"ชีวิตหนี้"

คอลัมน์ร่วมด้วยช่วยคิด | 15 ตุลาคม 2567

เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2567 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จัดงานสัมมนาวิชาการประจำปี ในหัวข้อ “หนี้: The Economics of Balancing Today and Tomorrow” โดยมีการพูดคุยเรื่องหนี้ในหลากหลายมิติ ตั้งแต่หนี้ครัวเรือน หนี้สิ่งแวดล้อม หนี้การลงทุน ตลอดจนหนี้สาธารณะ ซึ่งผู้ว่าการ ธปท. กล่าวไว้ว่าหนี้เหล่านี้มีจุดร่วมที่สำคัญ คือ การคำนึงถึงผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นในระยะสั้นเป็นหลัก และไม่ได้ให้ความสำคัญกับต้นทุนที่เกิดขึ้นในอนาคตเท่าที่ควร

 

ผู้เขียนอยากชวนทุกท่านมาสำรวจหนี้ที่ใกล้ตัวเราที่สุด ในช่วงเสวนา คน กับ หนี้ครัวเรือน” เพื่อตระหนักรู้ถึงต้นตอของปัญหา หนทางแก้ไข และร่วมกันผลักดันให้คนไทยมีหนี้อย่างสมดุลเพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีทั้งในวันนี้และวันหน้า โดยการเสวนาเริ่มต้นจาก ดร. โสมรัศมิ์ จันทรัตน์ จากสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ซึ่งเปิดเผย 3 สัญญาณอันตรายเกี่ยวกับสถานการณ์หนี้ของคนไทยไว้ว่า
1) คนจำนวนมากก่อหนี้ ปัจจุบัน 38% ของคนไทยมีหนี้ในระบบ โดยเฉลี่ยคนละ 540,000 บาท และส่วนใหญ่เป็นหนี้เพื่ออุปโภคบริโภค ในขณะที่มีเพียง 16% ที่มีการออมเพื่อเกษียณอายุ

2) ลูกหนี้จำนวน 3 ใน 4 ของทั้งหมดกำลังมีปัญหาหนี้ เมื่อศึกษาพฤติกรรมการก่อหนี้ จากข้อมูลเครดิตบูโร พบว่า คนไทยจำนวนมากมีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงเป็นหนี้เรื้อรังและเริ่มมีหนี้เกินศักยภาพ

3) คนที่มีปัญหาหนี้กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มอายุน้อย และรายได้น้อย

dect

ต้นตอของหนี้เกิดจากตัวบุคคล และในหลายครั้งสภาพแวดล้อมก็เป็นตัวเอื้อให้ผู้บริโภคก่อหนี้ ปัจจัยที่เกิดจากพฤติกรรมบุคคล เช่น present bias หรือการให้ความสำคัญกับปัจจุบันมากเกินไป การประเมินอนาคตดีเกินไป และเข้าถึงข้อมูลไม่เพียงพอ ล้วนมีผลต่อการตัดสินใจก่อหนี้ ส่วนสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เช่น ค่านิยมจากสังคมรอบข้าง โลกออนไลน์ หรือเหล่า Influencers อาจส่งผลให้คนอยากได้อยากมี ภาคธุรกิจอย่างผู้ขายหรือผู้ให้บริการทางการเงินทำการตลาดเพื่อกระตุ้นการบริโภค อาทิ ช็อปก่อนจ่ายทีหลัง ดาวน์ 0% หรือบัตรประชาชนใบเดียวก็ผ่อนได้ ตลอดจน Social Safety Net ของไทย เช่นในกรณีการช่วยเหลือประชาชนในภาวะวิกฤตที่ยังน้อย ส่งผลให้ครัวเรือนมีความจำเป็นต้องใช้เงินซ่อมแซมบ้านจากภัยธรรมชาติ ปัจจัยแวดล้อมดังกล่าวล้วนมีส่วนทำให้เกิดปัญหาหนี้

ผู้ร่วมเสวนา 2 ท่าน ได้แก่ คุณสฤณี อาชวานันทกุล จากแนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทย และคุณสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ จาก ธปท. เสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนดังนี้

 

คุณสฤณีเห็นว่าควรแก้ปัญหาเชิงระบบเพื่อสร้างกลไกในการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยแบบเบ็ดเสร็จ เช่น แก้กฎหมายล้มละลายเพื่อเปิดช่องให้มีการฟื้นฟูหนี้สินบุคคลธรรมดา ยกระดับกลไกไกล่เกลี่ยข้อพิพาท เพื่อให้เจ้าหนี้ทุกรายมีส่วนร่วมไกล่เกลี่ยหนี้ และมีกฎหมายกำกับดูแลหนี้ที่ไม่เป็นธรรม นอกจากนี้ ควรสนับสนุนการแข่งขันของผู้ให้บริการทางเงิน เพื่อช่วยให้คนเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้มากขึ้น เช่น ลดหรือยกเลิกเพดานดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่แท้จริง สถาบันการเงิน (สง.) สามารถเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยได้ตามความเสี่ยงของลูกหนี้ อย่างไรก็ตาม การแก้กฎหมายหรือเกณฑ์ปฏิบัติต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ต้องระมัดระวังอย่างมากเพราะอาจเกิดเป็น moral hazard (สร้างแรงจูงใจที่ไม่เหมาะสม) ได้

 

คุณสุวรรณี ให้มุมมองว่าการแก้หนี้ควรมองลูกหนี้เป็นศูนย์กลาง ต้องครบวงจร ครอบคลุม และไม่ก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการเข้าถึงสินเชื่อในอนาคต ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน อีกทั้งยังได้กล่าวถึงข้อจำกัดของมาตรการช่วยเหลือของ ธปท. และแนวทางที่ ธปท. ทำเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ ที่ผ่านมามาตรการช่วยเหลือจะครอบคลุมเฉพาะเจ้าหนี้ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. เท่านั้น และยังครอบคลุมเพียงสินเชื่อส่วนบุคคล รวมถึงการสื่อสารที่อาจเข้าใจยาก ทำให้ยังเข้าถึงลูกหนี้ได้ไม่มากนัก อย่างไรก็ดี ธปท. ร่วมกับหลายหน่วยงานจัดทำโครงการต่าง ๆ ที่พยายามแก้ปัญหาหนี้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว อาทิ คลินิกแก้หนี้ โครงการหมอหนี้ การสอดแทรกความรู้ทางการเงินการลงทุนในหลักสูตรการศึกษา และโครงการ Open data เชื่อมข้อมูลจากหลายองค์กร เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ การกดบัตร เพื่อในอนาคตจะช่วยเพิ่มโอกาสของครัวเรือนในการเข้าถึงสินเชื่อในระบบมากขึ้น

 

สุดท้ายนี้ ผู้เขียนขอชวนผู้อ่านฟังคลิปงานสัมมนาตาม QR code เพราะมีหนี้ในอีกหลายแง่มุมที่ไม่ได้กล่าวถึงเนื่องด้วยพื้นที่อันจำกัด และอยากให้ผู้อ่านกลับมาสำรวจ “ชีวิตหนี้” ของท่านว่าเป็นแบบไหน เพราะสิ่งสำคัญในการแก้ปัญหาหนี้ ต้องเริ่มจากการตระหนักรู้ถึงปัญหา แล้วปรับพฤติกรรม เพื่อสร้างวินัยทางการเงิน เช่น ชำระหนี้เต็มจำนวน ตั้งโอนเงินออกเพื่อไปออมอัตโนมัติ 1% ของทุกครั้งที่มีการใช้จ่าย เป็นต้น หากท่านสำรวจแล้วคิดว่าตัวเองอยู่ในข่ายของผู้มีปัญหาหนี้ สามารถหาคู่มือแก้หนี้ หรือปรึกษาหมอหนี้ Line: @doctordebt เพื่อให้ท่านใช้ชีวิตร่วมกับหนี้ได้อย่างราบรื่นและบรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ 

** บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล จึงไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความเห็นของหน่วยงานที่ผู้เขียนสังกัด **

ผู้เขียน : ศณัฐชยา น้อยหุ่น

ดร. กิ่งกาญจน์ เกษศิริ

ธนาคารแห่งประเทศไทย

คอลัมน์ร่วมด้วยช่วยคิด 

ตุลาคม 2567