แบงก์ชาติจับมือคลัง เปิดโครงการ 'ปิดหนี้ไว ไปต่อได้' หวังช่วยลูกหนี้เกือบ 2 ล้านบัญชี ปิดหนี้เสียเคลียร์ประวัติ
แถลงข่าวร่วม | 11 พฤศจิกายน 2568
หนี้ครัวเรือนเป็นหนึ่งในปัญหาเชิงโครงสร้างที่สำคัญซึ่งส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนและการเติบโตอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจไทย ซึ่งรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผลักดันแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่รายได้ของครัวเรือนจำนวนมากยังฟื้นตัวช้าและมีภาระหนี้สูง ครัวเรือนกลุ่มเปราะบางยังมีปัญหาในการชำระหนี้ และกลายเป็นหนี้เสียเพิ่มขึ้น ซึ่งหากไม่เร่งแก้ปัญหาดังกล่าว อาจซ้ำเติมสถานการณ์หนี้ครัวเรือน และส่งผลต่อการบริโภคภาคเอกชนและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระยะต่อไปได้
กระทรวงการคลัง ธปท. และภาคสถาบันการเงิน จึงร่วมกันดำเนินโครงการแก้ปัญหาหนี้เสียผ่านกลไกการซื้อหนี้รายย่อยของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Company: AMC) ขึ้น ภายใต้ชื่อ “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” การช่วยเหลือในครั้งนี้เป็นมาตรการเฉพาะกิจที่จะดำเนินการเพียงครั้งเดียว โดยเน้นหนี้เสียที่ไม่มีหลักประกัน ซึ่งกลุ่มเป้าหมายคือลูกหนี้รายย่อยที่มีภาระหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loans: NPLs) ทุกประเภทสินเชื่อกับผู้ให้บริการทางการเงินทุกแห่งรวมกันไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 ซึ่งในระยะแรกจะครอบคลุมลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์และบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์จำนวนประมาณ 1.6 ล้านบัญชี หรือ 1.2 ล้านราย ภาระหนี้ประมาณ 43,600 ล้านบาท โดยบริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) จะรับซื้อหนี้ของลูกหนี้กลุ่มเป้าหมายข้างต้น เพื่อนำมาปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรนเพื่อให้ลูกหนี้กลับมาจ่ายชำระหนี้ได้ โดย ธปท. จะปรับยุทธศาสตร์ให้ SAM เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์เพื่อสังคม (social AMC) ที่มุ่งเน้นช่วยแก้หนี้ให้ประชาชนโดยไม่มุ่งหากำไร ซึ่งในระยะต่อไปจะพิจารณาขยายให้ SAM รับซื้อหนี้จากผู้ให้บริการทางการเงินประเภทอื่นเพิ่มเติมด้วย
ทั้งนี้ ลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรนมากกว่าปกติเพื่อลดภาระหนี้ อาทิเช่น ยกเว้นดอกเบี้ยคงค้างทั้งหมดและค่าธรรมเนียม ลดยอดเงินต้นบางส่วน เป็นต้น ทำให้ลูกหนี้สามารถกลับมาจ่ายชำระได้และปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น รวมทั้งกลับมามีประวัติการชำระหนี้ในเครดิตบูโรที่ดีขึ้นและมีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้อีกครั้ง โดยมี 2 มาตรการ ได้แก่ (1) จ่ายปิดจบ ให้ลูกหนี้จ่ายชำระหนี้บางส่วนเพื่อปิดจบหนี้ในทันที และ (2) ผ่อนชำระหนี้เป็นงวด ให้ลูกหนี้ผ่อนชำระเป็นระยะเวลาสูงสุดถึง 3 ปี และจะได้รับการยกเว้นดอกเบี้ยเงินกู้ในระหว่างที่เข้าร่วมมาตรการ หากปฏิบัติได้ตามเงื่อนไข
สำหรับลูกหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) จะได้รับการช่วยเหลือผ่านกลไกการขายและโอนหนี้ให้กับบริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด (Ari-AMC) เพื่อปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรนอีก 3.3 แสนบัญชี ซึ่งกระทรวงการคลังจะดำเนินการภายใต้หลักการและแนวทางการช่วยเหลือที่สอดคล้องกัน รวมทั้งสิ้นโครงการจะช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยได้มากถึง 1.9 ล้านบัญชี โดยลูกหนี้ที่สนใจเข้าร่วมมาตรการสามารถศึกษารายละเอียดโครงการได้ที่ website ธปท. (www.bot.or.th/cleardebt) ช่องทางของ SAM (www.sam.or.th) หรือช่องทางของสถาบันการเงิน ซึ่งลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์และบริษัทในกลุ่มของธนาคารพาณิชย์ที่สนใจปรับโครงสร้างหนี้กับโครงการนี้ สามารถติดต่อสถาบันการเงินเจ้าหนี้หรือสอบถามผ่านช่องทาง ธปท. (BOT contact center 1213) และ SAM (call center 1443) ได้ตั้งแต่ 5 ม.ค. 2569 เป็นต้นไป
กระทรวงการคลัง
ธนาคารแห่งประเทศไทย
สมาคมธนาคารไทย
บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด
บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด
11 พฤศจิกายน 2568