1. มาตรการนี้แตกต่างจากการตีทรัพย์ชำระหนี้ตามปกติอย่างไร
มาตรการนี้มีการกำหนดแนวทางการคำนวณราคาซื้อคืนไว้ชัดเจน และให้โอกาสลูกหนี้รายเดิมมาซื้อคืนก่อนเป็นลำดับแรก รวมทั้งภาครัฐให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและค่าธรรมเนียม ในขณะที่การตีทรัพย์ชำระหนี้ทั่วไปนั้น ธนาคารมีสิทธิที่จะขายทรัพย์ให้กับใครก็ได้ที่ราคาตลาด
2. ผู้ประกอบการจะได้รับประโยชน์อย่างไร
ผู้ประกอบการไม่ต้องแบกรับภาระต้นทุนทางการเงินชั่วคราว มีโอกาสในการกลับมาดำเนินธุรกิจได้ในอนาคต และหลีกเลี่ยงการถูกกดราคาทรัพย์สิน (fire sale)
3. ผู้ประกอบการที่จะขอเข้ามาตรการนี้ ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง
• บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่จดทะเบียน มีสถานประกอบการและประกอบธุรกิจในประเทศไทย
• เป็นลูกหนี้ของสถาบันการเงินนั้นอยู่แล้วก่อนวันที่ 1 มีนาคม 2564 และไม่เป็น NPL ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562
• ไม่เป็นผู้ประกอบธุรกิจทางการเงิน
• มีทรัพย์หลักประกันซึ่งผู้ประกอบธุรกิจได้นำมาเป็นหลักประกันตามกฎหมายกำหนดกับสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564
4. มาตรการนี้จำกัดเฉพาะผู้ประกอบกิจการโรงแรมหรือไม่
มาตรการนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ประกอบกิจการโรงแรมเท่านั้น กิจการอื่นที่มีทรัพย์สินเป็นหลักประกันก็สามารถเข้าร่วมมาตรการนี้ได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของธนาคารว่าเป็นผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ แต่ยังมีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจในอนาคตหรือไม่
5. ทรัพย์สินประเภทใดที่สามารถเข้าร่วมมาตรการนี้
โครงการไม่ได้กำหนดประเภททรัพย์สินที่สามารถนำมาตีโอนเพื่อชำระหนี้ได้ เพียงแต่ต้องเป็นทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกันตามกฎหมายกับสถาบันการเงินเจ้าหนี้ ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 ทั้งนี้ อาจขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสถาบันการเงินแต่ละแห่ง
6. การตีโอนทรัพย์สิน
6.1 กำหนดราคาตีโอนทรัพย์อย่างไร
ราคาตีโอนทรัพย์ขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างธนาคารและผู้ประกอบธุรกิจ ซึ่งหากธนาคารรับโอนทรัพย์สินด้วยราคาที่ไม่สูง ผู้ประกอบธุรกิจหรือเจ้าของทรัพย์สินอันเป็นหลักประกัน ก็จะมีสิทธิในการซื้อทรัพย์สินดังกล่าวคืนในราคาที่ไม่สูงด้วยเช่นกัน
6.2 หากตีโอนทรัพย์ที่เป็นหลักประกันแล้ว แต่ยังมีหนี้คงค้างอยู่ มีแนวทางขอรับความช่วยเหลืออย่างไร
ลูกหนี้สามารถเจรจากับธนาคารเพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้สำหรับหนี้ที่คงเหลือภายหลังตีโอนทรัพย์แล้ว โดยธนาคารจะพิจารณาปรับโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้
7. การเช่าทรัพย์สิน
7.1 หากลูกหนี้ต้องการเช่าทรัพย์สินกลับเพื่อดำเนินธุรกิจต่อ ต้องทำอย่างไร
• ลูกหนี้หรือเจ้าของทรัพย์ที่เป็นหลักประกันสามารถเช่าทรัพย์สินกลับเพื่อนำไปประกอบธุรกิจต่อได้ โดยแจ้งความประสงค์ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ธนาคารรับโอนทรัพย์
• หากลูกหนี้หรือเจ้าของทรัพย์ที่เป็นหลักประกันไม่ประสงค์เช่าทรัพย์สิน หรือไม่แจ้งความประสงค์จะใช้สิทธิเช่าภายในระยะเวลาดังกล่าว ธนาคารสามารถนำทรัพย์สินไปให้บุคคลอื่นเช่าได้
7.2 หากลูกหนี้หรือเจ้าของทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันใช้สิทธิ์เช่าทรัพย์สิน แต่ไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาเช่าได้ เช่น ค้างชำระค่าเช่า จะส่งผลต่อสิทธิ์การซื้อคืนหรือไม่
ไม่ส่งผลกระทบต่อสิทธิ์การซื้อคืน ยกเว้นผู้เช่าทำทรัพย์สินเสียหาย ชำรุด เสื่อมค่า อาจไม่ได้รับสิทธิ์ในการซื้อคืน
8. การซื้อคืนทรัพย์สิน
8.1 ลูกหนี้มีกำหนดระยะเวลาซื้อคืนทรัพย์สินเท่าใด
ลูกหนี้หรือเจ้าของทรัพย์มีสิทธิซื้อคืนได้ภายในระยะเวลา 3 – 5 ปี นับแต่วันที่รับโอน ตามแต่ธนาคารและลูกหนี้ตกลงกัน โดยในช่วงเวลาดังกล่าว ธนาคารจะยังไม่ขายทรัพย์สินที่รับโอนจนกว่าจะได้รับแจ้งเป็นหนังสือจากลูกหนี้หรือเจ้าของทรัพย์ว่าจะไม่ใช่สิทธิ์ดังกล่าว
8.2 กำหนดราคาซื้อคืนทรัพย์สินอย่างไร
• ราคาซื้อคืนทรัพย์สินต้องไม่เกินกว่าราคาที่ธนาคารตีโอน + ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา (carrying cost) ไม่เกิน 1% ต่อปี + ค่าใช้จ่ายอื่นเพื่อดูแลทรัพย์ที่ได้จ่ายจริงและเหมาะสมตามที่ตกลงกันไว้
• หากลูกหนี้มีการเช่าทรัพย์สินในระหว่างที่ธนาคารรับโอน สามารถนำค่าเช่ามาหักออกจากราคาซื้อคืนทรัพย์สินได้เต็มจำนวน
8.3 ลูกหนี้สามารถขอซื้อคืนทรัพย์สินก่อนกำหนดได้หรือไม่
ลูกหนี้หรือเจ้าของทรัพย์มีสิทธิ์ซื้อคืนทรัพย์์สินหลักประกันตามมาตรการได้ก่อนครบกำหนดระยะเวลาตามสัญญา
8.4 หากลูกหนี้ผิดสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์ที่ตีโอน จะส่งผลกระทบต่อสิทธิ์ซื้อคืนหรือไม่
สิทธิ์ซื้อคืนยังคงเดิม เว้นแต่ลูกหนี้ผิดสัญญาจนสถาบันการเงินยกเลิกสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ แต่ยังคงให้สิทธิลูกหนี้แสดงเจตนาว่าจะซื้อทรัพย์คืนภายใน 30 วัน
9. การเข้าร่วมโครงการดังกล่าว มีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มเติมหรือไม่
• ธนาคารจะไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายใด ๆ เพิ่มเติม นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายตามข้อ 8.2
• ลูกหนี้จะได้รับยกเว้นภาษีและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการโอนทรัพย์ ทั้งขาที่โอนให้สถาบันการเงิน และขาที่ซื้อคืนของลูกหนี้หรือเจ้าของทรัพย์