- พ.ร.ก. ฉบับที่ 2 ปรับปรุงและเพิ่มเติมประเด็นสำคัญ ได้แก่
(1) กำหนดให้ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ (Telco) มีหน้าที่ตรวจสอบและคัดกรองเนื้อหา SMS ที่อาจเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และระงับการให้บริการเมื่อได้รับแจ้งจากตำรวจหรือสำนักงาน ปปง. ว่ามีการใช้บริการผิดกฎหมาย
(2) กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset - DA) นอกประเทศที่ให้บริการลูกค้าในไทยต้องขออนุญาต และกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจ DA มีหน้าที่เช่นเดียวกับ สง. เช่น แลกเปลี่ยนข้อมูล ระงับธุรกรรม คืนเงินผู้เสียหาย ร่วมรับผิดชอบความเสียหาย
(3) จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) ยกระดับการทำหน้าที่ของศูนย์ AOC เพื่อรวมศูนย์การจัดการอย่างเบ็ดเสร็จ (เช่น รับแจ้งเหตุ ระงับธุรกรรม แลกเปลี่ยนข้อมูล ประกาศ/ปลดรายชื่อบุคคล)
(4) กำหนดให้สำนักงาน ปปง. สามารถคืนเงินให้ผู้เสียหายได้ โดยไม่ต้องขึ้นศาล หากตรวจสอบได้ว่าเงินที่อายัดไว้เป็นเงินของผู้เสียหายจริง
(5) กำหนดกลไกการมีส่วนร่วมรับผิดชอบ (Shared Responsibility) โดยกำหนดให้สถาบันการเงิน / ผู้ประกอบธุรกิจบริการการชำระเงิน (เช่น e-money) / ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล / Telco / ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) มีส่วนร่วมรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าได้ปฏิบัติตามมาตรฐานหรือมาตรการเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่กำหนดโดยผู้กำกับดูแล
- พ.ร.ก. ฉบับใหม่ใช้กับเหตุการณ์ความเสียหายที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน 2568 (วันที่ พ.ร.ก. มีผลบังคับใช้) เป็นต้นไป