โควิด 19 ตอกย้ำให้เห็นความสำคัญของความเข้มแข็งจากพื้นฐานศักยภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ ผู้เขียนขอนำเสนอโอกาสและความท้าทายของการลงทุนไทยที่จะเป็นจุดเปลี่ยนพลิกวิกฤตครั้งนี้ให้เป็นโอกาสลงทุนในสาขาเสริมสร้างศักยภาพแก่เศรษฐกิจไทยในอนาคต ดังนี้
(1) การลงทุนเพื่อแก้ปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจ เน้นการลงทุนด้านเทคโนโลยี การลงทุนในทุนมนุษย์และเพิ่มคุณภาพของการศึกษา การที่ไทยจะฟื้นฟูเศรษฐกิจและเติบโตอย่างยั่งยืนนั้น ต้องแก้ไขปัญหาโครงสร้างเดิมที่มีอยู่เสียก่อน โดยควรเร่งการลงทุนของภาครัฐในโครงการที่มีเป้าหมายเพื่อช่วยลดช่องว่างทางสังคม อาทิ โครงข่ายโทรคมนาคม ฐานข้อมูลภาครัฐ และระบบการศึกษาทางไกลที่ทั่วถึงและเป็นธรรม
(2) การลงทุนในสาขาที่มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต ได้แก่
(2.1) อาหาร ซึ่งเป็นสาขาพื้นฐานที่ไทยมีความพร้อมและเป็น 1 ใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย วิกฤตโควิด 19 ชี้ให้เห็นความสำคัญของการมีอาหารและน้ำดื่มที่สะอาด และการทำให้ “ครัวไทยเป็นครัวโลก” เป็นเรื่องที่ไม่ยากเพราะไทยมีทรัพยากรสมบูรณ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และ
(2.2) การแพทย์ สาธารณสุข และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โควิด 19 ทำให้ทั่วโลกใส่ใจกับคุณภาพของบริการสาธารณสุขและการแพทย์มากขึ้น ขณะที่ไทยมีจุดแข็งด้านการให้บริการด้านการแพทย์อยู่แล้ว จึงควรใช้จังหวะนี้เร่งลงทุนการแพทย์แบบครบวงจร (Medical hub) ทั้งการผลิตบุคลากรและการพัฒนาเครื่องมือให้ทันสมัย นอกจากนี้ ไทยยังมีโอกาสสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยปี 2563 ไทยอยู่ลำดับที่ 17 ของการจัดอันดับประเทศที่น่าใช้ชีวิตหลังเกษียณโดยนิตยสาร International Living ซึ่งมีตัวชี้วัดด้านสาธารณสุขรวมอยู่ด้วย
ปัจจัยสุดท้ายที่จะขาดไม่ได้เลยคือแรงขับเคลื่อนจากภาครัฐและเอกชน โดยในช่วงแรกภาครัฐอาจทุ่มไปกับการเยียวยาประชาชนเพื่อประคับประคองเศรษฐกิจ แต่เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย น่าจะถึงเวลาที่ภาครัฐและเอกชนควรให้ความสำคัญกับการการลงทุนเพื่อสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจไทยจากภายในอย่างแท้จริง เพื่อเตรียมความพร้อมหากต้องเผชิญกับวิกฤต ที่อาจมีขึ้นในอนาคตได้
บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย
>> Download PDF