คำถามพบบ่อย

โครงการกลไกการค้ำประกันสินเชื่อ :
SMEs Credit Boost

ข้อมูล ณ วันที่ 26 ธันวาคม 2568

ภาพรวมโครงการ

เพื่อเพิ่มกลไกค้ำประกันสินเชื่อที่ช่วยแชร์ความเสี่ยงและช่วยให้ธนาคารพาณิชย์มั่นใจในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เพราะที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์ระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ จากต้นทุนความเสี่ยงด้านเครดิต (credit cost) ที่สูง ทำให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs เข้าถึงสินเชื่อได้ลำบาก ซึ่งกลไกดังกล่าวจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสามารถเข้าถึงสินเชื่อ เพื่อนำไปลงทุนพัฒนาความสามารถในการแข่งขันเพิ่มศักยภาพที่จะสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาวได้มากขึ้น

ดำเนินการภายใต้หลักการสำคัญ 5 ข้อ

1. ตรงจุด เน้นให้สินเชื่อใหม่กับธุรกิจ SMEs ในธุรกิจเป้าหมาย หรือผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพ เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า โดยครอบคลุมทั้งสินเชื่อระยะยาว (term loan) และสินเชื่อหมุนเวียน (working capital ซึ่งไม่รวม overdraft) ที่วัตถุประสงค์สอดคล้องกับโครงการ

2. มี impact ช่วยให้มีเม็ดเงินใหม่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยไม่ช้า (ชดเชยสินเชื่อปล่อยใหม่ภายใน 2 ปีนับจากวันเริ่มโครงการ) ครอบคลุมระยะเวลาค้ำประกันยาวเพียงพอ (ไม่เกิน 7 ปีนับจากวันที่ปล่อยสินเชื่อ) และชดเชยในอัตราที่เพียงพอรองรับความเสี่ยง (ในช่วง 15-30% ขึ้นกับขนาดของธุรกิจ) ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้เกิดการปล่อยสินเชื่อใหม่ประมาณ 5 เท่าของวงเงินชดเชย

3. กระจายตัว เน้นช่วย SMEs และกระจายความช่วยเหลือให้ธุรกิจอย่างทั่วถึงโดยกำหนดวงเงินสินเชื่อรวมทุกธนาคารพาณิชย์สูงสุดต่อรายไม่เกิน 100 ล้านบาท สำหรับ SMEs และไม่เกิน 150 ล้านบาท สำหรับธุรกิจรายใหญ่

4. คล่องตัว ธนาคารพาณิชย์บริหารจัดการสินเชื่อได้คล่องตัว เพราะทราบโควตาวงเงินชดเชยที่ได้รับจัดสรรชัดเจน ณ วันปล่อยสินเชื่อ และบริหารจัดการการขอรับเงินชดเชยภายในโควตาได้สะดวกจากกระบวนการขอรับเงินชดเชยที่ไม่ซับซ้อนและไม่ต้องรองบประมาณภาครัฐ

5. ป้องกัน moral hazard ธนาคารพาณิชย์พิจารณาสินเชื่ออย่างรัดกุมและบริหารจัดการหนี้ก่อนมาขอรับเงินชดเชย ซึ่งหากปล่อยสินเชื่อแล้วเป็นหนี้เสียเร็ว จะไม่สามารถขอรับเงินชดเชยได้ และหากเป็นหนี้เสียแล้ว ต้องปรับโครงสร้างหนี้อย่างน้อย 1 ครั้งก่อนมาขอรับการชดเชย

  • ครอบคลุมความเสียหายในระยะที่ยาวพอ คือ ไม่เกิน 7 ปีนับจากวันที่ธนาคารพาณิชย์อนุมัติวงเงิน
  • ชดเชยในอัตราที่เพียงพอรองรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น คือ ในช่วง 15-30% ขึ้นกับขนาดของธุรกิจ
  • ธนาคารพาณิชย์ทราบวงเงินชดเชยความเสียหายรวมของตนเองชัดเจน จึงบริหารจัดการได้คล่องตัว 

  • โครงการนี้เป็นกลไกเฉพาะกิจ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงสินเชื่อของธุรกิจกลุ่มเป้าหมายโดยใช้แหล่งเงินจากส่วนลดเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF ซึ่งเป็นการช่วยเหลือเพิ่มเติมจากการค้ำประกันสินเชื่อของ บสย.
  • รูปแบบกลไกที่ต่างจาก บสย. คือ

- กระบวนการคล่องตัว: ธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งจะได้รับจัดสรรวงเงินชดเชยรวมไว้ชัดเจนล่วงหน้า โดยยึดกับวงเงินสินเชื่อรวมและไม่ได้ปรับตามยอดคงค้างสินเชื่อ ทำให้บริหารจัดการความเสี่ยงได้คล่องตัว และเอื้อต่อการปล่อยสินเชื่อใหม่มากขึ้น
- วงเงินสินเชื่อต่อรายสูง: SMEs ได้วงเงินรวมทุกธนาคารพาณิชย์ไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อราย และลูกหนี้ธุรกิจขนาดใหญ่ไม่เกิน 150 ล้านบาทลูกหนี้ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม
- ลูกหนี้ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม

เน้น SMEs ในภาคธุรกิจที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและตอบโจทย์ระยะยาวของประเทศ สอดคล้องกับแนวคิด Reinvent Thailand ของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.)* เช่น การท่องเที่ยว การแพทย์/สุขภาพ เกษตร/เกษตรแปรรูป ยานยนต์และชิ้นส่วน อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การค้า ตลอดจนธุรกิจที่อยู่ใน supply chain ของภาคธุรกิจข้างต้น และโลจิสติกส์ รวมถึงผู้ประกอบการ (SMEs หรือธุรกิจขนาดใหญ่**) ที่มีศักยภาพในการปรับตัว (เช่น ด้านดิจิทัลเทคโนโลยี การดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม) หรือสร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจไทยในระยะยาว (เช่น มีการใช้ทรัพยากรในประเทศ)


หมายเหตุ:
*สามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ Reinvent Thailand เพิ่มได้ที่ https://drive.google.com/file/d/1r9tOmmfM_uCla5qYeGRyy0_uFwxQ9e-2/view
**หากเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ต้องแสดงให้เห็นว่าสินเชื่อที่ได้รับจะนำไปช่วยสร้างประโยชน์หรือส่งเสริม SMEs ใน supply chain ด้วย

กลุ่มธุรกิจเป้าหมายที่กำหนดในครั้งนี้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างศักยภาพเศรษฐกิจไทยในระยะยาว ทั้งนี้ หากในอนาคต มีความจำเป็นเพิ่มเติมที่ชัดเจน อาจพิจารณาขยายให้ครอบคลุม sector อื่น ๆ ได้ตามความเหมาะสม

  • การพิจารณาปล่อยสินเชื่อขึ้นกับกระบวนการและแนวทางการให้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่ง ซึ่งอาจมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน
  • ธุรกิจกลุ่มเป้าหมายเป็นเพียงหนึ่งในคุณสมบัติที่ธนาคารพาณิชย์ใช้พิจารณาคัดกรองการเข้าร่วมโครงการครั้งนี้เท่านั้น

ธุรกิจสามารถดำเนินการขอสินเชื่อได้ตามกระบวนการปกติ โดยธนาคารพาณิชย์จะเป็นผู้พิจารณาคัดกรองให้เองว่าธุรกิจรายใดเข้าข่ายได้รับการค้ำประกันภายใต้โครงการนี้ 

ธปท. คาดหวังว่าโครงการนี้จะช่วยสนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อใหม่แก่ธุรกิจเป้าหมายเพิ่มขึ้นประมาณ 100,000 ล้านบาท ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า

เริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่ 15 ม.ค. 2569 เป็นต้นไป โดยผู้ประกอบการสามารถติดต่อสอบถามผ่านช่องทางของธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งได้โดยตรง

รายละเอียดโครงการ

  • ผู้ประกอบการต้องมีคุณสมบัติครบทุกข้อดังนี้

1. เป็นบุคคลสัญชาติไทย/นิติบุคคลจดทะเบียนในไทยที่มีผู้ถือหุ้นสัญชาติไทยเกิน 50% ไม่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (ยกเว้นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI) และไม่ประกอบธุรกิจทางการเงิน

2. ไม่มีส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ และทุกบัญชีของสินเชื่อเดิม และของทุกธนาคารพาณิชย์ ณ วันที่อนุมัติสินเชื่อ ต้องไม่เป็น Stage 2 (SM) ที่เกิดจากการมีวันค้างชำระ หรือเป็นสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Stage 3 หรือ NPL) ตามเกณฑ์ ธปท.

3. เข้าลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ต่อไปนี้
- เป็น SMEs ตามนิยามของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และอยู่ในภาคธุรกิจเป้าหมาย
- เป็น SMEs/ธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีแผนยกระดับศักยภาพธุรกิจหรือเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน หรือสร้างมูลค่าเพิ่มต่อเศรษฐกิจไทย โดยธุรกิจขนาดใหญ่ต้องแสดงให้เห็นว่าสินเชื่อที่ได้รับจะนำไปช่วยสร้างประโยชน์/ส่งเสริม SMEs ใน supply chain

  • ทั้งนี้ การพิจารณาปล่อยสินเชื่อขึ้นกับกระบวนการและแนวทางการให้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่ง ซึ่งอาจมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน

หากสินเชื่อปล่อยใหม่ภายใต้โครงการกลายเป็นหนี้เสีย ธนาคารพาณิชย์สามารถยื่นขอรับเงินชดเชยความเสียหายจากเงินกองกลางได้ (วงเงินชดเชยรวม 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็นวงเงินชดเชยสำหรับ SMEs 15,000 ล้านบาท และธุรกิจขนาดใหญ่ ไม่เกิน 5,000 ล้านบาท) โดยยอดรวมที่ธนาคารพาณิชย์ขอรับเงินชดเชยความเสียหายจะต้องไม่เกินวงเงินชดเชยรวมที่ธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งได้รับจัดสรร

หากสถานะสินเชื่อของธุรกิจ ณ วันที่อนุมัติสินเชื่อไม่ได้เป็น Stage 2 (SM) ที่เกิดจากการมีวันค้างชำระ หรือเป็นสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Stage 3 หรือ NPL) แล้ว ธนาคารพาณิชย์สามารถพิจารณาให้ธุรกิจเข้าร่วมโครงการนี้ได้


หากสถานะสินเชื่อของธุรกิจ ณ วันที่อนุมัติสินเชื่อไม่ได้เป็น Stage 2 (SM) ที่เกิดจากการมีวันค้างชำระ หรือเป็นสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Stage 3 หรือ NPL) แล้ว ธนาคารพาณิชย์สามารถพิจารณาให้ธุรกิจเข้าร่วมโครงการนี้ได้

ธนาคารพาณิชย์สามารถพิจารณาให้เข้าร่วมโครงการได้ หากมีคุณสมบัติตามที่กำหนดครบถ้วนทุกข้อ ณ วันที่ธนาคารพาณิชย์อนุมัติวงเงินสินเชื่อ และต้องไม่นำสินเชื่อใหม่ที่ได้รับไปชำระคืนสินเชื่อเดิมที่มีอยู่ โดยการพิจารณาจะเป็นไปตามแนวทางและนโยบายภายในของธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่ง

ธนาคารพาณิชย์สามารถพิจารณาให้เข้าร่วมโครงการได้ หากมีคุณสมบัติตามที่กำหนดครบถ้วนทุกข้อ ณ วันที่ธนาคารพาณิชย์อนุมัติวงเงินสินเชื่อ ยกเว้นกรณีที่ธุรกิจเข้าร่วมโครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Quick Big Win ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) จะไม่สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน 

SMEs สามารถสมัครขอสินเชื่อหรือสมัครเข้าร่วมมาตรการช่วยเสริมสภาพคล่องของภาครัฐภายใต้มาตรการ Quick Big Win เพื่อ SMEs ไทยได้ เช่น soft loan ของธนาคารออมสิน / โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Quick Big Win โดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เป็นต้น