แถลงข่าวเศรษฐกิจและการเงินภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไตรมาสที่ 3 ปี 2568
04 พฤศจิกายน 2568
ภาวะเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้ว)
 
รายได้เกษตรกร กลับมาหดตัว (เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน)
จากราคายางพาราที่หดตัว ตามความต้องการของคู่ค้าที่ชะลอลง ราคาข้าวเปลือกหดตัวตามปริมาณผลผลิตในตลาดโลกที่อยู่ในระดับสูง และราคามันสำปะหลังหดตัวตามความต้องการของจีนที่ลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ผลผลิตขยายตัวเล็กน้อยจากผลผลิตยางพาราที่ขยายตัวจากปัจจัยสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย
ภาคอุตสาหกรรม กลับมาหดตัว
ตามการผลิตอาหารที่หดตัวทั้งการผลิตแป้งมันสำปะหลัง จากการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลให้ไม่สามารถนำเข้าวัตถุดิบเพื่อแปรรูปได้ การสีข้าวที่หดตัวตามการสิ้นสุดของฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวนาปรัง การผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์หดตัว หลังจากเร่งผลิตเพื่อส่งออกก่อนการบังคับใช้มาตรการภาษีของสหรัฐฯ และหมวดเครื่องดื่มหดตัวจากกำลังซื้อที่ยังอ่อนแรง
ภาคบริการท่องเที่ยว กลับมาหดตัว
ตามกำลังซื้อที่อ่อนแอ ความระมัดระวังในการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวไทย และความกังวลด้านความปลอดภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลให้จำนวนผู้เยี่ยมเยือนทั้งคนไทยและต่างชาติ รวมทั้งรายได้รวมภาคการท่องเที่ยวหดตัว
การบริโภคภาคเอกชน หดตัวต่อเนื่อง
ในทุกหมวดสินค้า โดยในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภคหดตัวต่อเนื่อง จากกำลังซื้อที่อ่อนแอมากขึ้น ผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น เลือกซื้อเฉพาะอาหารและของใช้จำเป็น และหมวดสินค้ากึ่งคงทนหดตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้ามูลค่าสูง ขณะที่หมวดสินค้าคงทนกลับมาหดตัวหลังจากเร่งตัวชั่วคราวไปในไตรมาสก่อน
การลงทุน ภาคเอกชนกลับมาขยายตัว
การลงทุนภาคเอกชนขยายตัว ตามการลงทุนด้านก่อสร้าง หมวดพื้นที่ขออนุญาตก่อสร้างที่กลับมาขยายตัว ขณะที่การลงทุนด้านเครื่องจักรและอุปกรณ์หดตัวต่อเนื่องในทุกหมวดย่อย
 การลงทุนภาครัฐกลับมาหดตัว จากผลของฐานสูงในปีก่อน แต่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะงบลงทุนหมวดที่ดินและสิ่งก่อสร้าง ส่งผลให้ยอดจำหน่ายปูนซีเมนต์ยังคงขยายตัว
การค้าผ่านด่านศุลกากร หดตัวเล็กน้อย
ตามการส่งออกไปจีนที่หดตัว จากทุเรียนสด และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ที่ลดลง
อย่างไรก็ดี การส่งออกไปยังกัมพูชาขยายตัวทุกหมวด จากการเปลี่ยนเส้นทางมาส่งออกผ่านด่านศุลกากรอื่นนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา
ส่วนการนำเข้าขยายตัว จากโทรศัพท์มือถือ เครื่องจักรและอุปกรณ์จากเวียดนาม รวมถึงชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์จากจีนที่เพิ่มขึ้น
อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ติดลบมากขึ้นจากไตรมาสก่อน ตามราคาอาหารสดเป็นสำคัญ
ตลาดแรงงาน ปรับลดลง ตามการจ้างงานทั้งในและนอกภาคเกษตร โดยเฉพาะภาคก่อสร้างที่ลดลงจากภาวะอสังหาริมทรัพย์ที่ยังชะลอตัว รวมทั้งผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่ส่งผลต่อการจ้างงาน
แนวโน้มเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไตรมาส 4 ปี 2568
คาดว่า กลับมาขยายตัวชั่วคราว ตามการบริโภคภาคเอกชนที่กลับมาขยายตัวจากผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ ด้านภาคผลิตขยายตัวตามการผลิตอาหาร จากผลผลิตทางการเกษตรที่ขยายตัวดีจากสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย อย่างไรก็ตาม กำลังซื้อของครัวเรือนยังคงอ่อนแอ จากรายได้เกษตรกรที่หดตัวมากขึ้นตามปัจจัยด้านราคา และหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง
ธนาคารแห่งประเทศไทย
4 พฤศจิกายน 2568
ข้อมูลเพิ่มเติม : ส่วนเศรษฐกิจการเงิน 1-3 ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
โทรศัพท์ : 0 4391 3514
E-mail : Neo-econ-div@bot.or.th
หมายเหตุ :
สาขาเศรษฐกิจด้านอุปสงค์ที่มีความสำคัญต่อภาคอีสาน ได้แก่ การอุปโภคบริโภค การลงทุนภาคเอกชน การใช้จ่ายภาครัฐ และการค้าผ่านด่านศุลกากร ตามลำดับ