ดร.ดอน นาครทรรพธนาคารแห่งประเทศไทย
จั่วหัวมาอย่างนี้ หลายท่านอาจคิดว่าผมหมายถึงความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยจะเข้าสู่ภาวะถดถอยซ้ำสอง หรือ double-dip recession ตามที่นักวิเคราะห์หลายท่านพูดถึงเศรษฐกิจไทยในยามนี้
ไม่ใช่ครับ ผมคิดว่าโอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะถดถอยซ้ำสองมีน้อยมาก ยิ่งไปกว่านั้น ผมค่อนข้างมั่นใจว่า ถ้าเราไม่โชคร้ายจริงๆ ไตรมาสแรกของปีนี้จะเป็นไตรมาสสุดท้ายแล้ว ที่เราจะเห็นเศรษฐกิจไทยขยายตัวติดลบเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน
แน่นอนว่า ปัจจัยหลักที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายเป็นบวกในช่วงที่เหลือของปีนี้มาจากจีดีพีในช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่หดตัวแรง แต่ปัจจัยรองที่สำคัญที่ผมอยากเน้นในบทความนี้คือพัฒนาการของเศรษฐกิจโลกครับ
โดยล่าสุด นักวิเคราะห์ต่างชาติแทบทุกสำนักฟันธงว่า ปีสองปีนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ดีของเศรษฐกิจโลก บางสำนักไปไกลถึงขั้นที่ว่าเราจะเห็นเศรษฐกิจโลกกลับมาเติบโตแบบ Goldilocks หรือเติบโตอย่างมั่นคงมีเสถียรภาพ ไม่ร้อนแรงเกินไปหรือต่ำเกินไป จากอานิสงค์ของมาตรการกระตุ้นทั้งด้านการเงินและการคลังอย่างต่อเนื่องของประเทศต่างๆ และการทยอยฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้กับประชากรโลก
ตัวเลขการส่งออกสินค้าในเดือนธันวาคมของหลายประเทศในภูมิภาค และของไทยที่กระทรวงพาณิชย์เพิ่งแถลงไปเป็นเครื่องชี้ที่ดีของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในช่วงที่ผ่านมา โดยมูลค่าการส่งออกของไทยกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนเมษายน ทั้งๆที่เดือนธันวาคมเป็นเดือนที่เงินบาทกลับมาแข็งค่ามาก และเริ่มเห็นการระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 ในหลายประเทศแล้ว สะท้อนภาวะการค้าโลกที่ปรับดีขึ้นต่อเนื่อง
เมื่อไปดูดัชนีตลาดหลักทรัพย์ซึ่งสามารถใช้เป็นเครื่องชี้เศรษฐกิจที่มองไปข้างหน้าแบบหยาบๆจะเห็นว่า ดัชนีดาวโจนส์และดัชนี MSCI Asia Pacific กลับมาสูงกว่าระดับ ณ สิ้นปี 2562 มาสักระยะหนึ่งแล้ว เร็วกว่าเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคเองที่คาดกันว่าจะกลับไปเท่าระดับ ณ สิ้นปี 2562 ในครึ่งหลังของปีนี้