BOT Policy Briefing เปิดแนวคิดนโยบายแบงก์ชาติ
BOT Policy Briefing | 15 มกราคม 2567
สรุปประเด็นสำคัญจากงาน BOT Policy Briefing : เปิดแนวคิดนโยบายแบงก์ชาติ
1. กนง. ตัดสินใจดอกเบี้ยนโยบายโดยดูหลายปัจจัย ทั้งภาพเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และเสถียรภาพระบบการเงิน (ไม่ได้ดูข้อมูลเพียงจุดใดจุดหนึ่งหรือแค่ระยะสั้น แต่ดูแนวโน้มของข้อมูล) และเน้นมองภาพแนวโน้มระยะปานกลาง (medium-term outlook) เป็นหลัก ที่สำคัญ ยังพร้อมรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อให้การตัดสินนโยบายได้คำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ อย่างรอบด้าน
2. ระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เหมาะสมต่อเศรษฐกิจ ต้องไม่สูงเกินไปจนกระทบการเติบโตของเศรษฐกิจ และไม่ต่ำเกินไปจนสร้างความเปราะบางในระบบการเงิน โดยดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่ 2.5%[1] ยังเหมาะสมในบริบทเศรษฐกิจการเงินปัจจุบัน
3. ในระยะต่อไป หากภาพแนวโน้มเศรษฐกิจการเงินเปลี่ยนไปจากที่เคยมองไว้ กนง. พร้อมปรับดอกเบี้ยนโยบายให้เหมาะสมกับบริบท (flexible) อย่างไรก็ดี การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง อาจไม่สามารถใช้นโยบายการเงินได้โดยตรง แต่ต้องอาศัยนโยบายอื่น ๆ เช่น การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ แนวนโยบายด้านอุปทาน เป็นหลัก
4. การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายที่ผ่านมาอาจมีผลกระทบต่อลูกหนี้ที่รายได้อาจยังฟื้นไม่เต็มที่ ธปท. จึงมีมาตรการดูแลลูกหนี้กลุ่มเปราะบางอย่างต่อเนื่อง เช่น ดูแลการส่งผ่านอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ (ธพ.) สำหรับรายย่อย (MRR) ไม่ให้ปรับเร็วและแรงเกินไป ต่ออายุมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูและสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาว ล่าสุด ธปท. ออกเกณฑ์ Responsible Lending บังคับให้แบงก์ต้องปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกหนี้ทั้งก่อนและหลังเป็น NPL อย่างน้อย 1 ครั้ง (มีผล 1 ม.ค. 67) และช่วยลูกหนี้ที่มีหนี้เรื้อรังให้ปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงไม่เกิน 15% ต่อปี (มีผล 1 เม.ย. 67)
5. ธปท. ให้ความสำคัญกับการกำกับดูแล ธพ. ทั้งด้านเสถียรภาพ การให้บริการอย่างเป็นธรรมต่อลูกค้า รวมถึงการส่งเสริมการแข่งขันในระบบ ธพ. ให้ดีขึ้นและเท่าเทียมขึ้น เพื่อให้เกิดการพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพของบริการทางการเงินให้ตอบโจทย์ประชาชนมากขึ้นในระยะยาว
1) ปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยอยู่ในระดับต่ำมากเทียบกับหลายประเทศในโลก