นางชุติมา ตรีวิบูลย์วณิชย์

“ข้อมูลเครดิต” เกิดขึ้นหลังจากที่ไทยประสบปัญหาวิกฤตทางการเงินในปี 2540 และทางการได้สร้างเครื่องมือให้สถาบันการเงินมีข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์สินเชื่ออย่างเพียงพอ รู้จักลูกหนี้และประเมินความเสี่ยงของลูกหนี้ได้ดีขึ้น เพื่อให้สามารถอนุมัติสินเชื่อได้อย่างรัดกุมและช่วยลดลูกหนี้ด้อยคุณภาพ

ผ่านไปกว่าทศวรรษแล้ว ประชาชนโดยทั่วไปอาจจะยังสงสัยว่า ข้อมูลเครดิตคืออะไร? และมีความสำคัญอย่างไร? ข้อมูลเครดิต ก็คือ ข้อมูลที่บ่งชี้ตัวลูกค้าว่าเป็นใคร มีประวัติการได้รับอนุมัติสินเชื่อและประวัติการชำระสินเชื่อและบัตรเครดิตอย่างไร ซึ่งจะแสดงว่าลูกค้ารายนี้มีหนี้มากเพียงใด มีพฤติกรรมการชำระหนี้อย่างไร โดยกฎหมายจะกำหนดให้สถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกของบริษัทข้อมูลเครดิต (เครดิตบูโร) ต้องส่งข้อมูลเครดิตลูกหนี้ของตนทุกรายไปที่เครดิตบูโร ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่จัดเก็บประมวลผลข้อมูลเครดิต และเมื่อลูกค้าต้องการกู้เงินก็จะให้ความยินยอมแก่สถาบันการเงินในการตรวจสอบข้อมูลของตนที่เครดิตบูโรได้ สถาบันการเงินก็จะเรียกดูข้อมูลเครดิตเพื่อใช้เป็นปัจจัยหนึ่งประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อแก่ลูกค้า ที่ผ่านมาข้อมูลเครดิตมีประโยชน์ต่อสถาบันการเงิน จะเห็นได้ว่าหนี้ด้อยคุณภาพลดลงจากร้อยละ 40 ในช่วงวิกฤติเหลือเพียงร้อยละ 2 ในปัจจุบันเท่านั้น
ที่สำคัญไปกว่านั้นประโยชน์ของข้อมูลเครดิต ยังมีต่อลูกหนี้ที่เป็นเจ้าของข้อมูลด้วยการที่สถาบันการเงินจะปล่อยกู้ให้ลูกค้าก็จำเป็นต้องรู้จักและมั่นใจในลูกค้ารายนั้น ดังนั้นลูกค้าที่มีข้อมูลปรากฏในเครดิตบูโรก็จะมีโอกาสได้รับอนุมัติสินเชื่อมากกว่าลูกค้าที่ไม่เคยมีข้อมูลในเครดิตบูโรมาก่อน สำหรับลูกค้าที่มีี่ประวัติการชำระสินเชื่อตรงตามเวลาและรักษาเครดิตของตนมาอย่างต่อเนื่อง ก็ยิ่งมีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ดียิ่งขึ้นและอาจเสียดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำกว่า เนื่องจากสถาบันการเงินเห็นว่ามีความเสี่ยงต่ำกว่าผู้ที่ไม่มีข้อมูลเครดิตหรือบกพร่องด้านการชำระสินเชื่อ หากลูกหนี้ทุกคนเห็นความสำคัญของการรักษาเครดิตของตนอยู่เสมอ อย่างที่เครดิตบูโรเคยกล่าวว่า “เครดิตดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง” ก็จะช่วยเสริมสร้างวัฒนธรรมที่ดี (Credit Culture) และเป็นการรักษาวินัยทางการเงินให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ระบบสถาบันการเงินและเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมก็จะมีเสถียรภาพด้วย

ปัจจุบันเครดิตบูโรมีสมาชิกทั้งสิ้น 81 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน สถาบันการเงินเฉพาะกิจ ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ธุรกิจเช่าซื้อ และแฟคตอริ่ง โดยล่าสุดคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิตได้ออกประกาศ ลงวันที่ 5 กันยายน 2557 ให้สหกรณ์และชุมนุมสหกรณ์สมัครเป็นสมาชิกเครดิตบูโรได้ตามความพร้อมและความสมัครใจ เนื่องจากเห็นประโยชน์ที่มีต่อสหกรณ์ที่จะมีฐานข้อมูลที่ใช้ประกอบการพิจารณาสินเชื่อเพิ่มขึ้น และประโยชน์ต่อสมาชิกของสหกรณ์ที่ต้องการกู้เงินจะได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินกู้อื่นๆ และมีทางเลือกมากขึ้นด้วย ประกอบกับในช่วง 5 ปีที่ ผ่านมา การให้สินเชื่อของสหกรณ์ออมทรัพย์มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นมากเป็น 2 เท่า จาก 0.8 ล้านล้านบาท ในปี 2552 เป็น 1.53 ล้านล้านบาทในปี 2557 โดยมีสัดส่วนเป็นร้อยละ 15 ของสินเชื่อภาคครัวเรือนทั้งสิ้น การใช้ข้อมูลจากเครดิตบูโรจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สหกรณ์สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการเพิ่มประสิทธิภาพการอนุมัติสินเชื่อและบริหารความเสี่ยงได้ โดยขณะนี้มีสหกรณ์สนใจสมัครเป็นสมาชิกเครดิตบูโรแล้ว 4 แห่ง และคาดว่าจะมีสหกรณ์ที่สนใจเพิ่มมากขึ้น

ด้วย ธนาคารแห่งประเทศไทย กรมส่งเสริมสหกรณ์ และบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด เห็นความสำคัญของการที่สหกรณ์จะเข้าร่วมเป็นเป็นสมาชิกเครดิตบูโร จึงได้ร่วมกันจัดงานสัมมนาในหัวข้อ“สหกรณ์ยุคใหม่ ก้าวไกลด้วยข้อมูลเครดิต” ขึ้นในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2557 เวลา 8.30 – 12.00 น. ณ ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้สหกรณ์และสมาชิกสหกรณ์ทราบถึงประโยชน์และหน้าที่ในการเป็นสมาชิกเครดิตบูโร รวมทั้งการเตรียมความพร้อมในการสมัครเป็นสมาชิกเครดิตบูโรต่อไป

บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย