​นวัตกรรมการชำระเงิน..รู้ไว้ ใช้ประโยชน์

นายหรรษธน วรรณโสภา

เทคโนโลยีได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิตของเราเป็นอย่างมาก ทำให้หลายต่อหลายอย่าง ที่ครั้งหนึ่งเคยคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ก็กลับกลายเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ เป็นเรื่องธรรมดา ๆ ในปัจจุบันอย่างเช่น การเดินทางด้วยสองเท้า พัฒนาสู่การใช้เกวียน จักรยาน รถยนต์ เครื่องบิน จนกระทั่งถึงยานอวกาศที่มีการขายตั๋วท่องเที่ยวนอกโลกกันไปเรียบร้อยแล้ว

ในด้านระบบการชำระเงินก็เช่นกัน เทคโนโลยีนับเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดนวัตกรรมการชำระเงินใหม่ๆ ที่เพิ่มประสิทธิภาพ ความสะดวก รวดเร็ว ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ซึ่งส่งผลให้สื่อการชำระเงินธรรมดา ๆ ที่ใกล้มือของคุณจะไม่ธรรมดาอีกต่อไป ตัวอย่างเช่น

1. สมาร์ตโฟน (Smart phone): สมาร์ตโฟนที่มีความอัจฉริยะอยู่แล้ว เมื่อนำมารวมกับเทคโนโลยี Near Field Communication (NFC) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีในการโอนข้อมูลระยะใกล้ ทำให้โทรศัพท์มือถือของคุณกลายเป็นกระเป๋าสตางค์ สามารถใช้ชำระเงินได้ในทุกที่ที่มีเครื่องรับ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ถ่ายข้อมูลและชำระเงินระหว่างสมาร์ตโฟน 2 เครื่องได้ด้วย โดยเพียงแค่นำเครื่องทั้ง 2 เครื่องมาสัมผัสกัน เงินและข้อมูลจะถูกถ่ายทอดจากเครื่องหนึ่งไปสู่อีกเครื่องหนึ่งทันทีอย่างง่ายดาย

สมาร์ตโฟนยังถูกนำมาผสมผสานกับกับเทคโนโลยี Quick Response หรือ QR code ซึ่งเป็นบาร์โค้ด 2 มิติ สัญชาติญี่ปุ่น เพื่อเพิ่มทางเลือกในการชำระเงิน โดยผู้ใช้บริการสามารถใช้สมาร์ตโฟนในการอ่าน QR code ที่ติดบนสินค้าเพื่อเช็คราคา และข้อมูลต่าง ๆ และสามารถชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือได้ทันทีหากตกลงใจที่จะซื้อ

2. อินเทอร์เน็ต (Internet): การชำระค่าสินค้าและบริการผ่านอินเทอร์เน็ตมีการเติบโตมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับใครหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่เนื่องจากผู้ซื้อและผู้ขายไม่ได้เห็นหน้าค่าตากัน การชำระเงินจึงยังคงมีความเสี่ยงและไม่แน่นอนอยู่บ้าง ดังนั้นผู้ให้บริการจึงพัฒนาระบบขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ดังกล่าว โดยผู้ให้บริการจะเข้ามาเป็นตัวกลางระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายเพื่อทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายมั่นใจว่าการผิดนัดชำระจะไม่เกิดขึ้น เพราะผู้ซื้อจะถูกหักเงินเมื่อได้รับสินค้าถูกต้อง และผู้ขายจะได้รับเงินเมื่อสินค้าถึงมือผู้ซื้อเป็นที่เรียบร้อย

3. บัตร (Card): บัตรพลาสติกในการชำระเงินประเภทต่าง ๆ ในกระเป๋าสตางค์คุณ อาจจะยุบรวมเหลือเพียงใบเดียว เพราะหลายประเทศในยุโป และอเมริกาเหนือ ได้ออกแบบบัตรที่รวมการทำงานของบัตรเดบิต และบัตรเครดิตไว้ในบัตรเดียว โดยผู้ใช้บริการสามารถเลือกได้ว่าจะชำระเงินรูปแบบใดในการใช้จ่ายครั้งนั้น ๆ เช่น เลือกให้ตัดเงินจากบัญชีทันทีในการซื้อของมูลค่าต่ำ หรือเมื่อมีสภาพคล่อง และเลือกให้ชำระเงินคืนในอนาคตสำหรับสินค้าและบริการที่มีราคาสูง

นอกจากนี้ ยังมีการนำเทคโนโลยี NFC มาใช้ด้วยเช่นกัน ทำให้บัตรพลาสติกบางประเภทสามารถชำระค่าสินค้าและบริการได้เพียงแค่สัมผัส (Tap and Go) โดยไม่ต้องจำเป็นต้องกดรหัส ไม่ต้องเซ็นชื่อให้เสียเวลา เช่น บัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) สำหรับภาคขนส่งมวลชน และร้านสะดวกซื้อ หรือบัตรเครดิตบางประเภท เช่น Visa Paywave และ MasterCard Paypass เป็นต้น

4. ชีวมาตร (Biometric): เป็นที่รู้กันดีว่า คนแต่ละคนมีเอกลักษณ์ มีความแตกต่างกันทางชีวภาพเช่น DNA ม่านตา และรอยนิ้วมือ ที่สามารถใช้ระบุตัวบุคคลได้แม่นยำตลอดทั้งชีวิต แต่ใครจะรู้ว่าในปัจจุบันนี้ ชีวมาตรของเราจะกลายเป็นสื่อในการชำระเงินได้ด้วย ตัวอย่างเช่น นิ้วมือของเราก็สามารถใช้กับเครื่องเอทีเอ็มที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษให้อ่านแรงดันของเส้นเลือดใต้ลายนิ้วมือ (Finger vein) ซึ่งแน่นอนว่าจะมีเพียงคุณเท่านั้นในโลกที่จะเข้าสู่ระบบและดำเนินการชำระเงินได้ จึงถือได้ว่าเป็นนวัตกรรมที่รักษาความปลอดภัยในการชำระเงินที่ดีมาก สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องการฉ้อฉล โจรกรรม การปลอมแปลงบัตรและข้อมูลบนบัตร รวมถึงกรณีบัตรหายได้อย่างดี