คำถามพบบ่อย

Financial Hub
ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน

ในประเทศไทย

Financial Hub

รัฐบาลมีนโยบายให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงิน (Financial Hub: Fin Hub) อันเป็น 1 ใน 8 vision ของโครงการ Ignite Thailand โดยมีความคาดหวังให้ Fin Hub ก่อประโยชน์ทั้งในแง่ของการสนับสนุนให้เกิดการจ้างงาน การดึงดูดเงินลงทุนเข้าประเทศ รวมทั้งการถ่ายทอดเทคโนโลยีและความรู้ความชำนาญให้กับคนไทย ในการนี้ กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดนโยบายและยกร่างกฎหมายเพื่อจัดตั้ง Fin Hub โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานคณะกรรมการ และคณะกรรมการได้ตั้งคณะอนุกรรมการยกร่างกฎหมายเพื่อยกร่างพระราชบัญญัติศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. .... (ร่าง พ.ร.บ.) ปัจจุบัน คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาร่าง พ.ร.บ. เสร็จแล้ว และอยู่ระหว่างขั้นตอนการนำส่งให้ ครม. เพื่อเห็นชอบผลการพิจารณา ก่อนจะนำส่งให้สภาผู้แทนราษฏรพิจารณาต่อไป

Fin Hub คือ ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน มีเป้าหมายในการดึงดูดผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินให้มาประกอบธุรกิจในไทย โดยการแยกออกจากระบบการเงินหลักและให้สิทธิประโยชน์ต่าง 

ธุรกิจใน Fin Hub ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำกฎหมายหลายฉบับมาบังคับใช้ได้แก่ กฎหมายว่าด้วย (1) ธุรกิจสถาบันการเงิน (2) ระบบการชำระเงิน (3) หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (4) สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (5) การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (6) การประกันชีวิต และ (7) การประกันวินาศภัย ทั้งนี้จะอยู่ภายใต้กฎหมายเฉพาะของ Fin Hub และถูกกำกับดูแลแยกจากระบบหลัก

ธุรกิจใน Fin Hub ต้องมีที่ตั้งสถานที่ประกอบธุรกิจที่เหมาะสม ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ที่กำหนด (ปัจจุบันยังไม่กำหนด)

Fin Hub มีผู้กำกับดูแลแยกต่างหากจากระบบการเงินหลัก ซึ่งผู้กำกับดูแลมีลักษณะเป็น One-Stop Authority (OSA) เพื่อเน้นความคล่องตัว ซึ่งประกอบด้วย

  • คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน (คณะกรรมการ Fin Hub) :

- ประกอบด้วย (1) รมว. คลัง เป็นประธานกรรมการ  (2) กรรมการโดยตำแหน่ง 7 คน ได้แก่ ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงมหาดไทย เลขาธิการ BOI  เลขาธิการ ปปง. ผู้ว่า ธปท. เลขาธิการ คปภ. เลขาธิการสำนักงาน ก.ล.ต. (3) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 3-5 คน โดยให้มีผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน ด้านกฎหมายทางการเงิน และด้านบัญชี อย่างน้อยด้านละหนึ่งคน และ (4) ผู้อำนวยการเป็นกรรมการและเลขานุการ
- มีหน้าที่เสนอแนะนโยบายและแนวทางการส่งเสริม Fin Hub กำหนดประเภทและขอบเขตของการอนุญาตต่อ ครม. เพื่อพิจารณาอนุมัติ
- รวมทั้งมีหน้าที่ในการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขในการขออนุญาต และพิจารณาอนุญาต ต่ออายุ และเพิกถอนการอนุญาต กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการส่งเสริมและสิทธิประโยชน์ ติดตามและประเมินผลการดำเนินการ และกำกับดูแลสำนักงาน

  • สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน (สำนักงาน OSA) :

- มีหน้าที่ส่งเสริมและกำกับดูแลการประกอบธุรกิจเป้าหมาย และปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการฯ กำหนด
- มีผู้อำนวยการเป็นผู้แทนของสำนักงาน

 

ในช่วงที่ผ่านมา ธปท. เข้าร่วมประชุมในคณะกรรมการกำหนดนโยบายและยกร่างกฎหมายเพื่อจัดตั้งศูนย์กลางทางการเงิน การประชุมคณะอนุกรรมการยกร่างกฎหมายเพื่อจัดตั้งศูนย์กลางทางการเงิน และการประชุมเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ของคณะกรรมการกฤษฎีกา และเมื่อร่าง พรบ. มีผลบังคับใช้ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยจะเป็นหนึ่งในคณะกรรมการฯ ภายใต้ พรบ. ดังกล่าว

ธุรกิจใน Fin Hub ต้องเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือสาขาของนิติบุคคลต่างประเทศ และต้องได้รับใบอนุญาต (license) ในการประกอบธุรกิจเป้าหมายจากคณะกรรมการ Fin Hub ทั้งนี้ธุรกิจใน Fin Hub มีสถานะเป็น NR ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน (กฎหมาย FX) เพื่อสามารถให้บริการลูกค้า NR ได้อย่างเสรี

ธุรกิจใน Fin Hub ประกอบด้วย 8 ธุรกิจเป้าหมาย คือ

(1) ธุรกิจธนาคารพาณิชย์
(2) ธุรกิจบริการการชำระเงิน
(3) ธุรกิจหลักทรัพย์
(4) ธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
(5) ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
(6) ธุรกิจประกันภัย
(7) ธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อ
(8) ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องหรือสนับสนุนธุรกิจทางการเงินตามที่กำหนดโดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรี (เช่น Data Center)

ธุรกิจใน Fin Hub ให้บริการ NR ได้เท่านั้น ยกเว้น (1) การให้บริการบางประเภทของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่อนุญาตให้บริการคนไทยผ่านตัวกลางในประเทศไทย และ (2) การให้บริการกันเองภายใน Fin Hub 

ธุรกิจใน Fin Hub จะได้รับ

(1) สิทธิประโยชน์ทางภาษี (อยู่ระหว่างการพิจารณาของกรมสรรพากร) และ
(2) สิทธิประโยชน์ที่ไม่ใช่ภาษี อาทิ สิทธิของผู้ประกอบธุรกิจในการถือกรรมสิทธิ์ในห้องชุด และสิทธิในการนำคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในประเทศไทย 

ในกรณีที่มีเหตุอันอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจและระบบการเงินของประเทศ ให้คณะกรรมการฯ หารือร่วมกับผู้กำกับดูแลหลัก (3Reg) ได้แก่ ธปท. สำนักงาน ก.ล.ต. สำนักงาน คปภ. มีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์เพิ่มเติมหรือมีคำสั่งให้ธุรกิจใน Fin Hub ต้องปฏิบัติได้ 

การจัดตั้ง Fin Hub ในแต่ละประเทศมีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน มีการพัฒนาและใช้จุดแข็งของตนในการดึงดูดผู้ประกอบธุรกิจที่มีคุณภาพจากต่างประเทศ ตัวอย่างประสบการณ์การจัดตั้ง Fin Hub ในต่างประเทศมีดังนี้

สิงคโปร์ : รัฐบาลต้องการพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุนของภูมิภาคเอเชีย โดยที่ผ่านมาสิงคโปร์มีความโดดเด่นด้าน wealth management และ fintech และในปัจจุบันได้ตั้งเป้าหมายการเป็นศูนย์กลางสำหรับ green finance และ sustainable investing รวมทั้งมีแผนในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินให้เป็นดิจิทัล โดยสิงคโปร์ดึงดูดผู้ประกอบธุรกิจที่มีคุณภาพได้ด้วยปัจจัย เช่น (1) เสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเมืองที่มีความต่อเนื่องของนโยบายภาครัฐ (2) ภาพลักษณ์ของการมีหลักนิติรัฐ (rule of law) และธรรมาภิบาลที่เข้มแข็ง และ (3) ระบบนิเวศ (ecosystem) และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ (business environment) อื่น ๆ ที่เอื้อต่อการจัดตั้งและการดำเนินธุรกิจของชาวต่างชาติ
 

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (United Arab Emirates: UAE) : รัฐบาลมีเป้าประสงค์ในการลดการพึ่งพารายได้จากน้ำมัน และมียุทธศาสตร์ระดับชาติในการพัฒนารอบด้าน โดย UAE สามารถดึงดูดนักลงทุนด้วยจุดแข็งทางทำเลของประเทศซึ่งอยู่ใจกลางภูมิภาคตะวันออกกลางอันเป็นจุดเชื่อมระหว่างหลายภูมิภาค ประกอบกับความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สะดวกต่อการเชื่อมโยงกับ stakeholders ในประเทศอื่น ๆ โดยปัจจุบัน UAE มีการจัดตั้ง Financial Free Zone 2 แห่ง ได้แก่ (1) Dubai International Financial Centre (DIFC) ที่จัดตั้งขึ้นในเขตพื้นที่ 1.1 ตารางกิโลเมตรในรัฐดูไบ มีความโดดเด่นในการให้บริการ wealth management และ fintech และมี Dubai Financial Services Authority (DFSA) เป็นหน่วยงานกำกับดูแล และ (2) Abu Dhabi Global Market (ADGM) ที่จัดตั้งบน 2 เกาะของรัฐอาบูดาบี ซึ่งเน้นการให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและด้าน sustainable finance โดยมี Financial Services Regulatory Authority (FSRA) ทำหน้าที่กำกับดูแล

มาเลเซีย : รัฐบาลต้องการเพิ่มบทบาทของภาคการเงินในการขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ประกอบกับมีเป้าหมายในการพัฒนาเกาะลาบวน จึงได้ออกกฎหมายจัดตั้ง Labuan International Business and Financial Centre (Labuan IBFC) เมื่อปี 2533 โดยให้มี Labuan Financial Services Authority (Labuan FSA) เป็นหน่วยงานกำกับดูแลเฉพาะแยกจากระบบหลัก หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของ Labuan IBFC คือการเป็น International Islamic Financial Center ที่เน้นการให้บริการทางการเงินแก่ชาวมุสลิม โดยปัจจุบันมีจุดเด่นในการให้บริการ captive insurance และการเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยของชาวมุสลิม (Takaful) ทั้งนี้มีแผนพัฒนาจุดแข็งในด้าน digital Islamic finance เพิ่มอีกด้วย