มาตรการเลื่อนกำหนดชำระหนี้
เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นแหล่งจ้างงานสำคัญของเศรษฐกิจไทย แบงก์ชาติได้ออกมาตรการเลื่อนกำหนดชำระหนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการมีสภาพคล่องเพียงพอในช่วงภาวะที่ไม่ปกตินี้
หากท่านเป็นเจ้าของธุรกิจ SMEs ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 100 ล้านบาท (สำหรับแต่ละสถาบันการเงิน) ท่านอาจได้รับสิทธิ์เลื่อนจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ย นาน 6 เดือน โดยดอกเบี้ยที่พักชำระไว้อาจทยอยจ่ายในงวดที่เหลือหรือขึ้นกับข้อตกลงระหว่างลูกหนี้กับสถาบันการเงิน

คุณสมบัติผู้รับสิทธิ์
- เป็นผู้ประกอบธุรกิจในประเทศไทย
- ไม่เป็น NPL ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2562
- มีวงเงินสินเชื่อเพื่อธุรกิจ (O/D, working cap, term loan, trade finance) รวมทั้งกลุ่มธุรกิจกับสถาบันการเงินแต่ละแห่งไม่เกิน 100 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2562
ถ้าธุรกิจมีวงเงินกู้อยู่มากกว่า 1 สถาบันการเงิน ก็จะได้รับสิทธิ์นี้สำหรับทุกสถาบันการเงินที่มีวงเงินกู้รวมไม่เกิน 100 ล้านบาท
สิทธิ์ที่จะได้รับ
- เลื่อนการชำระหนี้ (ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย) ภายในช่วง 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย. ถึง 22 ต.ค. 2563
- เป็นการเลื่อนโดยอัตโนมัติ ลูกหนี้ไม่ต้องติดต่อสถาบันการเงินเพื่อรับสิทธิ์
- ไม่ถือเป็นการผิดนัดชำระหนี้ ไม่เสียประวัติข้อมูลเครดิต
ข้อควรปฏิบัติระหว่างการเลื่อนกำหนดชำระหนี้
- เร่งเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงิน
- ตกลงรูปแบบการจ่ายชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยที่เลื่อนชำระไว้ โดยสามารถเลือกแนวทางการชำระคืนได้ดังนี้
1. เฉลี่ยเงินต้นและดอกเบี้ยไปเรียกเก็บตามงวดชำระหนี้ที่เหลือของสัญญา
2. เฉลี่ยเงินต้นและดอกเบี้ยไปเรียกเก็บในงวดท้าย ๆ ของสัญญา
3. เรียกเก็บเงินต้นและดอกเบี้ยทั้งหมดในงวดสุดท้ายของสัญญา
4. ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ตามสัญญาออกไป
ลูกหนี้ที่ยังสามารถชำระหนี้ได้ก็ควรชำระตามปกติเพื่อลดภาระดอกเบี้ยที่ยังเดินอยู่ นอกจากนี้ ยังช่วยให้สถาบันการเงินมีสภาพคล่องสำหรับช่วยเหลือผู้ประกอบการรายอื่นด้วย
ลูกหนี้ที่เข้าข่าย สามารถชำระค่างวดได้ตามปกติ สำหรับผู้ที่ตั้งหักบัญชีอัตโนมัติสามารถติดต่อสถาบันการเงินเพื่อแจ้งความประสงค์ได้
เอกสารที่เกี่ยวข้อง