หมายเหตุ: เป็นตัวอย่างการประเมินตามความคิดเห็นและมุมมองของคณะผู้เขียน โดยให้คะแนน 5 ระดับคือ ต่ำ/ค่อนข้างต่ำ/ปานกลาง/ค่อนข้างสูง/สูง โดยคะแนนยิ่งสูงยิ่งมีผลต่อในแต่ละมิติต่าง ๆ สูง ได้แก่ การนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม การขยายผล ความยั่งยืน และต้นทุนต่อภาครัฐ
*ต้นทุนต่อภาครัฐในการดำเนินมาตรการ คำนวณในเชิงเปรียบเทียบ และอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์บังคับใช้จริง
กล่าวโดยสรุป แนวทางการประเมินมาตรการภาครัฐข้างต้นนี้ ถือเป็นตัวอย่างในวิธีการประเมินมาตรการต่าง ๆ เพื่อคัดกรองมาตรการให้ตรงจุด (focus) จนผู้ดำเนินนโยบายสามารถนำไปสู่บทสรุปของมาตรการที่เห็นว่า “เหมาะสมที่สุด” ก่อนนำไปใช้จริง ไม่ว่าจะเป็นในเชิงบังคับหรือขอความร่วมมือ โดยในท้ายที่สุด การดำเนินมาตรการอาจเป็นการผสมผสานทั้งมาตรการในเชิงบังคับและขอความร่วมมือ (policy mix) ก็เป็นได้
ทั้งนี้ มาตรการข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างมาตรการที่คณะผู้เขียนชวนคิดและประเมินว่าจะนำไปสู่ความร่วมมือของประชาชนในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้ อย่างไรก็ดี ในความเป็นจริงยังคงมีมาตรการอื่น ๆ อีกมากมายที่สามารถนำมาประเมินด้วยกรอบวิธีคิดนี้ได้เช่นกัน ซึ่งคณะผู้เขียนมองว่าหากสามารถระดมความรู้และความคิดเห็นจากหลายภาคส่วนในสังคม โดยเฉพาะจากผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ นอกเหนือจากทางการแพทย์และเศรษฐศาสตร์ น่าจะสามารถคิดค้นหลายมาตรการที่ “ใช่” และร่วมนำความสำเร็จมาสู่การเปิดเมืองแล้วไม่ต้องปิดซ้ำอีกครั้งได้
สุดท้ายแล้ว “เปิดเมืองอย่างไรให้ไม่ต้องปิดซ้ำสอง” คงหนีไม่พ้นการผสมผสานความเข้าใจทางด้านพฤติกรรม วัฒนธรรม พื้นที่ และปากท้องของประชาชน รวมทั้งการชั่งน้ำหนัก (trade-off) ระหว่างประโยชน์ และ ต้นทุน/ความเสี่ยง ของแต่ละมาตรการ ตลอดจนการผสมผสานทั้งมาตรการในเชิงบังคับและขอความร่วมมือ เพราะภาครัฐมีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการด้วยการใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อลดความเสี่ยงของการกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง ซึ่งจะมีผลให้ภาคธุรกิจและประชาชนให้ความร่วมมือ อันเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งในการชนะสงครามไวรัสในครั้งนี้
... แล้วเราคนไทยจะผ่านมันไปด้วยกัน
อ้างอิง
[1] เป็นความคิดเห็นในเชิงเศรษฐศาสตร์ โดยคณะผู้เขียนได้อ้างอิงข้อมูลทางสาธารณสุขเท่าที่พึงหาได้และเป็นข้อมูลที่เปิดเผยทั่วไปต่อสาธารณชน ประกอบการนำเสนอกรอบแนวคิดนี้ [2] เป็นกระบวนการประเมิน/วิเคราะห์ผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการออกกฎหมายหรือกฎระเบียบใหม่ ซึ่งรวมถึงการทบทวนความเหมาะสมของกฎหมายที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน โดย RIA เป็นเครื่องมือที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในกลุ่มประเทศ OECD และสำหรับประเทศไทย มาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน กำหนดให้รัฐต้องจัดทำกระบวนการ RIA เพื่อให้มีกฎหมาย “เพียงเท่าที่จำเป็น” เท่านั้น นอกจากนี้ กระบวนการ RIA ยังมีประโยชน์ในการออกแบบ “ชุดของนโยบาย” (policy package) หรือชุดของกฎเกณฑ์ ดังที่พิจารณาในบทความนี้อีกด้วย [3] อาจเพิ่มมิติการประเมินในแง่อื่น ๆ อีกได้ อาทิ ประสิทธิผลของมาตรการในการกำจัด/ควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 [4] อ้างอิงจาก https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_4032231 [5] เป็นมาตรการสมมติ โดยแต่ละมาตรการสามารถใช้ร่วมกันได้ เว้นมาตรการ 1 3 และ 4 ที่ควรเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง [6] https://www.scmp.com/video/hong-kong/3051006/hong-kong-restaurants-fight-coronavirus-hygiene-ambassadors-and-table [7] https://kfor.com/news/local/many-restaurants-preparing-to-reopen-some-keeping-dining-rooms-closed/ [8] https://www.banmuang.co.th/news/economy/190310
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย >>