​พันธบัตรออมทรัพย์ ธปท. อีกทางเลือกหนึ่งของนักลงทุน

นางสาวรัญชนา พงศาปาน

วันนี้เป็นวันแรกที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เริ่มเปิดขายพันธบัตรออมทรัพย์ให้กับประชาชนทั่วไป โดยผ่านธนาคาร 11 แห่ง หลายท่านอาจมีคำถามในใจว่าพันธบัตรออมทรัพย์ที่ออกขายนั้นคุ้มค่ากับการลงทุนไหม โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนประเภทอื่นๆ เช่น เงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ หรือแม้แต่เทียบกับการลงทุนที่กำลังเป็นที่นิยมขณะนี้ คือ ทองคำ

ที่ผ่านมา พันธบัตรออมทรัพย์ถือเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินซึ่งเป็นที่นิยมของผู้ลงทุนรายย่อยในระดับหนึ่ง ส่วนหนึ่งเนื่องจากไม่มีความเสี่ยงที่เงินต้นจะสูญ และผลตอบแทนที่ได้รับค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับเงินฝากปกติ ขณะที่การลงทุนในหุ้น หรือ ทองคำ แม้จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าแต่ก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ทั้งนี้ การออกพันธบัตรออมทรัพย์ ถือได้ว่าเป็นช่องทางระดมทุนที่สำคัญช่องทางหนึ่งของรัฐบาล ในกรณีของ ธปท. การออกพันธบัตรออมทรัพย์ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อระดมทุนแต่เป็นการเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้กับประชาชน และเป็นเครื่องมือหนึ่งในการดูดซับสภาพคล่องในตลาดการเงินที่มีอยู่ในระดับสูง พันธบัตรออมทรัพย์จะแตกต่างจากพันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตร ธปท. ทั่วไปโดยเฉพาะในแง่กลุ่มผู้ลงทุน ในกรณีของพันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตร ธปท. ทั่วไปมักจะมีกลุ่มเป้าหมายเป็นสถาบันการเงิน หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ (wholesale) แต่พันธบัตรออมทรัพย์จะเน้นผู้ลงทุนรายย่อย (retail) เป็นสำคัญ

การออกพันธบัตรออมทรัพย์ของ ธปท. ครั้งนี้ นับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะนอกจากจะเป็นทางเลือกให้กับผู้ออมจากการที่สถาบันคุ้มครองเงินฝากได้ค่อยๆปรับลดวงเงินคุ้มครองจากเต็มจำนวนลงเหลือ 50ล้านบาท ต่อบัญชีของผู้ฝากที่สถาบันการเงินเมื่อวันที่ 11ส.ค. ที่ผ่านมา และจะเหลือความคุ้มครองเพียง 1 ล้านบาทตั้งแต่ ส.ค. ปีหน้า ถึงแม้ว่าธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยจะมีสถานะการเงินที่เข้มแข็ง แต่การลดวงเงินคุ้มครองดังกล่าวก็กระตุ้นให้ผู้ฝากเงินบางส่วนมองหาทางเลือกในการลงทุนอื่นๆ ซึ่งการออกพันธบัตรออมทรัพย์ ธปท. ก็ถือเป็นการเสนอทางเลือกในการลงทุนที่มีลักษณะใกล้เคียงกับเงินฝาก (ซึ่งจะได้กล่าวต่อไป) นอกจากนี้ยังช่วยให้นักลงทุนมีการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้ดีขึ้นด้วย
สำหรับพันธบัตรออมทรัพย์ที่ ธปท. จะออกจำหน่ายในครั้งนี้ มี 2ประเภท คือ 1. พันธบัตรออมทรัพย์อายุ 3ปี โดยมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวอ้างอิงอัตราดอกเบี้ย BIBOR ระยะ 3เดือน และ 2. พันธบัตรออมทรัพย์อายุ 7ปี ที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่แบบขั้นบันได สำหรับพันธบัตรออมทรัพย์ประเภทแรก จะมีการจ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 3เดือน โดยอัตราดอกเบี้ยที่จ่ายจะเป็นอัตราดอกเบี้ย BIBOR (Bangkok Interbank Offered Rate) ระยะ 3เดือน ณ ขณะนั้น ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์แจ้งว่าจะยอมปล่อยกู้ให้แก่กัน (หรือเป็น version ไทย ของ LIBOR นั่นเอง ทั้งนี้ ท่านสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย BIBOR ได้ที่ www.bot.or.th) อัตราดอกเบี้ย BIBOR จึงเป็นอัตราดอกเบี้ยระดับ wholesale (รายใหญ่) ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ในระดับสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ที่เป็นอัตราดอกเบี้ยระดับretail (รายย่อย) (ณ สิ้นเดือน ก.ค. 54อัตราดอกเบี้ย BIBOR ระยะ 3เดือน อยู่ที่ร้อยละ 3.5เทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3เดือนเฉลี่ยอยู่ที่ ร้อยละ 1.9) ดังนั้น ผลตอบแทนที่ได้จากพันธบัตรออมทรัพย์ประเภทแรกนี้ จึงน่าจะสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากปกติ โดยอัตราดอกเบี้ยสำหรับในช่วง 3เดือนแรก จะอยู่ที่ร้อยละ 3.58125แต่เนื่องจากอัตราดอกเบี้ย BIBOR จะเปลี่ยนแปลงไปตามภาวะตลาดเงินและแนวโน้มเศรษฐกิจ จึงอาจมีความไม่แน่นอนอยู่บ้าง โดยน่าจะเหมาะสำหรับผู้ที่มองว่าอัตราดอกเบี้ยจะมีทิศทางโดยรวมเพิ่มสูงขึ้นหรือไม่ต่ำลง สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการความแน่นอนในผลตอบแทน อาจพิจารณาลงทุนในพันธบัตรออมทรัพย์ประเภทที่สอง ซึ่งจ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 6เดือน ตามอัตราที่กำหนดไว้ซึ่งทยอยเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันได โดย ธปท. ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ ร้อยละ 3.5ใน 4ปีแรก ร้อยละ 4.5ใน 2ปีถัดมาและร้อยละ 5ในปีสุดท้าย เฉลี่ยผลตอบแทนตลอดอายุที่ร้อยละ 4ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดี หากเปรียบเทียบกับการลงทุนในทองคำแล้ว จะเห็นได้ชัดว่าในช่วง 2เดือนที่ผ่านมาการลงทุนในทองคำให้ผลตอบแทนน่าดึงดูดใจมากที่สุด ดีกว่าการลงทุนในหุ้น การถือ B/E ของธนาคารพาณิชย์และการลงทุนในพันธบัตรออมทรัพย์ เนื่องจากราคาทองคำปรับสูงขึ้นเรื่อยๆ จากที่นักลงทุนทั่วโลกหนีไปลงทุนในทองคำเพราะเชื่อว่าจะสามารถป้องกันภาวะเงินเฟ้อในอนาคตได้และไม่เชื่อมั่นกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ข้อเท็จจริงประการสำคัญประการหนึ่งคือ ราคาทองคำที่สูงขึ้นมีส่วนไม่มากก็น้อยจากการเก็งกำไรของนักลงทุนประเภทเก็งกำไรระยะสั้นด้วย หากวันดีคืนดีมีประเทศที่ถือทองคำสูงสุด เช่น สหรัฐฯ ขายทองคำออกมามาก และกองทุนเก็งกำไรขาดทุนมากๆก็จะกดดันให้ราคาทองคำลดลงอย่างฮวบฮาบได้ ล่าสุด เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ราคาทองคำในตลาดโลกได้ปรับลดลงร้อยละ 5ภายในวันเดียว นอกจากนี้ บทเรียนจากวิกฤตการณ์หลายๆ ครั้ง โดยเฉพาะวิกฤต subprime ในสหรัฐฯ ที่ผ่านมา ก็สอนให้รู้ว่า อะไรที่ขึ้นได้ก็มีโอกาสลงได้ยิ่งขึ้นแรงก็ตกได้แรงจนฟกช้ำดำเขียว ดั่งเช่นราคาอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ ก่อนเกิดวิกฤตในปี 2551 ดังนั้นในแง่ความเสี่ยง ถือว่าพันธบัตรออมทรัพย์ ธปท. เป็นสินทรัพย์คนละประเภท (คนละ asset class) กับทองคำ โดยมีระดับความเสี่ยงที่ต่ำกว่าทองคำมาก

หากจะเปรียบเทียบการลงทุนในพันธบัตรออมทรัพย์ ธปท. กับการฝากเงิน ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำเช่นเดียวกัน จะพบว่ามีความคล้ายคลึงกันอยู่ โดยเฉพาะในกรณีของพันธบัตรออมทรัพย์ประเภทอัตราดอกเบี้ยคงที่ซึ่งคล้ายกับการฝากประจำในแง่ของอัตราดอกเบี้ยที่มีการกำหนดไว้ล่วงหน้า หรือแม้กระทั่งในกรณีของพันธบัตรออมทรัพย์ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัวเอง ก็จะพอเปรียบเทียบได้กับการฝากประจำ 3เดือนและเมื่อครบ 3เดือนก็ฝากใหม่ (rollover) ไปเรื่อยๆ จนครบ 3ปี และเมื่อถึงครบกำหนดไถ่ถอนก็จะได้เงินกลับมาเต็มจำนวน อีกความคล้ายหนึ่ง คือการที่นักลงทุนสามารถนำพันธบัตรออมทรัพย์ธปท. มาใช้เป็นหลักประกันในการทำธุรกรรมกับสถาบันการเงินได้ (ตามเงื่อนไขที่กำหนด) แต่ในความคล้ายก็มีความต่าง ในกรณีของเงินฝากประจำไม่ว่าจะเป็นแบบพิเศษที่กำลังมีการแข่งขันอย่างรุนแรง ณ ขณะนี้ หรือแบบปกติ ระยะเวลาฝากเพื่อที่จะได้อัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้ โดยปกติจะไม่เกิน 2ปี ซึ่งสั้นกว่าพันธบัตรออมทรัพย์ ธปท. ชุดนี้ ที่มีอายุ 3และ 7ปี เมื่อครบกำหนดระยะเวลาฝาก ผู้ฝากเงินอาจเลือกที่จะฝากต่อไปในอัตราดอกเบี้ยใหม่ที่อาจมากหรือน้อยกว่าเดิม หรือต้องมองหาทางเลือกอื่นๆ เพื่อลงทุนใหม่อีกครั้ง (re-invest) ในขณะที่ผู้ลงทุนในพันธบัตรออมทรัพย์ ก็สามารถทิ้งเงินไว้ให้ออกดอกออกผลเป็นระยะเวลานานกว่า และผลตอบแทนก็ดีพอที่จะไม่ต้องกังวลใจ หรือหากไปพบทางเลือกอื่นที่ดีกว่า ก็สามารถขายพันธบัตรนำเงินไปลงทุนที่อื่นได้

พันธบัตรออมทรัพย์ ธปท. ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจของนักลงทุน ทั้งในแง่ผลตอบแทนที่ดี และความเสี่ยงที่ต่ำ นอกจากนี้ยังมีลักษณะและความสะดวกใช้หลายๆ อย่างคล้ายคลึงกับเงินฝากที่เราๆ ท่านๆ คุ้นเคย สำหรับผู้ที่สนใจพันธบัตรออมทรัพย์ ธปท. ทั้งสองรุ่นนี้ จะมีการเปิดจำหน่ายในระหว่างวันที่ 26สิงหาคม - 6 กันยายน 2554นี้ ที่ ธ.กรุงเทพ ธ.กรุงไทย ธ.กรุงศรีอยุธยา ธ.กสิกรไทย ธ.ทหารไทย ธ.ไทยพาณิชย์ ธกส. ธ.ยูโอบี ธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ธ.ออมสิน และ ธ.ฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น ผู้สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถ download หนังสือชี้ชวนได้ที่ website ธปท. (www.bot.or.th)

บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย