โครงการแลกเปลี่ยนข้อมูลเศรษฐกิจและธุรกิจระหว่าง ธปท. กับภาคธุรกิจ
(Business Liaison Program: BLP)
>>ดาวน์โหลดเอกสาร

โครงการแลกเปลี่ยนข้อมูลเศรษฐกิจและธุรกิจ ระหว่าง ธปท. กับภาคธุรกิจนั้น เป็นโครงการที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2547 เพื่อให้เข้าใจถึงภาวะเศรษฐกิจจริงในเชิงลึกทั้งในระดับมหภาคและระดับจุลภาคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และทันต่อสถานการณ์ รับทราบข้อเท็จจริง ปัญหาและอุปสรรค ช่วยในการมองไปข้างหน้า รวมถึงสร้างความเข้าใจต่อพฤติกรรมและบทบาทของผู้เล่นในระบบเศรษฐกิจระดับจุลภาคที่อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจ สำหรับใช้ประกอบในการพิจารณาเพื่อดำเนินนโยบายการเงินของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ผ่านการสัมภาษณ์แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ประกอบธุรกิจในสาขาต่าง ๆ สมาคมและองค์กรภาคเอกชน หน่วยงานของรัฐ รวมถึงครัวเรือนฐานราก แนวทางการทำงานในลักษณะนี้ส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมจากหน่วยเศรษฐกิจต่าง ๆ และช่วยให้ ธปท. สามารถประเมินภาวะเศรษฐกิจได้อย่างรอบด้านมากขึ้น
รูปแบบหลักในการทำงานของ BLPจำแนกได้เป็น 3 รูปแบบ ดังนี้
1. การสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่าง ผู้แทน ธปท. จากสำนักงานใหญ่และสำนักงานภาค โดยส่วนเศรษฐกิจภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ จะติดต่อสื่อสารเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ประกอบการประมาณ 200 รายต่อไตรมาส หรือ 800 รายต่อปี มีทั้งกลุ่มที่สัมภาษณ์เป็นประจำทุกปีเพื่อติดตามภาวะธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และกลุ่มใหม่ ๆ
เพื่อกระจายกลุ่มตัวอย่างให้หลากหลาย ทั้งในมิติของขนาดและประเภทของธุรกิจ รวมถึงมิติของพื้นที่ โดยกลุ่มตัวอย่างจะครอบคลุมทั้งบริษัทขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ และกลุ่มธุรกิจในภาคอุตสาหกรรม การบริการ การค้า ก่อสร้าง และเกษตรกรรม ที่กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์หรือการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ หากเกิดเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญจะติดต่อสัมภาษณ์ผู้ประกอบการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที รวมถึงลงพื้นที่จริงเพื่อให้สามารถประเมินสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วและรอบด้าน
2. จัดประชุมหารือเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็น (roundtable) ในประเด็นที่มีนัยต่อเศรษฐกิจ จะระดมความคิดเห็นจากตัวแทนบริษัท หน่วยงาน หรือสมาพันธ์ สมาคม สภาต่าง ๆ ทั้งในประเทศ อาทิ สภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย สมาพันธ์ SMEs สมาคมผู้ค้าปลีก สมาคมโชห่วย สภาองค์การลูกจ้าง สหภาพแรงงาน สมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง สมาคมแท็กซี่ รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศ อาทิ JETRO และสถานทูต หรือหอการค้าของประเทศคู่ค้าหลักของไทย
3. โครงการผู้บริหาร ธปท. พบผู้ประกอบการในภูมิภาค เป็นการหารือกับผู้ประกอบการ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้บริหารระดับสูงของ ธปท. กับผู้ประกอบการภาคเอกชนและหน่วยงานภาครัฐเกี่ยวกับภาวะและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในแต่ละภูมิภาค รวมถึงการเยี่ยมชมบริษัทหรือลงพื้นที่ เพื่อให้เห็นการทำงานและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจริง โดยในแต่ละปี ธปท. จะลงพื้นที่ในสี่ภูมิภาคหลัก ครอบคลุมหน่วยเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ
ทั้งนี้ รูปแบบการทำงานในโครงการ BLP มีความหลากหลาย เอื้อให้เกิดการสร้างเครือข่ายผ่านความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกภาคส่วน เพื่อให้ได้รับข้อมูลในภาคเศรษฐกิจจริง ธปท. ได้ดำเนินการด้านธรรมาภิบาลข้อมูลอย่างเข้มงวด ข้อมูลที่ได้รับถือเป็นความลับ และ ธปท. จะสรุปข้อมูลเป็นภาพรวมเพื่อเผยแพร่ในรายงานแนวโน้มธุรกิจเป็นประจำทุกไตรมาส และจะใช้ข้อมูลเชิงคุณภาพประกอบการประชุมภาวะเศรษฐกิจรายเดือน และการประชุม กนง. อย่างต่อเนื่อง
นอกจากการติดตามภาวะเศรษฐกิจผ่าน BLP แล้ว ธปท. ยังได้พัฒนาดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นที่ครอบคลุมทั้งภาคธุรกิจและครัวเรือนฐานราก ทั้งในมิติเชิงอุตสาหกรรมและเชิงพื้นที่ เพื่อใช้ประเมินภาพความเป็นอยู่ของทั้งภาคธุรกิจและครัวเรือนเป็นประจำทุกเดือน ดังนี้
1) ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (Business Sentiment Index: BSI) จากการตอบแบบสอบถามของผู้ประกอบการประมาณ 800 รายต่อเดือน นอกจากนี้ ในช่วงที่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด อาทิ การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ธปท. ได้ดำเนินการสำรวจผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิค 19 ผ่านแบบสอบถามไปยังผู้ประกอบการเป็นกรณีพิเศษ เพื่อช่วยให้สามารถติดตามภาวะและพัฒนาการของเศรษฐกิจในช่วงวิกฤตได้อย่างรวดเร็ว
2) ดัชนีความเชื่อมั่นครัวเรือนฐานราก (Relationship Manager Sentiment Index: RMSI) ที่จัดทำร่วมกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจผ่านการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้จัดการสาขาของธนาคารทั่วประเทศ เพื่อประเมินความเชื่อมั่น ครัวเรือนฐานราก ทั้งในเขตชนบทและเขตเมือง (rural and urban areas) โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามรวมกว่า 2,200 รายต่อเดือน
3) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก (Retail Sentiment Index: RSI) ร่วมกับสมาคมผู้ค้าปลีกไทยและร้านค้าตามหัวเมืองใหญ่ เพื่อติดตามความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการค้าปลีก ครอบคลุมกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นสำคัญ