แถลงข่าวร่วมการชำระเงินผ่าน QR Code ระหว่างประเทศไทยและประเทศมาเลเซียครั้งแรก 

แถลงข่าวร่วม | 18 มิถุนายน 2564

news-20210718

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2564 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารกลางมาเลเซีย (Bank Negara Malaysia: BNM) ได้เปิดตัวนวัตกรรมด้านการชำระเงินผ่าน QR Code ระหว่างสองประเทศเป็นครั้งแรก ซึ่งการเชื่อมโยงในครั้งนี้ ลูกค้าและร้านค้าของทั้งสองประเทศจะสามารถทำรายการชำระเงินและรับเงินระหว่างประเทศผ่าน QR code ได้ทันที โครงการได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 โดยแบ่งโครงการเป็น 3 ระยะ และในวันนี้เป็นความสำเร็จของการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินรายย่อยแบบทันทีของทั้งสองประเทศในระยะแรกระหว่างระบบพร้อมเพย์ของประเทศไทยกับระบบ Real-time Retail Payments Platform (RPP) ของประเทศมาเลเซีย1

 

ในระยะแรก ลูกค้าในประเทศไทยสามารถใช้แอปพลิเคชันบนมือถือสแกน DuitNow QR code2 เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการที่ร้านค้าในประเทศมาเลเซีย ซึ่งรวมถึงการซื้อขายออนไลน์ระหว่างประเทศ นอกจากนี้ บริการนี้จะมีประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการจำนวนมากเมื่อการเดินทางระหว่างประเทศกลับสู่ภาวะปกติ โดยนักท่องเที่ยวสามารถชำระเงินได้ด้วยแอปพลิเคชันบนมือถือแทนการใช้เงินสด

 

ในระยะที่สอง ลูกค้าในประเทศมาเลเซียสามารถใช้แอปพลิเคชันบนมือถือสแกน Thai QR code3 เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการที่ร้านค้าในประเทศไทย คาดว่าจะเริ่มให้บริการในไตรมาสที่ 4 ปี 2564 และในระยะสุดท้ายจะมีการขยายบริการสู่การโอนเงินระหว่างประเทศ (Remittance) ซึ่งลูกค้าทั้งสองประเทศ สามารถโอนเงินข้ามประเทศแบบทันที โดยใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือของผู้รับโอน คาดว่าจะเริ่มให้บริการในไตรมาสที่ 4 ปี 2565

ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของการเชื่อมโยงการชำระเงินในอาเซียน (ASEAN Payment Connectivity) เพื่อส่งเสริมการบูรณาการทางการเงินในระดับภูมิภาคด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และพัฒนาประสบการณ์การใช้งานบริการชำระเงินระหว่างประเทศ ซึ่งการเชื่อมโยงครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น และเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจภายหลังจากการคลี่คลายของสถานการณ์โรคระบาด 

 

ในโอกาสนี้ นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า "ธปท. เห็นความสำคัญของการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ และได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเชื่อมโยงครั้งนี้เป็นการต่อยอดโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินของไทย เพื่อส่งเสริมการทำธุรกรรมการชำระเงินรายย่อยระหว่างสองประเทศ ทั้งในช่วงสถานการณ์การเกิดโรคแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ในปัจจุบัน และเมื่อกลับสู่ภาวะปกติ อีกทั้งบริการดังกล่าวจะช่วยลดต้นทุน ส่งเสริมการค้าชายแดนและการซื้อขายผ่าน e-commerce ระหว่างประเทศ ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจอาเซียนเติบโตและก้าวไปสู่สังคมดิจิทัลอีกด้วย"

นายอับดุล ราชีด กาฟโฟร์ รองผู้ว่าการ BNM เปิดเผยเพิ่มเติมว่า "การเชื่อมโยงระบบการชำระเงินรายย่อยจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกในการทำธุรกรรมชำระเงินระหว่างประเทศ โดยจะทำให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมระหว่างประเทศได้รวดเร็วขึ้น ด้วยค่าธรรมเนียมที่ถูกลง และครอบคลุมการทำธุรกรรมชำระเงินได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งบริการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มทางเลือกในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศให้กับลูกค้าและร้านค้า รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการเชื่อมโยงและการบูรณาการทางการเงินในระดับภูมิภาค"

 

ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย และธนาคาร Public Bank เป็นสองธนาคารแรกที่ให้บริการชำระเงินผ่าน QR Code ระหว่างประเทศในโครงการนี้ และในระยะต่อไปจะมีผู้เข้าร่วมให้บริการเพิ่มเติม เพื่อขยายจำนวนลูกค้าและร้านค้า

 

ความสำเร็จของโครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของทุกฝ่าย รวมถึงผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินของทั้งสองประเทศ ได้แก่ Payments Network Malaysia (PayNet) และเนชั่นแนลไอทีเอ็มเอ็กซ์ (NITMX) และกลุ่มธนาคารซีไอเอ็มบีที่ทำหน้าที่ชำระดุลระหว่างประเทศ

 

ธนาคารแห่งประเทศไทย 
Bank Negara Malaysia 
18 มิถุนายน 2564 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ : 
ธนาคารแห่งประเทศไทย 
ฝ่ายนโยบายระบบการชำระเงิน 
โทร : (+66) 2283 5054 
อีเมล : PSSAD-PSD@bot.or.th  

Bank Negara Malaysia 
Financial Development and Innovation Department 
Tel : (+60) 1-300-88-5465 (1-300-88-LINK) BNM TELELINK 
Email : bnmtelelink@bnm.gov.my or via eLINK at https://telelink.bnm.gov.my/


1) ระบบพร้อมเพย์ และระบบ Real-time Retail Payments Platform (RPP) คือ ระบบการชำระเงินรายย่อยที่สามารถจ่ายเงินให้ผู้รับได้ทันที

2)  DuitNow QR code คือ มาตรฐาน QR ของมาเลเซีย ที่ร้านค้าสามารถใช้รับชำระเงินจากลูกค้าของธนาคารและผู้ให้บริการ e-wallet ที่ร่วมโครงการ
3) Thai QR code คือ มาตรฐาน QR ของไทย ซึ่งเทียบเคียงได้กับ DuitNow QR ของมาเลเซีย