรือโอนเงินตราต่างประเทศทุกประเภทจะต้องกระทำกับธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจเงินตราต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเงินตราต่างประเทศจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เช่น บุคคลรับอนุญาต (money changer) และตัวแทนโอนเงินระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ห้ามมิให้บุคคลทั่วไปซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน ให้กู้ยืม หรือโอนเงินตราต่างประเทศกับผู้ที่ไม่มี
    ใบอนุญาตเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินเป็นรายกรณี

    2. การโอนเงินเข้าหรือออกนอกประเทศ

    1. การโอนเงินเข้าประเทศ

    การโอนเงินตราต่างประเทศหรือเงินบาทเข้ามาในประเทศทำได้ไม่จำกัดจำนวน

    เมื่อบุคคลใดได้รับเงินตราต่างประเทศจากต่างประเทศ เช่น ค่าสินค้าหรือบริการ เงินลงทุนหรือเงินกู้ยืมจากต่างประเทศ ที่มีจำนวนตั้งแต่ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือเทียบเท่า บุคคลดังกล่าวจะต้องนำเงินตราต่างประเทศดังกล่าวกลับเข้าประเทศทันที ซึ่งต้องไม่เกิน 360 วันนับแต่วันที่ส่งของออกหรือวันที่ทำธุรกรรม และขายหรือฝากเงินตราต่างประเทศนั้นกับธนาคารพาณิชย์ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยภายใน 360 วันนับตั้งแต่วันที่ได้มาหรือนำเข้า

    ในกรณีที่ได้รับเงินตราต่างประเทศจากต่างประเทศ และต้องการนำเงินตราต่างประเทศดังกล่าวไปชำระหรือหักกลบกับภาระค่าใช้จ่ายในต่างประเทศ[1] สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเงินกลับเข้าประเทศ

    2. การโอนเงินออกนอกประเทศ

    1. การชำระค่าสินค้าหรือค่าบริการ เช่น ค่าธรรมเนียม ดอกเบี้ย เงินปันผล เงินกำไร หรือค่ารอยัลตี้ รวมถึงการโอนเงินเพื่อเป็น
    ค่าใช้จ่ายการศึกษา สามารถทำได้ตามภาระค่าใช้จ่ายดังกล่าว

    2. การลงทุนหรือให้กู้ยืมในต่างประเทศ

    1) นิติบุคคลสามารถส่งเงินไปจัดตั้งหรือเข้าร่วมลงทุนในกิจการที่ต่างประเทศ โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นตั้งแต่ร้อยละ 10 ขึ้นไป หรือ
    ส่งเงินไปลงทุนในกิจการในเครือที่ต่างประเทศ หรือให้กู้ยืมแก่กิจการที่ต่างประเทศได้ โดยไม่จำกัดจำนวน

    2) บุคคลธรรมดาสามารถส่งเงินไปจัดตั้งหรือเข้าร่วมลงทุนในกิจการที่ต่างประเทศ โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นตั้งแต่ร้อยละ 10 ขึ้นไป หรือลงทุนหรือให้กู้ยืมแก่กิจการในเครือที่ต่างประเทศของกิจการดังกล่าวได้ โดยไม่จำกัดจำนวน

    ทั้งนี้ การส่งเงินไปลงทุนหรือให้กู้ยืมดังกล่าว จะต้องเป็นเงินตราต่างประเทศเท่านั้น ยกเว้นกรณีที่ลงทุนหรือให้กู้ยืมแก่กิจการในประเทศเวียดนาม หรือประเทศที่มีพรมแดนติดต่อกับไทย เพื่อที่จะนำไปใช้เพื่อการค้าหรือการลงทุนในไทยหรือในประเทศดังกล่าว
    ให้ลงทุนหรือให้กู้ยืมเป็นเงินบาทได้

    3. การลงทุนในหลักทรัพย์ในต่างประเทศ

    1) ผู้ลงทุนสถาบัน ได้แก่ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ สำนักงานประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม (ไม่รวม
    กองทุนส่วนบุคคล) ผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ บริษัทประกันชีวิตและประกันวินาศภัย สถาบันการเงินที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้ง นิติบุคคลไทยที่มีสินทรัพย์ตั้งแต่ 5,000 ล้านบาท บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และผู้ประกอบธุรกิจสัญญา
    ซื้อขายล่วงหน้า สามารถลงทุนในหลักทรัพย์ในต่างประเทศ หรือหลักทรัพย์สกุลเงินตราต่างประเทศที่ออกหรือเสนอขายในไทยได้
    ไม่จำกัดจำนวน[2]

    2) บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลไทยที่ไม่ใช่ผู้ลงทุนสถาบัน สามารถลงทุนในหลักทรัพย์ในต่างประเทศ หรือหลักทรัพย์สกุลเงินตรา
    ต่างประเทศที่ออกหรือเสนอขายในไทยโดยไม่ผ่านตัวแทนการลงทุนในประเทศให้แก่บุคคลที่มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศได้ในวงเงินไม่เกิน
    5 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อรายต่อปี[2]

    ทั้งนี้ ผู้ลงทุนข้างต้นสามารถเลือกลงทุนผ่านตัวแทนการลงทุนในประเทศ เช่น บริษัทหลักทรัพย์ ธนาคารพาณิชย์ ผู้จัดการกองทุน
    ส่วนบุคคล ได้โดยไม่จำกัดจำนวน ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนดด้วย

    4. การโอนเงินออกเพื่อวัตถุประสงค์อื่น

    การส่งเงินให้เปล่าแก่บุคคลในต่างประเทศ ให้ทำได้ไม่เกิน 50,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือเทียบเท่าต่อรายต่อปี ทั้งนี้ กรณีการส่งเงินของ
    ผู้ที่ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ต่างประเทศเป็นการถาวร หรือการส่งเงินให้ญาติที่ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ต่างประเทศเป็นการถาวร หรือการส่งเงินบริจาคให้แก่สาธารณประโยชน์ ให้ทำได้โดยไม่จำกัดจำนวน

    การโอนเงินออกนอกประเทศผ่านธนาคารพาณิชย์เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ สามารถทำได้ตามภาระผูกพันการชำระเงินในต่างประเทศ
    ยกเว้นวัตถุประสงค์ที่กำหนดให้ต้องยื่นขออนุญาตจาก ธปท. ก่อน เช่น การชำระเงินที่เกี่ยวกับการซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศ
    แลกกับเงินบาท หรือทำธุรกรรมอนุพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับเงินบาทกับคู่สัญญาในต่างประเทศ หรือชำระเงินที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล

    [1] ภาระค่าใช้จ่ายในต่างประเทศที่ไปชำระได้ ไม่รวมการนำเงินไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ หรือนำไปชำระเพื่อวัตถุประสงค์ที่กำหนดให้ต้องยื่นขออนุญาตจาก ธปท. ก่อน เช่น การชำระเงินที่เกี่ยวกับการซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศแลกกับเงินบาท หรือทำธุรกรรมอนุพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับเงินบาทกับ
    คู่สัญญาในต่างประเทศ หรือชำระเงินที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล

    [2] โดยให้มาลงทะเบียนผ่าน BOTWebsite เพื่อยื่นแบบแจ้งความประสงค์การลงทุนในตราสารในต่างประเทศ และอนุพันธ์ เป็นรายปี และให้รายงาน
    ยอดคงค้างการลงทุนตามเกณฑ์ที่ ธปท.กำหนด

    3. เงินลงทุนจากต่างประเทศ

    นักลงทุนต่างชาติสามารถโอนเงินเข้ามาลงทุนในประเทศไทยได้โดยไม่มีข้อจำกัดทั้งการลงทุนโดยตรง การลงทุนในหุ้น หรือตราสาร
    ทางการเงินในประเทศไทย

    การส่งคืนเงินลงทุน หรือชำระคืนเงินกู้จากต่างประเทศ สามารถดำเนินการได้โดยผ่านธนาคารพาณิชย์ ทั้งนี้ หากเป็นเงินกู้ที่ไม่ได้นำเข้ามาในประเทศไทย จะต้องเป็นเงินกู้ที่นำไปชำระภาระผูกพันในต่างประเทศตามที่กำหนด ซึ่งต้องไม่ใช่วัตถุประสงค์ที่กำหนดให้ต้องยื่นขออนุญาตจาก ธปท. ก่อน

    4. การชำระเงินตราต่างประเทศระหว่างบุคคลไทยภายในประเทศ

    บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลไทยสามารถชำระเงินตราต่างประเทศให้แก่บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลไทยรายอื่นได้ ซึ่งต้องสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจหรือความจำเป็นในการใช้เงินตราต่างประเทศ และธุรกรรมนั้นจะต้องมีความเชื่อมโยงกับต่างประเทศ เช่น การชำระค่าสินค้าและบริการเป็นเงินตราต่างประเทศในห่วงโซ่อุปทาน (supply chain)

    ทั้งนี้ ไม่รวมถึงการชำระเงินตราต่างประเทศระหว่างกันเพื่อวัตถุประสงค์ที่กำหนดให้ต้องขออนุญาตจาก ธปท. ก่อน ได้แก่ การชำระเงินที่เกี่ยวกับการซื้อขาย แลกเปลี่ยน หรือให้กู้ยืมเงินตราต่างประเทศ และการชำระเงินที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล นอกจากนี้ ไม่อนุญาตให้ชำระเงินตราต่างประเทศระหว่างกันเป็นเงินสด

    5. บัญชีเงินฝากธนาคาร

    1. บัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศของบุคคลไทย

    บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลไทยสามารถเปิดบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศไว้กับธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยได้ โดยมีเงื่อนไขการฝากหรือถอน ดังนี้

    1.1 การฝาก

    บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลไทยสามารถนำเงินตราต่างประเทศฝากในบัญชีตามกรณีดังนี้ได้โดยไม่จำกัดจำนวน

    1) เงินตราต่างประเทศอันมีแหล่งที่มาจากต่างประเทศ เช่น รายได้ ค่าบริการ เงินลงทุนที่ได้รับมาจากต่างประเทศ

    2) เงินตราต่างประเทศที่ตนเองได้จากการซื้อ แลกเปลี่ยน หรือกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์

    3) เงินตราต่างประเทศที่ได้รับชำระจากบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลไทยรายอื่น

    ทั้งนี้ กรณีบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลไทยฝากธนบัตรเงินตราต่างประเทศ ให้สามารถฝากได้ (1) ไม่เกินจำนวนเงินที่นำเข้ามาจาก
    ต่างประเทศ หรือไม่เกินจำนวนเงินที่ได้รับจากธนาคารพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจเงินตราต่างประเทศประเภทอื่น หรือ (2) ไม่เกินวันละ 15,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือเทียบเท่า

    1.2 การถอน

    1) เพื่อชำระภาระผูกพันให้แก่บุคคลในต่างประเทศ หรือบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลไทยรายอื่นตามความจำเป็นตามข้อ 4

    2) เพื่อชำระภาระผูกพันให้แก่ธนาคารพาณิชย์ หรือผู้ประกอบธุรกิจเงินตราต่างประเทศประเภทอื่น

    3) เพื่อฝากเข้าบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศบัญชีอื่นของตน หรือของบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลไทยรายอื่น

    4) เพื่อขายเป็นเงินบาท

    2. บัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศของบุคคลที่มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ

    บุคคลที่มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศสามารถเปิดบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศกับธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยได้ โดยการฝากหรือถอนเงินจากบัญชีดังกล่าวสามารถทำได้โดยไม่มีข้อจำกัด เว้นแต่เป็นการฝากธนบัตรเงินตราต่างประเทศให้ถือปฏิบัติเช่นเดียวกับกรณีการฝากธนบัตรเงินตราต่างประเทศของบุคคลไทย

    3. บัญชีเงินบาทของบุคคลที่มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ

    บุคคลที่มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศสามารถเปิดบัญชีเงินบาทไว้กับธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยได้ 2 ประเภท ดังนี้

    3.1 บัญชีเพื่อการลงทุนในหลักทรัพย์และตราสารทางการเงินอื่น การฝากหรือถอนเงินจากบัญชีต้องเป็นไปเพื่อการลงทุนในหลักทรัพย์และตราสารทางการเงินในประเทศไทย เช่น หุ้น พันธบัตร เป็นต้น

    3.2 บัญชีเพื่อวัตถุประสงค์ทั่วไป การฝากหรือถอนเงินจากบัญชีต้องเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่ไม่ใช่เงินลงทุนในหลักทรัพย์และ
    ตราสารทางการเงิน เช่น ค่าสินค้าบริการ เงินลงทุนโดยตรง เงินกู้ยืม เงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น

    ทั้งนี้ ยอดคงค้างในบัญชี ณ สิ้นวันสำหรับบัญชีแต่ละประเภทต้องไม่เกิน 200 ล้านบาทต่อราย และห้ามโอนเงินระหว่างบัญชีแต่ละประเภท

    6. การบริหารความเสี่ยง

    ผู้ประกอบการในไทยสามารถทำสัญญาซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้ากับธนาคารพาณิชย์เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตรา
    แลกเปลี่ยนในกรณีต่างๆ ได้ เช่น กรณีมีรายได้หรือรายจ่ายที่เป็นเงินตราต่างประเทศในอนาคต มีการลงทุนในต่างประเทศ หรือมีความเสี่ยงที่เกิดจากการบันทึกรายการในงบการเงิน เป็นต้น รวมทั้งสามารถทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงแทนกิจการในเครือในประเทศ และสามารถทำสัญญาดังกล่าวโดยใช้ประมาณการรายได้หรือรายจ่ายหรือความเสี่ยงตามที่กำหนดได้ ทั้งนี้ การต่ออายุหรือยกเลิกสัญญาซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าดังกล่าว สามารถทำได้เสรี[3]

    [3] การทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงแทนกิจการในเครือในประเทศ หรือโดยใช้ประมาณการ หรือการต่ออายุหรือยกเลิกสัญญาเสรี ไม่รวมถึงการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงกรณีค่าทองคำ ซึ่งเป็นกรณีที่ต้องขออนุญาตต่อ ธปท.

    7. การแจ้งรายการและการยื่นเอกสารประกอบการทำธุรกรรม

    ผู้ที่ทำธุรกรรมซื้อ ขาย ฝาก หรือถอนเงินตราต่างประเทศกับธนาคารพาณิชย์ ต้องแจ้งรายการการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศ
    ต่อธนาคารพาณิชย์

    ทั้งนี้ กรณีการทำธุรกรรมของบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลไทยที่มีมูลค่าตั้งแต่ 200,000 ดอลลาร์ สรอ. ต่อรายการ ให้ยื่นเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องต่อธนาคารพาณิชย์ เว้นแต่กรณีที่ลูกค้าผ่านกระบวนการรู้จักลูกค้า (Know Your Business (KYB)) กับธนาคารพาณิชย์ ให้ธนาคารพาณิชย์สามารถไม่ต้องเรียกให้ลูกค้ายื่นเอกสารหลักฐานได้ หากเป็นธุรกรรมที่ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบเพิ่มเติม

    เมื่อทำธุรกรรมดังกล่าวแล้ว ธนาคารจะออกหลักฐานประกอบการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศตามที่กำหนด ให้แก่ผู้ทำธุรกรรม

    8. หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการนำเข้าหรือส่งออกธนบัตร

    1. การนำธนบัตรเงินตราต่างประเทศหรือเงินบาทเข้ามาในประเทศทำได้ไม่จำกัดจำนวน

    2. การนำธนบัตรเงินตราต่างประเทศหรือเงินบาทออกไปยังต่างประเทศ สามารถทำได้ดังนี้

    (1) กรณีธนบัตรเงินตราต่างประเทศ สามารถนำออกไปต่างประเทศได้ตามจำนวนที่ซื้อจากธนาคารพาณิชย์หรือ money changer

    (2) กรณีธนบัตรบาท สามารถนำออกไปยังประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม สาธารณรัฐประชาชนจีน (เฉพาะมณฑลยูนนาน) และประเทศที่มีพรมแดนติดต่อกับประเทศไทยได้ครั้งละไม่เกิน 2,000,000 บาท สำหรับประเทศอื่นนำออกได้ไม่เกินครั้งละ 50,000 บาท

    ทั้งนี้ การนำธนบัตรเงินบาท ธนบัตรเงินตราต่างประเทศ หรือตราสารเปลี่ยนมือเข้ามาในประเทศหรือออกไปนอกประเทศ อันมีมูลค่ารวมกันเกินกว่า 450,000 บาท หรือ 15,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือเทียบเท่า ต้องสำแดงรายการต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรตามแบบที่กำหนด

     

    ฝ่ายนโยบายและกำกับการแลกเปลี่ยนเงิน

    ธนาคารแห่งประเทศไทย

                                                                                                    มิถุนายน 2565


    วัตถุประสงค์

    1. เพื่อรวบรวมเงินตราต่างประเทศไว้ในแหล่งกลาง

    2. เพื่อควบคุมการใช้จ่ายเงินตราต่างประเทศให้เป็นไปในทิศทางที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม

    3. เพื่อป้องกันการโอนทุนออกนอกประเทศ

    4. เพื่อรักษาค่าภายนอกของเงินบาท หรืออัตราแลกเปลี่ยนไว้ให้มั่นคง

    โครงสร้างกฎหมายควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน

    โครงสร้างกฎหมายควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินประกอบด้วย

    1.   พระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน พุทธศักราช 2485 เป็นกฎหมายหลักซึ่งให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงควบคุม จำกัด หรือห้ามการปฏิบัติกิจการทั้งปวงเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนเงิน หรือมีเงินตราต่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง และกำหนดบทลงโทษแก่ผู้ที่ปฏิบัติฝ่าฝืนกฎหมาย ประกาศ คำสั่ง

    2.   กฎกระทรวง ออกตามพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน พุทธศักราช 2485 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เพื่อกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจปัจจัยชำระเงินต่างประเทศ ต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี และห้ามมิให้บุคคลใด นอกจากผู้ได้รับอนุญาต ซื้อ ขาย ให้กู้ แลกเปลี่ยน หรือโอนปัจจัยชำระเงินต่างประเทศ และกำหนดเงื่อนไขการจัดให้ได้เงินตราต่างประเทศค่าส่งออกภายในเวลาที่กำหนด รวมทั้ง ข้อกำหนดการขายหรือฝากเงินตราต่างประเทศค่าส่งออก และเงินได้อื่น ๆ จากต่างประเทศ กับธนาคารรับอนุญาต บริษัทรับอนุญาต หรือบุคคลรับอนุญาต

    3.   ประกาศกระทรวงการคลัง  ออกโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อกำหนดหน้าที่ และพิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการทำธุรกรรมเงินบาท และเงินตราต่างประเทศที่บุคคลทั่วไปและผู้ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจปัจจัยชำระเงินต่างประเทศ ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บุคคลรับอนุญาต บริษัทรับอนุญาต ตัวแทนโอนเงินระหว่างประเทศ และศูนย์บริหารเงิน ต้องถือปฏิบัติ

    4.   ประกาศเจ้าพนักงานควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน หรือหนังสือเวียนเจ้าพนักงานควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน  กำหนดหลักเกณฑ์ และพิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการซื้อขาย แลกเปลี่ยน ฝากถอน ให้กู้เงินตราต่างประเทศ และการรับฝากเงินบาทเข้าบัญชีเงินบาทของบุคคลที่มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ รวมทั้ง การจัดทำรายงาน และการจัดเก็บเอกสารที่เกี่ยวข้อง

    ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้ควบคุมดูแลตาม พรบ. ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน โดยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานของธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าพนักงานควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน 

    Share
    Tweet
    Share
    Tweet
    เกี่ยวกับ ธปท.
    • บทบาทหน้าที่และประวัติ
    • การกำกับดูแลกิจการที่ดี
    • ธปท. กับบทบาทการพัฒนาอย่างยั่งยืน
    • ความร่วมมือระหว่างประเทศ
    • กฎหมาย/กฎเกณฑ์
    • ผังโครงสร้างองค์กร
    • คณะกรรมการ
    • รายงานทางการเงิน
    • รายงานประจำปี ธปท.
    • ธนบัตร
    • มูลนิธิ 50 ปี ธปท.
    • สมัครงานและทุน
    • พิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้
    • ศคง. 1213
    • งานและกิจกรรม
    นโยบายการเงิน
    • คณะกรรมการ กนง.
    • เป้าหมายของนโยบายการเงิน
    • กำหนดการประชุม
    • ผลการประชุม กนง.
    • เอกสารเผยแพร่ของ กนง.
    • ความรู้เรื่องนโยบายการเงิน
    • ภาวะเศรษฐกิจไทย
    • เศรษฐกิจภูมิภาค
    • งานวิจัยและสัมมนาวิชาการ
    สถาบันการเงิน
    • คณะกรรมการ กนส.
    • โครงสร้างระบบ สง. ไทย
    • บทบาทของ ธปท. ด้าน สง.
    • การกำหนดนโยบาย สง.
    • การกำกับตรวจสอบ สง.
    • ความร่วมมือกับผู้กำกับดูแลอื่น
    • ธุรกิจการเงินที่ ธปท. กำกับดูแล​​​​
    • มุมสถาบันการเงิน
    • การธนาคารเพื่อความยั่งยืน
    • โครงการพัฒนา Digital Factoring Ecosystem
    • โครงการ API Standard
    ตลาดการเงิน
    • การดำเนินนโยบายการเงิน
    • การบริหารเงินสำรอง
    • การพัฒนาตลาดการเงิน
    • ตลาดเงินตราต่างประเทศ
    • หลักเกณฑ์การแลกเปลี่ยนเงิน
    • การลงทุนโดยตรง ตปท.
    • อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงและแนวทางรองรับการยุติการใช้ LIBOR
    • โครงการลงทะเบียนแสดงตัวตนของผู้ลงทุนตราสารหนี้ในประเทศไทย (BIR)
    ระบบการชำระเงิน
    • คณะกรรมการ กรช.
    • นโยบายการชำระเงิน
    • การกำกับดูแลระบบการชำระเงิน
    • การกำกับตาม พ.ร.บ. ระบบการชำระเงิน 2560
    • บริการระบบการชำระเงิน
    • แนวนโยบาย/แนวปฏิบัติ /มาตรฐานระบบการชำระเงิน
    • ระเบียบ/ประกาศระบบการชำระเงิน
    • เทคโนโลยีทางการเงิน
    • การชำระเงินกับต่างประเทศ
    สถิติ
    • สถิติตลาดการเงิน
    • สถิติเศรษฐกิจการเงิน
    • สถิติสถาบันการเงิน
    • สถิติระบบการชำระเงิน
    • สถิติเศรษฐกิจการเงินภูมิภาค
    • เครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจสำคัญ
    • แผนภูมิข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ
    • การรับส่งข้อมูลกับ ธปท.
    • บทความและเอกสารเผยแพร่ด้านสถิติ
    • คู่มือประชาชนด้านสถิติ
    • บริการข้อมูล BOT API
    ตารางเวลาเผยแพร่
    เงื่อนไขการให้บริการ
    นโยบายคุ้มครอง
    ข้อมูลส่วนบุคคล
    เชื่อมโยง
    คำถามถามบ่อย
    ติดต่อ ธปท.

    ©2015 Bank of Thailand. All rights reserved.   ( เว็บไซต์นี้รับชมได้ดี ด้วยเว็บเบราว์เซอร์ Chrome, Safari, Firefox หรือ IE 10 ขึ้นไป )
    สอบถาม/ข้อเสนอแนะ/ร้องเรียน
    ลงทะเบียนรับข้อมูล/ข่าวสาร

    ผู้จัดการบริการ
    ถิรวรรณ โทร 0-2356-7349
    สุนารี โทร 0-2356-7859

    ©2015 Bank of Thailand. All rights reserved.