>> อ่านบทความตอนที่ 1 <<
ฉบับนี้จะนำเสนอพัฒนาการของการเงินสีเขียวไทย และประสบการณ์จริงจากธุรกิจ SME ไทยถึงการปรับตัวให้มุ่งสู่ธุรกิจสีเขียวใส่ใจสิ่งแวดล้อม อุปสรรคและความช่วยเหลือที่ต้องการจากภาครัฐ เพื่อส่งเสริม SME ไทยให้สามารถตอบสนองต่อปัญหาของสังคมและสิ่งแวดล้อมพร้อมกับประสบความสำเร็จในผลประกอบการด้วย
ภาพรวมธุรกิจและการเงินสีเขียวเพิ่งออกสตาร์ท แต่มีเทรนด์เติบโต
ข้อมูลช่วง 10 ปี ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าชี้ว่า จำนวนบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจสีเขียว[1] มีสัดส่วนน้อยเพียง 0.4% ของบริษัทจดทะเบียนนิติบุคคลทั้งหมด (ซึ่งไม่นับรวมธุรกิจโรงไฟฟ้า) มีจำนวน 12,322 บริษัท ในปี 2560 (เพิ่มขึ้นจาก 9,632 บริษัท ในปี 2550) ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมประหยัดพลังงาน (Energy Efficiency) เช่น ธุรกิจผลิตมอเตอร์ไฟฟ้า ธุรกิจรับติดตั้งฉนวนกันความร้อน เป็นต้น
พิจารณาด้านสินเชื่อสีเขียว พบว่า ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ค่อยๆ ขยายตัวต่อเนื่อง โดยในปี 2563 ไต่ระดับมาอยู่ที่ 2.5% ของสินเชื่อทั้งหมด ในส่วนนี้เป็นสินเชื่อกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน (พลังน้ำ ลม ชีวภาพ ชีวมวล) จำนวน 2.8 แสนล้านบาท (หรือ 2% ของสินเชื่อทั้งหมด ณ ไตรมาส 3 ปี 2560) และปี 2564 ไทยมีโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนถึง 844 แห่ง เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าจาก 357 แห่งในปี 2556
เฉพาะสินเชื่อสีเขียวที่ไม่นับรวมโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน เติบโตขึ้นเป็นลำดับ จาก 62,000 ล้านบาทในปี 2556 เพิ่มเป็น 90,000 ล้านบาทในปี 2563 สะท้อนว่า ผู้ประกอบการของไทยเริ่มปรับตัวตามโมเดลธุรกิจใหม่ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รวมทั้งภาคการธนาคารของไทยเริ่มตื่นตัวและสนับสนุนธุรกิจที่ใช้พลังงานทางเลือกเป็นพลังงานในการผลิต[2] อย่างไรก็ตาม ไทยยังไม่มีการกำหนดมาตรฐานคำนิยามของกิจกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไว้ชัดเจน เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน อาทิ พันธบัตรสีเขียว สินเชื่อสีเขียว และการลงทุนสีเขียว จะได้ถูกจัดสรรไปยังกิจกรรมที่ถูกต้อง ตลอดจนยังไม่มีข้อกำหนดในการเปิดเผยข้อมูลการทำธุรกิจสีเขียว[3]
ประสบการณ์จริงของ SME ไทย: ปรับตัวให้รอดสู่เส้นทาง Green Recovery
SME ที่จัดอยู่กลุ่มธุรกิจสีเขียว เช่น ธุรกิจผลิตอาหาร ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับเกษตร และธุรกิจบริการ เช่น ธุรกิจที่ปรึกษาด้านพลังงานทดแทน และโรงแรม เกือบทุกธุรกิจ SME ที่ ธปท. ได้สัมภาษณ์ ให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทุนการผลิตในระยะยาว (Cost reduction) มากกว่าแนวคิดเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยธุรกิจทั้งในภาคการผลิตและบริการต่างหันมาลงทุนการผลิตไฟฟ้าผลิตด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งให้อัตราผลตอบแทนภายใน (IRR) อยู่ที่ 8-9%
หากวิเคราะห์โดยใช้กรอบการศึกษาของ OECD [4] ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและผลประกอบการของ SME ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม พบว่าธุรกิจ SME ปรับตัวดังนี้
1) ด้านการตลาด (Market Condition) ผู้ประกอบการ SME ได้ปรับตัวผลิตสินค้าตามความต้องการของลูกค้าและเทรนด์การตลาด (Demand driven) พยายามต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผลิตภัณฑ์และบริการด้วยงานวิจัย และการทำการตลาดและสร้างแบรนด์ของตนเอง เน้นผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์กลุ่มรักสุขภาพ สินค้าเกษตรอินทรีย์ที่ลดการใช้สารเคมี หรือธุรกิจโรงแรมเชิงอนุรักษ์ที่เน้นลูกค้าต่างประเทศกลุ่มเฉพาะ
2) ด้านการเข้าถึงองค์ความรู้ (Access to Knowledge and Skill) ผู้ประกอบการ SME สามารถเข้าถึงแหล่งวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้นแม้อยู่ในภูมิภาค แต่ยังมีข้อจำกัดในการ scale up งานวิจัยไปสู่เชิงพาณิชย์ ขณะที่ธุรกิจ SME ยังต้องการแรงงานที่มีทักษะหลายอย่าง มีทัศนคติที่ดี และสนใจการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
3) ปัจจัยด้านสถาบันและกรอบกฎเกณฑ์ (Institutional and Regulatory Framework) ผู้ประกอบการ SME เห็นว่าควรกำหนดกิจกรรมสีเขียวให้ชัดเจน และเชื่อมโยงให้สามารถเข้าถึงตลาดและแหล่งเงินทุนที่เหมาะสม โดยควรส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าถึงการรับรองมาตรฐานการผลิตและผลิตภัณฑ์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทั้งในระดับประเทศและสากล เช่น การผลิตตามมาตรฐาน ISO14000 และสินค้าฉลากเขียว (Green Label)
4) ด้านการเงิน (Access to Finance) ผู้ประกอบการ SME เห็นว่า ควรให้สินเชื่อสีเขียวเชื่อมโยงกับมาตรฐานการผลิตหรือมาตรฐานการรับรองผลิตภัณฑ์สีเขียว และควรมีนโยบายส่งเสริมธุรกิจ SME ให้ดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมผ่านการส่งเสริมด้านผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีต้นทุนที่เหมาะสม
ข้อจำกัดที่ SME ต้องเผชิญ และแนวทางสนับสนุนจากภาครัฐ
ถอดบทเรียนจากผู้ประกอบการ SME ต่างพบอุปสรรคและข้อจำกัดที่ไม่ต่างกัน เช่น ต้นทุนการลงทุนเครื่องจักรและวัตถุดิบที่ได้มาตรฐาน ต้องใช้เวลา มีค่าเสียโอกาสในช่วงการเปลี่ยนผ่าน (Transition) ยังสูง ต้องทุ่มเทเพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามแผนธุรกิจ ทั้งในกรณีของการลงทุนพลังงานไฟฟ้าผลิตด้วยแสงอาทิตย์ และโรงไฟฟ้าชีวมวล หรือในกรณีเกษตรสีเขียว การปรับเปลี่ยนมาเป็นทำนาแบบเกษตรอินทรีย์ต้องใช้ระยะเวลานานถึง 4 ปี และต้องดูแลอย่างมาก ยิ่งในสภาวะปัจจุบันที่ยังอยู่ในช่วงโควิด-19 และการแข่งขันที่มากขึ้น ธุรกิจ SME จำเป็นต้องเน้นทำกำไรระยะสั้น เน้นปริมาณการผลิตเพื่อสร้างกระแสเงินสดให้สามารถประคองธุรกิจให้อยู่รอดต่อไปได้ ซึ่งการเติบโตและความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวเป็นเรื่องรองลงมา
ผู้ประกอบการ SME สะท้อนความต้องการแรงสนับสนุนจากภาครัฐ ดังนี้: 1) เร่งสร้างการตระหนักรู้และความเข้าใจแก่ธุรกิจและประชาชนผู้บริโภค ถึงผลกระทบจากปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและภาวะโลกร้อน 2) เตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งทักษะ ความรู้ นวัตกรรมและเทคโนโลยี รวมถึงการกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตให้มีหน่วยงานรองรับ จะช่วยส่งเสริมความเชื่อมั่นผู้บริโภค รวมทั้งการเตรียมพร้อมทั้งบุคลากรและงานวิจัยให้แก่โครงการส่งเสริมที่ SME สามารถเข้าถึงได้ง่ายและทั่วถึง และ (3) ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ธุรกิจ SME ในช่วงเปลี่ยนผ่าน เช่น การยื่นขอมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม ควรบริการแบบ “one stop services” ของภาครัฐ ที่มีการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และลดความซ้ำซ้อนในการยืนยันตัวตนด้วยเอกสารกระดาษเพื่อช่วยลดต้นทุนทั้งเงินและเวลา
ในท้ายสุด เป็นที่ยอมรับกันในระดับนานาชาติว่า การสร้างการเปลี่ยนผ่านสู่การพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว (Green Development) จะเป็นทางออกของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน (Building Forward Better)[5] ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกกลุ่มทั้ง รัฐ ธุรกิจเอกชน และ การมีส่วนรวมของประชาชนและภาคประชาสังคมเพื่อให้บรรลุผลแบบมีส่วนร่วม สร้างความโปร่งใส และความเสมอภาคสู่ “New world landscape” ได้อย่างแท้จริง
ผู้เขียน:
ธีรพัฒน์ เขื่อนปัญญา
รสสุคนธ์ ศึกษานภาพัฒน์
วรินธร ชัยวิวัธน์
ฝ่ายนโยบายโครงสร้างเศรษฐกิจ
ดร.เสาวณี จันทะพงษ์
ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค
คอลัมน์ "แจงสี่เบี้ย" หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
ฉบับวันที่ 21 ก.ค. 2564
[1] ตามกรอบ Green Bond Endorsed Projects Catalogue 2021 ของจีน ครอบคลุม 6 หมวด ได้แก่ 1. อุตสาหกรรมพลังงานสะอาด 2. อุตสาหกรรมประหยัดพลังงาน 3. อุตสาหกรรมป้องกันสิ่งแวดล้อม 4. ธุรกิจเชิงนิเวศน์วิทยาและที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม 5. การยกระดับโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว 6.การบริการสีเขียวโดยไม่รวมธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานจากแหล่งต่าง ๆ
[2] รณดล นุ่มนนท์, การธนาคารเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Banking), เอกสารหลักสูตร วปอ. รุ่นที่ 60
[3] บทความการเงินเพื่อความยั่งยืน (The Rise of ESG and Green), วารสาร พระสยาม Magazine ฉบับที่ 5 ปี 2562,
[4] Shashwat Koirala (2018), Issues paper: SME’s Key Driver of Green and Inclusive Growth (2018), OECD
[5] Sweta C. Saxena (2021), Towards post-COVID-19 Resilient Economies: Economic and Social Survey of Asia and the Pacific 2021, presented in the UNCTAD-UNESCAP Webinar: Towards Post Covid 19 Resilient Asia-Pacific Economies, 3 June
บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย
>>