ยกระดับจัดการบัญชีม้า
สร้างความมั่นใจ ใช้จ่ายผ่านดิจิทัล

ในช่วงเวลาที่ภัยไซเบอร์รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ “บัญชีม้า” นับเป็นเครื่องมือสำคัญของมิจฉาชีพที่นำมาใช้บั่นทอนความเชื่อมั่นของระบบการเงินดิจิทัล ที่ผ่านมาแบงก์ชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ยกระดับมาตรการจัดการบัญชีม้าอย่างเข้มข้น ด้วยความตั้งใจที่จะตัดเส้นทางการเงินของมิจฉาชีพ และช่วยเหลือเหยื่อให้ได้รับเงินคืนมากที่สุด

 

แน่นอนว่าเมื่อมาตรการเข้มข้นถูกนำมาใช้เป็นวงกว้าง ย่อมทำให้เกิดผลข้างเคียงขึ้น หลายท่านได้ยินข่าวการ “ระงับธุรกรรม” ที่ทำให้ร้านค้าและประชาชนผู้สุจริตหลายรายต้องถูกระงับธุรกรรม หรือบัญชีโดยที่ไม่ได้กระทำผิด (แต่เพียงได้รับเงินจากมิจฉาชีพผ่านบัญชีม้า) จนเกิดความเดือดร้อนในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และความกังวลในการใช้การโอนเงินดิจิทัล


ซึ่งแบงก์ชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมิได้นิ่งนอนใจต่อเสียงสะท้อนเหล่านี้ โดยได้เร่งปรับแนวทางปฏิบัติ เพื่อลดผลกระทบต่อร้านค้าและประชาชน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสบายใจในการใช้จ่ายผ่านระบบดิจิทัลได้เหมือนเดิม

fruad

เมื่อมาตรการ “กวาดล้าง” ถูกยกระดับ

 

ปัญหาจากการยกระดับมาตรการจัดการบัญชีม้ามาจากการดำเนินการ 2 ข้อ ข้อแรกคือ การขยายการติดตามเส้นทางการเงิน เดิมทีมิจฉาชีพใช้ช่องทางหลัก ๆ อย่างการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร แต่ด้วยมาตรการที่เข้มข้นที่ผ่านมา จึงได้หันไปใช้ช่องทางอื่น เช่น e-Money และสินทรัพย์ดิจิทัล ในการโอนเงินออกไปก่อน เพื่อตัดขาดเส้นเงิน แล้วค่อยโอนกลับเข้ามาในระบบอีกที


ดังนั้น เพื่อให้การกักเงินได้มากขึ้นและทันท่วงที จึงได้เชื่อมต่อระบบการติดตามและแจ้งเตือนภัยธุรกรรมเข้ากับช่องทางใหม่ ๆ เหล่านี้ เพื่อให้ครอบคลุมเส้นเงินได้ตลอดทาง ดังนั้น จำนวนบัญชีที่ “อาจจะ” เกี่ยวข้องจึงถูกกระทบมากขึ้นไปด้วย

 

ข้อที่สองคือ การพัฒนาระบบอัตโนมัติของธนาคาร เพื่อตอบสนองต่อภัยคุกคามที่รวดเร็วขึ้น ธนาคารหลายแห่งที่เคยระงับธุรกรรมหรือบัญชีโดยใช้พนักงาน (Manual) ได้พัฒนามาใช้ระบบอัตโนมัติในการติดตามเส้นทางการเงิน ซึ่งทำให้การ “กักเงิน” เพื่อช่วยเหลือเหยื่อทำได้เร็ว และให้เงินกลับคืนสู่เจ้าของได้เร็วที่สุด แต่ระบบใหม่นี้ก็อาจมีส่วนทำให้เกิดการระงับธุรกรรมในบัญชีของผู้สุจริตที่โดนลากไปเกี่ยวข้องได้ด้วยเช่นกัน

 

เมื่อความพยายามที่จะช่วยผู้เสียหายกลับกลายเป็นกระทบร้านค้าและประชาชนผู้บริสุทธิ์ ทางศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท. หรือ AOC) แบงก์ชาติ ตำรวจไซเบอร์ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สมาคมธนาคารไทย และธนาคารพาณิชย์ ได้เร่งปรับแนวทางการอายัดบัญชีและแนวทางปลดอายัด เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้น

fruad

ปรับใหญ่ 3 ด้าน : “รวดเร็ว-จำกัด-ชัดเจน”

 

ด้านแรก ปลดระงับให้เร็วขึ้น โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน 2568 โดยผู้บริสุทธิ์ที่ถูกระงับธุรกรรมสามารถติดต่อศูนย์ AOC โทร. 1441 กด 2 เพื่อแจ้งข้อมูล (ชื่อ, ธนาคาร, เลขที่บัญชีที่ถูกระงับ และเลขบัตรประชาชน) เพื่อให้ปลดระงับได้ จากเดิมที่อาจใช้เวลา 7 วัน เป็นภายใน 4 ชั่วโมง ถึง 1 วัน ตามรอบการส่งข้อมูลระหว่าง AOC กับธนาคารวันละ 3 รอบ

 

ด้านที่สอง ระงับเท่าที่จำเป็นมากขึ้น เพื่อลดจำนวนผู้บริสุทธิ์ที่จะถูกกวาดเข้ามาตั้งแต่แรก ภายในเดือนกันยายน 2568 จะมีการกำหนดเงื่อนไขที่ชัดเจนในการต่อเส้นทางการเงิน เพื่อให้การระงับธุรกรรมทำได้แม่นยำมากขึ้น โดยจะพิจารณาบนเงื่อนไขเดียวกับการปลดระงับ เช่น ธุรกรรมมูลค่าน้อย หรือลักษณะบัญชีร้านค้าปกติที่มีรายการเข้าออกสม่ำเสมอ อย่างไรก็ดี การปรับเปลี่ยนก็ต้องไม่ปล่อยให้มิจฉาชีพใช้เป็นช่องโหว่ในการเอาตัวรอดไปได้เช่นกัน

 

ด้านที่สาม แจ้งให้ชัดเจน เพื่อลดความสับสนและความตื่นตระหนกของผู้ได้รับผลกระทบ ธนาคารจะต้องแจ้งข้อมูลแก่ลูกค้าที่ถูกระงับธุรกรรมให้ทราบชัดเจนผ่านช่องทาง Mobile Banking หรือ SMS โดยระบุว่าเป็น “การระงับธุรกรรม” ไม่ใช่ “การอายัดบัญชี” ซึ่งมีความหมายและผลทางกฎหมายที่แตกต่างกัน พร้อมทั้งจำนวนเงินและขั้นตอนต่อไปที่ควรดำเนินการให้ชัดเจนขึ้นด้วย

สร้างความมั่นใจให้คนไทยกลับมาใช้ดิจิทัลอย่างสบายใจ

 

สิ่งที่แบงก์ชาติและหน่วยงานพันธมิตรดำเนินการมาทั้งหมดนี้ คือการชั่งน้ำหนักระหว่างการให้ความปลอดภัยขั้นสูงสุดกับผู้ที่อาจตกเป็นเหยื่อกับการรักษาความสะดวกในการทำธุรกรรม ซึ่งทางหน่วยงานต่าง ๆ เข้าใจความกังวลของร้านค้าและประชาชนทุกคน การปรับใหญ่ในครั้งนี้คือสัญญาณที่ชัดเจน ว่าเราให้ความสำคัญกับผู้สุจริตมากขึ้น เพื่อให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด และหากเกิดผลกระทบก็ต้องได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็วที่สุดเช่นกัน

 

การทำงานร่วมกันในหลายภาคส่วนยังคงเดินหน้าต่อไป และพยายามจำกัดช่องทางต่าง ๆ ของมิจฉาชีพ เพื่อลดจำนวนและมูลค่าความเสียหายให้ได้มากขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ต้องดูแลความสะดวกของผู้บริสุทธิ์ด้วย ซึ่งมาตรการต่าง ๆ สามารถปรับได้ทั้งจากแนวทางใหม่ ๆ ที่เกิดจากประสบการณ์ รวมทั้งเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ ในครั้งนี้ เราหวังว่าการปรับให้การปลดระงับเร็วขึ้น ระงับเท่าที่จำเป็น และแจ้งให้ชัดเจน จะช่วยสร้างความมั่นใจให้ร้านค้าและประชาชนกลับมาใช้จ่ายผ่านระบบดิจิทัลได้อย่างเต็มที่และสบายใจนะคะ

 

แล้วพบกันใหม่โอกาสต่อไปค่ะ

payment

ผู้เขียน : ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์/สุเมธ พฤกษ์ฤดี ผู้วิเคราะห์อาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจการเงินภูมิภาค 


คอลัมน์
แบงก์ชาติชวนคุย ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 24 ตุลาคม 2568

Tag ที่เกี่ยวข้อง

ภัยทางการเงิน บัญชีม้า ระบบการชำระเงิน