สัมมนาสัญจร ประจำปี 2568 ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ ในหัวข้อ “เสริมแกร่งธุรกิจ SMEs เหนือล่าง ให้เท่าทันโลกยุคดิจิทัล”

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานภาคเหนือ ได้จัดงานสัมมนาสัญจร ประจำปี 2568 ในหัวข้อ “เสริมแกร่งธุรกิจ SMEs เหนือล่าง ให้เท่าทันโลกยุคดิจิทัล” เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 ณ The Pride Hotel จ.พิษณุโลก เพื่อสื่อสารการดำเนินนโยบายของ ธปท. และเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความเห็นที่จะช่วยเสริมแกร่งให้กับภาคธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคเหนือตอนล่างแก่ผู้ประกอบการ สถาบันการเงิน สถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ และประชาชนในพื้นที่ โดยงานสัมมนาแบ่งเป็น 3 ช่วง

สัมมนาสัญจร ประจำปี 2568 ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ จ.พิษณุโลก

สรุปงานสัมมนา

symposium68-011

ช่วงแรก


เปิดงานสัมมนา โดย คุณณัฏฐ์ ลุมพิกานนท์ ผู้อำนวยการ ธปท. สำนักงานภาคเหนือ

 

  • ธปท. ยังคงมุ่งมั่นที่จะสานต่อการทำงานร่วมกับท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด และจากการลงพื้นที่ภาคเหนือตลอดปีที่ผ่านมาพบว่า ภาคธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจ SMEs ถือเป็น "เครื่องยนต์" สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคเหนือ มีจำนวนมากถึง 5.5 แสนราย คิดเป็นร้อยละ 99.8 ของธุรกิจทั้งหมดและเป็นแหล่งสร้างงานและรายได้ให้กับคนในพื้นที่ ยังคงเผชิญความท้าทายหลัก 2 ประการ คือ (1) ข้อจำกัดการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของธุรกิจ SMEs และ (2) การปรับตัวสู่เศรษฐกิจดิจิทัล จึงเป็นที่มาของหัวข้องานสัมมนาสัญจรในครั้งนี้  ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของ ธปท. ที่วางรากฐานเพื่อพัฒนาภาคการเงินช่วยตอบโจทย์ธุรกิจในการปรับตัวเข้าสู่ดิจิทัลมากขึ้น ภายใต้ ภูมิทัศน์ใหม่ทางการเงิน (New Financial Landscape) ผ่านการดำเนินการสำคัญ ได้แก่ การยกระดับการใช้ข้อมูลจากการชำระเงิน (Payment data) เข้ากับข้อมูลการค้า (Trade data) และการให้สินเชื่อ (Financing) อย่างเป็นระบบ เพื่อให้ข้อมูลถูกนำไปใช้ประโยชน์ในการเข้าถึงสินเชื่อและบริการทางการเงิน  การเพิ่มผู้เล่นรายใหม่ผ่าน Virtual Bank และการพัฒนากลไกค้ำประกันสินเชื่อ ซึ่งประกอบด้วย การยกระดับกลไกการค้ำประกันสินเชื่อแห่งชาติ (NaCGA) และการกำหนดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยง (Risk-Based Pricing) ตลอดจนการสนับสนุนเงินทุนเพื่อการปรับตัวสู่ความยั่งยืน (Financing the Transition) ทั้งนี้ ธปท. สำนักงานภาคเหนือ จะยังคงมุ่งมั่นทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคเหนือให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

 

คำกล่าวเปิด

nat-011

ช่วงที่สอง


Talk ในหัวข้อ “ยกระดับธุรกิจ ด้วย Digital Transformation” โดย คุณเจษฎา วานิชสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วัน อิเล็กทรอนิกส์ บิลลิ่ง จำกัด (มหาชน)

 

4 เรื่องสำคัญในการยกระดับธุรกิจด้วย Digital Transformation

 

1. Digital Transformation คือ ทางรอด ธุรกิจต้องเร่งทำ Digital Transformation เพื่อแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ลดต้นทุน และตอบสนองลูกค้าได้ทันเวลา พฤติกรรมผู้บริโภคที่หันสู่ดิจิทัลมากขึ้น หากองค์กรปรับตัวช้า จะเสียโอกาสให้คู่แข่งที่ทันสมัยกว่าและเสี่ยงต่อการถูก disruption

 

2. Digital Transformation ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ต้องครอบคลุม ทั้งบุคลากร (People) กระบวนการ (Process) และเทคโนโลยี (Technology) ขององค์กร โดยมี 4 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ 1) ใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น เช่น Cloud, AI, Automation, IoT, Big Data เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน 2) ปรับกระบวนการทำงานให้ง่าย ลดความซ้ำซ้อน 3) ตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลที่มี 4) สร้างวัฒนธรรมองค์กรให้พนักงานพร้อมปรับตัวอยู่เสมอ

 

3. “6 ขั้นตอนสู่ Digital Transformation” 1) สำรวจตนเอง วิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อนจากข้อมูลจริง 2) ตั้งเป้าหมายชัดเจนและให้ความสำคัญกับแผนงาน ทำในสิ่งที่จำเป็นเห็นผลชัดเจนและทำได้ก่อน (quick win) 3) เลือก digital tools ที่เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง แต่ตรงกับสิ่งที่ต้องการใช้ ผู้ใช้เข้าใจระบบ ใช้งานง่าย ไม่จำเป็นต้องราคาแพง แต่ต้องใช้งานง่ายและรองรับการเติบโต 4) เตรียมคน ด้วยการพัฒนาทักษะบุคลากร ทั้ง upskill และ reskill รวมทั้งต้องสื่อสารและสร้างความเชื่อมั่นเพื่อลดแรงต้านจากภายในองค์กร 5) ติดตามและวิเคราะห์ มีกระบวนการวัดผลที่ต่อเนื่องและปรับกระบวนการให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ และ 6) ทบทวนหรือหาทางเลือกใหม่ที่เห็นผลชัดเจนกว่า เพื่อพัฒนาต่อยอดได้อย่างยั่งยืนในอนาคต 

 

4. ความท้าทายและปัจจัยสู่ความสำเร็จ ธุรกิจ SMEs มักพบกับอุปสรรคในการทำ Digital Transformation ในหลาย ๆ ด้าน อาทิ ขาดความรู้ความเข้าใจด้านเทคโนโลยี ไม่มีผู้เชี่ยวชาญในทีม กังวลเรื่องงบประมาณ ระบบเดิมไม่รองรับการเปลี่ยนแปลง วัฒนธรรมองค์กรไม่พร้อม รวมทั้งมองว่าเทคโนโลยีเป็นค่าใช้จ่ายไม่ใช่การลงทุน แต่ปัจจุบันมีทางเลือกที่เข้าถึงง่ายขึ้น ทั้งซอฟต์แวร์ที่มีราคาถูกลงและทดลองใช้ก่อนได้ ตลอดจนมีหน่วยงานต่าง ๆ ให้คำปรึกษาและช่วยเหลือด้านเงินทุน ทั้งนี้ ความสำเร็จของการพาองค์กรก้าวข้ามการเปลี่ยนแปลงสำคัญควรเริ่มต้นจากผู้นำองค์กรหรือเจ้าของกิจการ ผู้นำต้องมีวิสัยทัศน์ เน้นการเติบโต ยืดหยุ่น คล่องตัว ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ และสร้างการมีส่วนร่วมของพนักงาน เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจริงและมีความต่อเนื่อ

 

เอกสารบรรยาย : "ยกระดับธุรกิจ ด้วย Digital Transformation"

jade-01

ช่วงสุดท้าย

 

การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในหัวข้อ “เสริมแกร่งธุรกิจ SMEs เหนือล่าง ให้เท่าทันโลกยุคดิจิทัล” โดยผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน ได้แก่ คุณผกามาศ สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายส่งเสริมลูกค้าและพัฒนาผู้ประกอบการ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) คุณปรัชญา โกมณี ผู้จัดการสาขาภาคเหนือตอนบน และรักษาการผู้จัดการสาขาภาคเหนือตอนล่าง สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) และคุณจาตุรนต์ เหลืองสว่าง กรรมการผู้จัดการ สหแสงชัย ซุปเปอร์สโตร์ ดำเนินรายการ โดย คุณสมิตานันช์ พรหมพินิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ธปท. สำนักงานภาคเหนือ 

 

สรุปประเด็นสำคัญจากการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้ดังนี้

 

จุดเปลี่ยนและการปรับตัวของ SMEs ในพื้นที่

 

จากธุรกิจค้าส่งท้องถิ่นดั้งเดิมสู่ local modern trade ด้วยการก้าวข้ามปัญหาการทำงานแบบดั้งเดิมและเปลี่ยนผ่านสู่การบริหารจัดการด้วยข้อมูลอย่างเป็นระบบของทายาทรุ่นที่ 2 โดย 3 สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการ SMEs สามารถใช้เป็นจุดเริ่มต้นในการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับธุรกิจ มีดังนี้

 

1) ใช้ระบบงานมาช่วยบริหารจัดการธุรกิจ อาทิ ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) เพื่อสร้างรากฐานและจัดเก็บข้อมูลหลังบ้านอย่างเป็นระบบ และระบบ CRM (Customer Relationship Management) เพื่อจัดการข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระบบ เข้าใจความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น นำไปสู่การวางแผนกระตุ้นยอดขายและสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า 

 

2) นำข้อมูลมาใช้วางแผนและกำหนดทิศทางของธุรกิจ ประยุกต์การใช้ข้อมูลจากระบบ ERP และระบบ CRM มาต่อยอดด้วย AI เพื่อช่วยคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าได้แม่นยำมากขึ้น

 

3) ปรับทัศนคติให้เป็นแบบ growth mindset พร้อมเปิดรับการเปลี่ยนแปลงและเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญสู่ความสำเร็จของการปรับตัวของธุรกิจ และหากทุกคนในองค์กรตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงและพร้อมปรับตัวรับมือแล้วนั้น องค์กรก็จะอยู่รอดไปด้วยกัน

 

โอกาสของ SMEs จากการสนับสนุนจากภาครัฐ

 

  • ด้านเทคโนโลยี: depa มีบทบาทเป็นหน่วยงานสนับสนุนและส่งเสริม SMEs นำเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI มาประยุกต์ใช้เพื่อ “ลดต้นทุนและเพิ่มรายได้”  โดย depa เน้นย้ำว่าการใช้เทคโนโลยีเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยยกระดับธุรกิจได้จริง depa ได้ออกมาตรการสนับสนุนต่าง ๆ อาทิ 1) การให้สิทธิ์ทดลองใช้ดิจิทัลและ AI Solution ฟรี (d-voucher) สำหรับ SMEs ร้านค้ารายย่อยที่ต้องการเริ่มต้นใช้เทคโนโลยี และ 2) การสนับสนุนทุนในรูปแบบ Matching Fund สูงสุด 2 แสนบาท (d-transform) ควบคู่กับสิทธิประโยชน์การลดหย่อนภาษี 200% สำหรับ SMEs ภาคการผลิต ภาคการค้า และการบริการ ที่ต้องการยกระดับธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ทั้งนี้ depa ได้ชี้ว่าหากธุรกิจใดไม่ปรับตัว จะทำให้สูญเสียความสามารถในการแข่งขัน 

  • ด้านการเงิน: บสย. นอกจากมีบทบาทสำคัญในการค้ำประกัน SMEs ที่มีศักยภาพ แต่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้แล้วนั้น บสย. ยังได้จัดตั้ง “ศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs (บสย. F.A.Center)” เพื่อช่วยเหลือ SMEs ตั้งแต่ช่วงโควิดในปี 2563 โดยมีผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มาให้คำปรึกษาทางการเงินและเสริมสร้างความรู้ทางการเงินให้ผู้ประกอบการ SMEs ทั้งการขอสินเชื่อ การเตรียมความพร้อมก่อนการยื่นขอสินเชื่อ การปรับโครงสร้างหนี้ และการพัฒนาธุรกิจ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นลูกค้าของ บสย. โดยรูปแบบการขอรับคำปรึกษามีทั้ง onsite และ online โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

  • นอกจากนี้ ธปท. สำนักงานภาคเหนือ มีโครงการสนับสนุน SMEs หลายด้าน อาทิ 1) แหล่งรวมผลิตภัณฑ์และเครื่องมือทางการเงิน เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมความรู้ทางการเงินที่จำเป็นสำหรับ SMEs 2) ศูนย์ช่วยเพื่อน SMEs ซึ่งเป็นช่องทางในการขอรับบริการให้คำปรึกษาทั้งด้านนวัตกรรมและด้านการเงิน เริ่มดำเนินการแล้วที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงและหอการค้าจังหวัดน่าน และ 3) หลักสูตรออนไลน์ ผ่าน 2 แพลตฟอร์ม คือ FinDi และ CMU Lifelong ซึ่งเหมาะกับผู้ประกอบการที่ต้องการหาความรู้เพิ่มเติมด้วยตนเองแบบไม่มีค่าใช้จ่าย

 

 

เอกสารบรรยาย : "ปรับเพื่อรอด เปลี่ยนเพื่อเศรษฐกิจไทย"

เอกสารบรรยาย : "ศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs (บสย. FA Center)"

seminar-01

ข้อคิดจากวิทยากร

point
botsupport

  

ข้อมูลเพิ่มเติม

ส่วนเศรษฐกิจการเงิน 1-3 ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ

0 5393 1166

งานเศรษฐกิจสำนักงานภาคเหนือ