เสียงจากหาดใหญ่ หลังวิกฤตน้ำท่วม

Business Voices | Issue No. 2 | 23 ธันวาคม 2568

1. รู้จักหาดใหญ่

 

“หาดใหญ่” เป็นที่รู้จักกันในนามเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจในการค้าภาคใต้ อีกทั้งเป็นเมืองศูนย์กลางการคมนาคมที่เป็นประตูเชื่อมต่อสู่การค้าชายแดน (Gateway) ทั้งสนามบินนานาชาติ ทางรถไฟ และถนนสู่ประเทศเพื่อนบ้านมาเลเซีย รวมทั้งท่าเรือน้ำลึก อีกทั้งเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวสำคัญจนเป็นหนึ่งในสามของเมืองท่องเที่ยวที่คุ้มค่าที่สุดในเอเชีย (Best-Value City) จากการสำรวจของ Agoda ที่ครองใจชาวมาเลเซียซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวอันดับ 1 ของไทย ทำให้ นักธุรกิจท้องถิ่น โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่กลับบ้านเกิดหลังโควิดเกิดความเชื่อมั่นในการลงทุนทำธุรกิจในพื้นที่ ทั้งร้านอาหาร คาเฟ โรงแรม และร้านค้าต่าง ๆ ซึ่งล้วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจหาดใหญ่ให้ไปได้ดีก่อนเหตุการณ์วิกฤตน้ำท่วม

Hat Yai infographic

21 - 28 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา เป็นจุดพลิกของเมืองจาก “วิกฤตน้ำท่วมใหญ่” ย่านเศรษฐกิจของหาดใหญ่ถูกน้ำท่วมสาหัส ทำให้รัฐบาลประกาศให้สงขลาเป็นพื้นที่เกิดสาธารณภัยร้ายแรงอย่างยิ่ง (ระดับ 4)[1] ด้วยความรุนแรงสูงกว่าอดีตที่ผ่านมา ทั้งในมิติพื้นที่ท่วมที่เป็นวงกว้าง และระดับน้ำท่วมที่สูงเกิน 3 เมตร ในหลายจุด ด้วยลักษณะเมืองที่เป็นแอ่งกระทะ หลังเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ แบงก์ชาติได้มีโอกาสลงพื้นที่พูดคุยกับประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ จึงขอเล่าสู่กันฟังถึง ผลกระทบและความเสียหายของหาดใหญ่ และสิ่งที่ผู้ประกอบการยังต้องการความช่วยเหลือ

 

2. เสียงจากคนในพื้นที่

flooded city. blocks and high rises surrounded by muddy water in place of roads and gardens

“ผลกระทบจากวิกฤตน้ำท่วมรุนแรง และประเมินมูลค่าความเสียหายได้ยาก”

 

วิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้ สร้างความเสียหายหนักในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ ในวงกว้าง โดยมีครัวเรือนที่ประสบภัยประมาณ 1.7 แสนครัวเรือน และกระทบธุรกิจชาวหาดใหญ่ ทั้งชีวิตและทรัพย์สินซึ่งประเมินมูลค่าได้ยาก และการฟื้นฟูอาจล่าช้ามากกว่า 3 เดือน โดยเฉพาะภาคการค้าและท่องเที่ยว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจ SMEs หลังน้ำท่วมแบงก์ชาติได้มีโอกาสลงพื้นที่พูดคุยกับประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ หลายท่านได้บอกเล่าถึงความเสียหายที่ตนเองเผชิญด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า “รุนแรงและหนักที่สุดในชีวิต” เพราะนอกจากทรัพย์สินภายในบ้านที่เสียหายและสูญหายไปกับมวลน้ำแล้ว ที่สำคัญกระทบต่ออุปกรณ์ประกอบอาชีพ เช่น ยานพาหนะ เครื่องครัว อุปกรณ์สำนักงาน เครื่องมือเครื่องจักร เครื่องมือทางการแพทย์ ทำให้การเริ่มกลับมาหารายได้จะต้องใช้เวลา ซึ่งจะส่งผลต่อฐานะการเงินของครัวเรือน และ SMEs ในระยะต่อไป ธุรกิจไม่เพียงแต่ต้องซื้ออุปกรณ์ทำมาหากินใหม่ และซ่อมเครื่องมือเครื่องจักรเดิมที่เสียหาย แต่ยังต้องใช้เงินทุนเพื่อป้องกันน้ำท่วมในอนาคตด้วย

 

ทั้งนี้ แบงก์ชาติประเมินผลกระทบน้ำท่วมต่อเศรษฐกิจภาคใต้ สูญเสียรายได้ราว 15,700 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.1% ของ GDP ประเทศ ซึ่งผลเสียหายนี้จะหนักสุดใน ไตรมาส 4 ปี 2568 จนถึง ไตรมาส 1 ปี 2569 โดยธุรกิจแต่ละประเภทก็ได้รับ ผลกระทบที่แตกต่างกัน ดังนั้น เพื่อให้เห็นภาพชัดยิ่งขึ้น ผู้เขียนจึงขอเจาะลึกสรุปผลกระทบในแต่ละประเภทธุรกิจ ซึ่งมาจากการลงพื้นที่พูดคุยกับผู้ประกอบการ ดังนี้

ธุรกิจการค้าและการท่องเที่ยวกระทบหนัก เพราะท่วมในย่านเศรษฐกิจและส่วนใหญ่เป็น SMEs"

flooded small business

เจาะลึกเพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้นก็พบว่าธุรกิจแต่ละประเภทได้รับผลกระทบแตกต่างกัน ธุรกิจกระทบหนักสุดคือ ธุรกิจการค้า (10% ของ Gross provincial product, GPP) เพราะท่วมกลางเมืองและส่วนใหญ่เป็นร้านค้าขนาดเล็ก ที่ต้องใช้เวลาฟื้นฟูนานกว่า 3 เดือน ยิ่งไปกว่านี้ที่ท่วมในช่วงปลายปียิ่งซ้ำเติมทำให้ธุรกิจให้เจ็บหนัก เพราะผู้ประกอบการหลายรายได้สั่งสต๊อกสินค้าเตรียมรองรับการจับจ่ายใช้สอยของชาวไทยและมาเลเซียในช่วงเทศกาลสิ้นปีที่จะถึงนี้ ยิ่งไปกว่านั้นร้านค้ารายใหญ่ เช่น ร้านเสื้อผ้าอุปกรณ์กีฬา ร้านอาหารสัตว์ ร้านตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า ล้วนเล่าถึงความเสียหายของสต๊อกอย่างน้อยในหลักสิบล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมความเสียหายของตัวร้าน

 

ในช่วงที่ลงพื้นที่เมื่อต้นเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา เราเห็นภาพร้านค้าในตลาดกิมหยงที่ล้างตลาดไปแล้วหลายรอบแต่ก็ยังมีฝุ่นโคลนติดอยู่และส่วนใหญ่ยังอยู่สภาพที่พังเสียหาย หลายร้านเทขายของที่โดนน้ำท่วมเพื่อนำเงินมาหมุนก่อน ขณะที่มีเพียงไม่กี่ร้านที่เริ่มเข้ามาซ่อมร้านและทยอยนำของไม่โดนน้ำท่วมมาวางขายและขายออนไลน์บ้าง

 

ทั้งนี้ คาดว่าร้านค้าจะทยอยกลับมาเปิดได้ใน 1 - 3 เดือนหลังน้ำท่วม แต่รายใหญ่บางรายเล่าว่าอาจต้องใช้เวลานานกว่านั้น ส่วนด้าน dealer รถยนต์ต่างเร่งฟื้นฟูธุรกิจรวมถึงโชว์รูมที่ได้รับความเสียหาย อีกทั้งยังมีรถถูกน้ำท่วมรอประเมินสภาพเพื่อเคลียร์ประกันและรอซ่อมอยู่อีกจำนวนมาก ประเมินว่ามีจำนวนรถถูกน้ำท่วมหลายหมื่นคัน ซึ่งหากนับเพียงข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ที่ประกันได้รับการแจ้งความเสียหายรถยนต์ก็สูงถึง 30,000 คันแล้ว และยังมีรถยนต์อีกจำนวนมากที่ไม่มีประกันรถยนต์คุ้มครองความเสียหาย ขณะที่ยอดขายรถยนต์ใหม่เพิ่มขึ้นจากก่อนน้ำท่วมเกือบ 2 เท่า เพราะมีลูกค้ามาซื้อรถใหม่เพื่อทดแทนรถที่โดนท่วมไป แต่ก็ยังมองว่าเป็นเพียงระยะสั้น หลังจากนี้ 2-3 เดือน ยอดขายจะลดลงมากเพราะกำลังซื้อจะยิ่งอ่อนแอ

flood victims on roof

อีกธุรกิจที่กระทบหนัก คือ ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง[2] (6% ของ GPP) ซึ่งผู้ประกอบการหลายรายเห็นตรงกันว่าต้องเป็น priority ในการฟื้นฟูเมือง เพื่อให้กลับมาเตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวจากนอกพื้นที่โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวมาเลเซียให้กลับมาเที่ยวหาดใหญ่ และสร้างรายได้ให้แก่ธุรกิจในพื้นที่ ผลกระทบปัจจุบันหนักเพราะธุรกิจโรงแรมถูกยกเลิกจองห้องพักเกือบทั้งหมด จากก่อนน้ำท่วมที่ส่วนใหญ่มียอดจองเต็มจากนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่ปกติจะเดินทางมาเที่ยวในช่วงสิ้นปีจำนวนมาก อย่างไรก็ดี โรงแรมหลายแห่งหวังว่าจะกลับมาเปิดให้ได้ภายใน 1 - 3 เดือนหลังน้ำท่วม นอกจากนี้ ธุรกิจเกี่ยวเนื่องท่องเที่ยว เช่น ร้านอาหาร คาเฟ มัคคุเทศก์ รถรับจ้าง ก็ได้รับความเสียหายและต้องใช้เวลาฟื้นฟูอย่างน้อย 1 - 3 เดือนเช่นกัน หากธุรกิจร้านอาหารกลับมาเปิดได้มาก จะยิ่งเป็น magnet ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียให้กลับมา อีกทั้งมีข่าวดี คือ นักท่องเที่ยวมาเลเซียยังมีความเชื่อมั่นเชิงบวกอยู่ โดยชาวมาเลเซียทยอยถามว่าจะกลับมาเที่ยวได้เมื่อไหร่และให้กำลังใจชาวหาดใหญ่อีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจบริการอื่น ๆ ได้แก่ กิจการขนส่งซึ่งนอกจากทรัพย์สินและเครื่องจักรอุปกรณ์ของกิจการที่ได้รับความเสียหายแล้ว ยังมีสินค้าที่อยู่ในคลังสินค้าและอยู่ระหว่างขนส่งได้รับความเสียหายอีกด้วย รวมถึงบริการทางการแพทย์ การศึกษา ที่ทรัพย์สินเสียหายหนักเช่นกัน

 

สำหรับกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยรวมไม่มากเท่ากลุ่มที่กล่าวไปข้างต้น คือ ธุรกิจภาคผลิต (18% ของ GPP) เพราะโรงงานส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ใจกลางเมืองหาดใหญ่จึงไม่โดนท่วม แต่ก็มีโรงงานบางแห่งที่โดนท่วมและเสียหายมากเพราะเครื่องจักรสมัยใหม่เป็นระบบ digital และสูญเสียสต๊อกสินค้า และภาคเกษตร (12% ของ GPP) ที่กระทบไม่มากเช่นกัน ส่วนใหญ่เป็นสวนยางพารา ต้นยางทนน้ำได้ดีผลเสียหายจึงไม่มาก แต่ผลผลิตจะลดลงเพราะเกษตรกรไม่สามารถกรีดยางได้ในช่วงน้ำท่วม

 

“ปักหมุดเปิดเมืองตอนตรุษจีนปี 69 แต่ก็ไม่มั่นใจ เพราะยังไม่เห็นแผนฟื้นฟู และป้องกันน้ำท่วมที่ชัดเจนพอ”

 

แม้เจ้าภาพเปิดเมืองจะยังไม่ชัดเจน แต่ภาคเอกชนในพื้นที่ยังอยากให้การเปิดเมืองเป็น event ใหญ่ในช่วงตรุษจีน ปี 69 เพื่อแสดงถึงความพร้อมของเมืองที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวและรองรับการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนในช่วงเทศกาล เพราะการฟื้นฟูเมืองให้มีความพร้อมทั้งหมด อาจใช้เวลานานนานนับเดือนจึงไม่ทันปีใหม่นี้ และปัจจุบัน เวลาผ่านมาเกือบ 1 เดือน มีธุรกิจทยอยกลับมาเปิดไม่ถึงครึ่ง อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการหลายรายยังไม่มั่นใจว่าจะเปิดเมืองได้เต็มที่ เพราะขึ้นกับ 2 ปัจจัยสำคัญที่ยังไม่ชัดเจน ซึ่งได้แก่

  • ความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการน้ำและการเตือนภัย เพื่อให้ประชาชนและธุรกิจเชื่อมั่นได้ว่าจะมีการปรับปรุงการบริหารจัดการน้ำ ตั้งแต่การแจ้งเตือนล่วงหน้าให้อพยพและขนย้ายข้าวของ รวมถึงการป้องกันน้ำท่วมที่จะแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ตลอดจนแผนการฟื้นฟูของภาครัฐ แต่ปัจจุบันยังไม่ชัดเจนและเร็วพอ ต่างจากน้ำท่วมใหญ่ปี 43 ที่มีโครงการจัดการน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งความไม่เชื่อมั่นเช่นนี้ ย่อมส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนฟื้นฟูธุรกิจตามมา

 

  • เงินทุน หรือสภาพคล่องธุรกิจที่จะนำมาฟื้นฟู ซึ่งผู้ที่มีเงินทุนพร้อมก็สามารถกลับมาเปิดได้เร็ว ขณะที่ผู้ประกอบการส่วนหนึ่งต้องรอเงินทุนจากประกัน แต่ต้องใช้เวลาและส่วนใหญ่วงเงินประกันครอบคลุมเพียงบางส่วน ขณะที่ยังมีอีกหลายรายต้องหาเงินทุนเพิ่มเติมจากแหล่งอื่น เช่น จากสถาบันการเงิน โดยธุรกิจขนาดเล็กเป็นห่วงการเข้าถึงสินเชื่อ ส่วนธุรกิจขนาดกลางถึงใหญ่เป็นห่วงวงเงินกู้ที่จะได้ไม่เพียงพอกับการฟื้นฟู ในกรณีแย่ที่สุดคือบางธุรกิจยังไม่รู้จะไปต่อได้อย่างไรเพราะไม่มีเงินทุนจะฟื้นฟู และแม้ว่ามีเงินทุนพร้อมฟื้นฟู แต่ก็หาช่างซ่อมแซมได้ยากในช่วงนี้

“ธุรกิจเห็นว่าการเยียวยายังน้อยกว่าความสูญเสีย ธุรกิจจึงต้องการความช่วยเหลือโดยเร็ว”

 

สิ่งสำคัญที่ชาวหาดใหญ่ต้องการ คือ “การสร้างความมั่นใจเรื่องแผนป้องกันและฟื้นฟูเพื่อไม่ให้ท่วมหนักอีกในอนาคต” คำถามแรกในใจชาวหาดใหญ่ คือ “ปีหน้าน้ำจะท่วมอีกไหม?” ซึ่งย่อมต้องพึ่งพาภาครัฐช่วยตอบ ผ่านโครงการบริหารจัดการน้ำที่ชัดเจนและเร่งด่วน เพราะความเสี่ยงจากสภาพอากาศแปรปรวนเพิ่มขึ้นมากจากภาวะโลกร้อน อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น ธุรกิจยังต้องการความช่วยเหลือโดยเร็วและมีข้อเสนอแนะ ดังนี้

  • มาตรการลดต้นทุนหรือรายจ่าย เช่น สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อฟื้นฟูกิจการ การพักหนี้เดิม การช่วยจัดหาอุปกรณ์ หรือ เครื่องมือประกอบอาชีพให้แก่ผู้ประกอบการในราคาถูก การช่วยเหลือธุรกิจรายย่อยเรื่องเงินทุนจากคู่ค้าหรือธุรกิจรายใหญ่ส่วนกลาง มาตรการลดหย่อนภาษีจากค่าใช้จ่าย เงินลงทุนที่ใช้ซ่อมแซมฟื้นฟูกิจการ
  • มาตรการเพิ่มรายได้ ที่อาจต้องหากำลังซื้อจากคนนอกพื้นที่ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในพื้นที่ เช่น มาตรการคนละครึ่งและการลดหย่อนภาษีจากค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวในหาดใหญ่ เป็นต้น
a lively market

“ธุรกิจเปิดโหมดลุกขึ้นสู้ ฟื้นฟูธุรกิจ”

 

แสงสว่างที่มองเห็น คือ ยังคงมีธุรกิจที่เลือกลุกขึ้นสู้ มากกว่าธุรกิจที่ถอดใจ ผู้ประการหลายรายเร่งฟื้นฟูตัวเองและปรับตัวเพื่ออยู่รอด ธุรกิจหลายรายต้องปรับรูปแบบหรือการบริหารจัดการธุรกิจให้ตัวเบาขึ้น หรือลดต้นทุนเพื่อให้อยู่รอด เช่น ลดจำนวนสาขาที่ให้บริการ ปรับปรุงร้านในงบประหยัดให้พอเปิดบริการได้ สต๊อกสินค้าลดลงเท่าที่มีเงินทุน นอกจากนี้ เรายังเห็นธุรกิจในพื้นที่ช่วยเหลือกันเอง (เพื่อนช่วยเพื่อน) เช่น เครือข่ายร้านกาแฟช่วยกันประสานซ่อมแซมเครื่องชงกาแฟที่น้ำท่วม อีกทั้ง เห็นธุรกิจรายใหญ่ส่วนกลางบางรายช่วยรายเล็ก เช่น บริษัทซัพพลายเออร์ส่วนกลางช่วยรับเคลมสินค้าในสต๊อก หรือช่วยเหลือให้ส่วนลดค่าซ่อมแซมหรืออะไหล่ นอกจากนี้ ธุรกิจที่กลับมาเปิดได้แล้วมีลูกค้าในพื้นที่ไปอุดหนุนให้กำลังใจกัน ขณะเดียวกัน ยอมรับว่ามีผู้ประกอบการอีกจำนวนหนึ่งที่ลังเลว่า จะลุกขึ้นสู้เปิดธุรกิจต่อ หรือ พอแค่นี้? หลายรายที่กำลังคิดปิดกิจการ มีทั้งผู้ประกอบการรุ่นใหญ่ที่อยู่ในวัยเริ่มต้นใหม่ได้ยาก และผู้ประกอบการ Gen ใหม่ที่กลับบ้านเกิดและเพิ่งลงทุนเปิดกิจการหลังโควิด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารและคาเฟ

3. แบงก์ชาติออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของสถาบันการเงิน

 

“ผู้ประกอบการที่กังวลจ่ายหนี้เดิมไม่ได้ ให้รีบติดต่อแบงก์ที่ท่านใช้บริการเพื่อขอรับความช่วยเหลือ"

 

นอกจาก ธุรกิจกังวลเรื่องการหาเงินทุนใหม่มาซ่อมแซมแล้ว ยังมีผู้ประกอบการหลายรายกังวลภาระหนี้เดิมที่มีอยู่กับสถาบันการเงิน เนื่องจากธุรกิจยังอยู่ในโหมดฟื้นฟูและรายได้ยังไม่กลับมาจนไม่สามารถชำระหนี้คืนได้ตามปกติ แบงก์ชาติได้กำชับให้สถาบันการเงินช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุสาธารณภัยภายใต้เกณฑ์ที่แบงก์ชาติผ่อนปรนตั้งแต่เริ่มน้ำท่วม อีกทั้งได้ออกมาตรการเพิ่มเติมช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากน้ำท่วมภาคใต้ โดยลูกหนี้แจ้งความประสงค์ได้ที่สถาบันการเงินเจ้าหนี้ หรือติดต่อสายด่วนแบงก์ชาติ โทร 1213 (ดูรายละเอียดเพิ่มเติม)

 

ท้ายสุดนี้ แบงก์ชาติขอเป็นกำลังใจให้ชาวหาดใหญ่ผ่านช่วงเวลายากลำบากนี้ อีกทั้งเป็นกำลังใจให้ทุกภาคส่วนฟื้นฟูเมืองหาดใหญ่ให้กลับมาโดยเร็ว และเติบโตได้ตามศักยภาพของเมืองหาดใหญ่ที่เป็นทั้งศูนย์กลางการค้าแดนใต้ เป็นประตูสู่ประเทศเพื่อนบ้าน เป็นเมืองการศึกษา ซึ่งล้วนเป็นพื้นฐานให้สามารถพัฒนาได้ในอีกหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น MICE city, Wellness hub, Logistic hub, Education and Innovation hub

debt relief for flood victims flyer

End Notes

 

[1] ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 และแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2564 – 2570

 

[2] ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง ได้แก่ ที่พักแรม บริการด้านอาหาร โลจิสติกส์และขนส่ง

 

ผู้เขียน

จุฬารัตน์ โฆษะโก

จุฬารัตน์ โฆษะโก

ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้

Email: JULARATK@bot.or.th

 

 

บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย