พาเบิ่ง… ภาคบริการอีสาน โอกาสใหม่ที่ต้องคว้าไว้
นุดี ไชยรัตน์ | ปุญญวิชญ์ เศรษฐ์สมบูรณ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
07 ส.ค. 2567
ภาคเกษตรและภาคผลิตที่เกี่ยวข้องกับเกษตร เป็นกิจกรรมหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจอีสานมาจนถึงปัจจุบัน แต่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (ปี 2557-2565) ภาคบริการของอีสานมีความสำคัญมากขึ้น บทความนี้จึงมุ่งเจาะลึกศักยภาพธุรกิจบริการดาวรุ่งในระดับจังหวัดของอีสาน โดยใช้ข้อมูล e-Payment ปี 2564 ซึ่งสะท้อนโครงสร้างการใช้จ่ายเงินบนระบบออนไลน์ รวมทั้งข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์หน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อวิเคราะห์โอกาสทางธุรกิจของผู้ประกอบการและหาแนวทางการยกระดับภาคบริการอีสานอย่างยั่งยืนต่อไป
ภาคบริการของอีสานมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและพัฒนาเมืองในหลายจังหวัดของอีสาน รวมถึงการเพิ่มขึ้นของประชากรและการเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิต สะท้อนจากรูปที่ 1 แสดงให้เห็นว่า ปัจจุบันภาคบริการมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 23% ของเศรษฐกิจอีสาน จาก 20% ในปี 2557 ขณะที่การจ้างงานใกล้เคียงเดิมที่ 13% ของแรงงานอีสานดังนั้น จึงจะวิเคราะห์ศักยภาพของ 4 ธุรกิจบริการสำคัญที่มีมูลค่าธุรกรรมการรับเงินสูง และเป็นธุรกิจแห่งอนาคตที่ได้รับผลดีโดยตรงจากการเติบโตของเมือง กระแสรักสุขภาพ และการเข้ามาของเทคโนโลยี อย่าง E-commerce ได้แก่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจด้านสุขภาพ ธุรกิจขนส่งพัสดุ และธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม
“4 ธุรกิจบริการ สัดส่วนรวมกันถึง 48%” ของกิจกรรมบริการทั้งหมด “เติบโตเฉลี่ยถึง 5%2 ต่อปี”มากกว่าการเติบโตของกลุ่มธุรกิจบริการอื่น ๆ
ในอีสาน ปี 2564 มีมูลค่าการรับเงิน 4.2 พันล้านบาท และ 2.5 พันล้านบาท ตามลำดับ โดยมูลค่ามากกว่าครึ่งของทั้ง 2 ธุรกิจ รับเงินมาจากกลุ่มลูกค้าบุคคล (รูปที่ 2) และมูลค่ากว่า 80% กระจุกอยู่ในโคราช ขอนแก่น อุบลราชธานี และอุดรธานี ซึ่งเป็น “หัวเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจอีสาน” ที่มีขนาดเศรษฐกิจรวมกันเกือบครึ่ง และมีจำนวนประชากรมากกว่า 1 ใน 3 ของอีสาน จากปัจจัยหลัก ดังนี้
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ใน ขอนแก่น อุบลราชธานี และอุดรธานี มูลค่าการรับเงินกว่า 80% มาจากกลุ่มลูกค้าในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง ที่มีความต้องการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยจริง โดยเฉพาะบ้านแนวราบ ทั้งกลุ่มกำลังซื้อสูง อาทิ บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าของกิจการ กลุ่มมีรายได้ประจำหรือกำลังซื้อปานกลาง อาทิ ข้าราชการ และบุคลากรทางการศึกษา รวมถึงคนเข้ามาทำงานหรือเรียนจากต่างถิ่นขณะที่ โคราช มูลค่าการรับเงินกว่า 60% มาจากกลุ่มลูกค้าในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง และ 30% มาจากกลุ่มลูกค้ากรุงเทพฯ และปริมณฑล สะท้อน 2 กลุ่มลูกค้าหลัก ที่มีความต้องการอสังหาริมทรัพย์ในทำเลที่ต่างกัน ดังนี้
เริ่มเห็นการเข้ามาซื้อบ้านจัดสรรในทำเลอำเภอเมืองโคราชของกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อปานกลางจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล จากโครงการรถไฟความเร็วสูงสายอีสาน เฟส 1 กรุงเทพฯ - โคราช และมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-โคราช (M6) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่เอื้อต่อระยะเวลาในการเดินทางระหว่างภาคกลางและภาคอีสาน อีกทั้ง เห็นแผนโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในพื้นที่อำเภอปากช่อง เพื่อรองรับกลุ่มกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะโครงการรูปแบบ Mixed-Use ที่เป็นการผนวกรวมคอนโด โรงแรม และบริการดูแลสุขภาพ (Wellness) เข้าไว้ด้วยกัน
ธุรกิจด้านสุขภาพใน ขอนแก่น โคราช อุดรธานี และอุบลราชธานี มูลค่าการรับเงินมากกว่า 60% มาจากกลุ่มลูกค้าในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง จากการเป็นแหล่งที่ตั้งของโรงพยาบาลรัฐและโรงพยาบาลเอกชนที่มีศักยภาพ รวมถึงการมีบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่หลากหลาย โดยเฉพาะ ขอนแก่น ที่มีมหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์ของอีสาน อีกทั้ง ขอนแก่น โคราช และอุดรธานี ได้รับการสนับสนุนเป็นเขตนวัตกรรมการแพทย์และการส่งเสริมสุขภาพภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ด้วย
เห็นสัญญาณใหม่ ๆ ในพื้นที่ขอนแก่น โคราช และอุดรธานี ที่มีมูลค่าการรับเงินมาจากกลุ่มลูกค้ากรุงเทพฯ และปริมณฑล เกือบ 10% คาดว่า เป็นกลุ่มที่ต้องการใช้บริการทางการแพทย์ระยะยาว จากราคาที่ถูกกว่า การให้บริการที่มีคุณภาพ และบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางขอนแก่น โคราช อุดรธานี และอุบลราชธานี ต่างเป็นหน้าด่านในการรองรับกลุ่มผู้ใช้บริการทางการแพทย์จากประเทศเพื่อนบ้านที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้โรงพยาบาลจากส่วนกลางเริ่มเห็นศักยภาพและขยายสาขามายังอีสาน อาทิ เครือโรงพยาบาลพริ้นซ์ ที่ขยายมาอุบลราชธานี มุกดาหาร และสกลนคร รวมถึงโรงพยาบาลในพื้นที่ขยายการลงทุนเพื่อรองรับกลุ่ม CLMV อย่างโรงพยาบาลกรุงเทพอุดร อีกทั้งเริ่มเห็นชาวจีน ทั้งกลุ่มที่เป็นนักธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้าน และกลุ่มที่เดินทางมาจากประเทศจีน เข้ามาใช้บริการด้านสุขภาพในหนองคาย อุดรธานี และขอนแก่น จากข้อได้เปรียบด้านความสะดวกและความรวดเร็วในการเข้ารับบริการทางการแพทย์
ในอีสาน ปี 2564 มีมูลค่าการรับเงิน 3.2 พันล้านบาท โดยมูลค่ารับเงินส่วนใหญ่มาจากกลุ่มลูกค้าบุคคล (รูปที่ 2) และมูลค่ากว่า 87% กระจุกอยู่ใน ขอนแก่น จากการมี “ตัวแทนใหญ่ของธุรกิจขนส่งพัสดุ” เข้ามาตั้งบริษัทในจังหวัดเพื่อขยายจุดรับ-ส่งพัสดุ (Drop-off) ให้ครอบคลุมพื้นที่อีสานมากยิ่งขึ้น ผ่านการเปิดรับตัวแทนแฟรนไชส์หน้าร้านรับ-ส่งพัสดุ ในระดับราคาเริ่มต้นไม่กี่พันบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าบุคคลที่มีพื้นที่หน้าร้านเพื่อสนองจุดรับ-ส่งพัสดุแก่พ่อค้าแม่ค้าในท้องถิ่นอีสานที่หันมาค้าขายผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ตามพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไปสู่ไลฟ์สไตล์ที่นิยมซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ (E-commerce) มากขึ้น จนเป็น New Normal ของผู้คนในปัจจุบัน
ธุรกิจขนส่งพัสดุใน ขอนแก่น มูลค่าการรับเงินมาจากกลุ่มลูกค้าในหลายจังหวัดอีสาน สะท้อนความต้องการซื้อแฟรนไชส์หน้าร้านรับ-ส่งพัสดุของผู้ประกอบการรายย่อยที่กระจายในหลายพื้นที่ที่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เห็นจากรายได้รวมของบริษัทขนส่งพัสดุรายใหญ่ในขอนแก่นที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับ New Normal ของผู้คนในปัจจุบัน
ธุรกิจขนส่งพัสดุเติบโตได้ดีในอีสาน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนส่งต่าง ๆ ที่ขยายจุดรับ-ส่งพัสดุในทุกพื้นที่ เพื่อรองรับความต้องการส่งสินค้าของผู้ประกอบการที่ปรับตัวมาขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ทั้งกลุ่มผู้ขายสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป กลุ่มเกษตรกร กลุ่มผู้ผลิตสินค้าหัตถกรรม และกลุ่มผู้ประกอบการอาหารแปรรูป จากการเข้าถึงช่องทางการขายและรูปแบบการขายใหม่ ๆ เช่น “ Live ขายสินค้า” เป็นต้น ส่งผลให้สินค้าท้องถิ่นในหลายจังหวัดอีสานสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น ทั้งสินค้าเกษตรและอาหารแปรรูปที่ได้รับมาตรฐาน GI และมีมูลค่าสูง อาทิ สัปปะรด ลิ้นจี่ แคนตาลูป ทุเรียน ข้าวฮางทิพย์ หมูยอ และวัตถุดิบอีสาน รวมถึงสินค้าหัตถกรรม อาทิ ผ้าย้อมคราม ตะกร้าหวาย และตะกร้าสาน อีกทั้ง เริ่มเห็นผู้ประกอบการในอีสานพัฒนาการขายสินค้าโดยดึงผู้มีชื่อเสียงในโลกโซเชียล (Influencer) มา Live ขายสินค้าเพื่อเพิ่มยอดขายอีกด้วย
หมายเหตุ: มาตรฐาน GI หมายถึง เครื่องหมายที่ใช้กับสินค้าที่มาจากแหล่งผลิตที่เฉพาะเจาะจงซึ่งคุณภาพหรือชื่อเสียงของสินค้านั้น ๆ เป็นผลมาจากการผลิตในพื้นที่
ในอีสาน ปี 2564 มูลค่าการรับเงิน 1.5 พันล้านบาท โดยมูลค่ารับเงินส่วนใหญ่มาจากกลุ่มลูกค้าบุคคล (รูปที่ 2) และมูลค่ากว่า 70% กระจุกอยู่ใน 2 กลุ่มจังหวัด ได้แก่
เนื่องจากเป็นจังหวัดที่รองรับผู้เยี่ยมเยือนจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้เยี่ยมเยือนคนไทยที่กระจุกอยู่ใน 2 กลุ่มจังหวัดกว่า 70% ของจำนวนผู้เยี่ยมเยือนคนไทยทั้งหมดในอีสาน จากปัจจัยสนับสนุนหลักคือ กิจกรรมด้านการท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายและมีอัตลักษณ์ตามแต่ละพื้นที่ ทั้งกิจกรรมงานบุญประเพณี กิจกรรมกีฬา และกิจกรรมสายธรรมชาติ ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มใน กลุ่มจังหวัดใหญ่ มูลค่าการรับเงินมากกว่า 60% มาจากกลุ่มลูกค้าในพื้นที่และจังหวัดอื่นในอีสาน เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีประชากรในพื้นที่สูงและแม้จะมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนคนไทยมาก แต่ส่วนใหญ่เป็นการเที่ยวกันในภาค ตามการท่องเที่ยวอีสานที่ตอบโจทย์เฉพาะกลุ่ม ขณะที่กลุ่มจังหวัดท่องเที่ยว มูลค่าการรับเงินมากกว่า 50% มาจากกลุ่มลูกค้ากรุงเทพฯ และปริมณฑล สะท้อนการเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างภาคที่เป็นกลุ่มกำลังซื้อสูง
การท่องเที่ยวในอีสานส่วนใหญ่เป็นการเที่ยวกันเองในภาค แต่เห็นสัญญาณการเข้ามาของนักท่องเที่ยวนอกภาคชัดขึ้น ทั้งในแถบจังหวัดริมโขง จากกระแสการท่องเที่ยวเชิงสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และศรัทธาทางศาสนา รวมถึงการมีงานบุญประเพณีขนาดใหญ่อย่างงานไหลเรือไฟ และงานบุญบั้งไฟ และ บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงกีฬาที่มีกิจกรรมตลอดปี อาทิ งานแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบ ตั้งแต่รายการย่อยไปจนถึงรายการใหญ่อย่าง MotoGP รวมถึงงานมาราธอนมาตรฐานโลก จากการมีกิจกรรมในพื้นที่ที่เป็นเอกลักษณ์ ประกอบกับความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาชนในพื้นที่ที่ได้ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับกิจกรรมในพื้นที่ แหล่งท่องเที่ยว และเส้นทางท่องเที่ยว ผ่านสื่อออนไลน์ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ส่งผลให้จำนวนผู้เยี่ยมเยือนคนไทยในจังหวัดท่องเที่ยวมีแนวโน้มขยายตัวสูง และขยายตัวมากกว่าช่วงก่อน Covid-19
งานศึกษานี้ได้รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในภูมิภาค เพื่อสะท้อนศักยภาพของพื้นที่และสรุปเป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเบื้องต้น ดังนี้
อ้างอิง
1 ข้อมูล e-Payment จาก ธปท. คิดเป็นกว่า 80% ของธุรกรรม e-Payment ทั้งหมด โดยเส้นทางธุรกรรมสามารถแสดงให้เห็นมูลค่าการรับ/ส่งเงินในระดับจังหวัด
2 อัตราการเติบโตแบบทบต้นต่อปี (CAGR) ในช่วงปี 2557-2565
“บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย”