นางสาวจิตา จีรเธียรนาถ นางสาวณัคนางค์ กุลนาถศิริฝ่ายนโยบายโครงสร้างเศรษฐกิจ
นอกจากสถานการณ์ของผู้ประกอบการที่น่าเป็นห่วงแล้ว อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของเศรษฐกิจที่อาจโดนเฉือนทิ้งในวันที่กิจการดำเนินต่อไปได้อย่างยากลำบาก คือ ลูกจ้าง แม้ปัจจุบันยังไม่เห็นการเลิกจ้างเพิ่มขึ้นมากนัก เนื่องจากมีการปลดไปแล้วบางส่วนตั้งแต่การแพร่ระบาดครั้งก่อน แต่ในระยะต่อไปหลายธุรกิจอาจจำเป็นต้องเลิกจ้างเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว นอกจากนี้ หลายธุรกิจยังมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนรูปแบบการจ้างงานจากการจ้างพนักงานประจำเป็นพนักงานรายวันมากขึ้น รวมถึงรักษาไว้เฉพาะพนักงานที่มีทักษะสูงหรือทำงานได้หลายหน้าที่ (Multi-tasking) เท่านั้น
ด้วยผลกระทบที่เกิดกับแต่ละภาคธุรกิจแตกต่างกัน มาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐทั้งที่จะช่วยภาคธุรกิจ และพยุงการจ้างงานเพื่อไม่ให้เกิดแผลเป็นทางเศรษฐกิจ (Economic scar) จึงควรต้องลงไปอย่างตรงจุดและทันเวลา เพื่อประคับประคองให้ธุรกิจและครัวเรือนผ่านเวลาที่ยากลำบากไปได้
นอกจากการจับชีพจรเศรษฐกิจผ่านการต่อสายตรงตามแบบฉบับของ BLP แล้ว ธปท. ยังได้พัฒนาดัชนีชี้วัด Sentiment อีกหลายตัวเพื่อใช้ประเมินภาพความเป็นอยู่ของทั้งภาคธุรกิจและครัวเรือนเป็นประจำทุกเดือน ซึ่งมีเครื่องชี้อะไรบ้างท่านผู้อ่านสามารถติดตามได้ในตอนต่อไป
บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย
>>