​4 ปีที่ได้หยิบยื่นโอกาส คนไทยได้อะไรจากคลินิกแก้หนี้?

กว่า 4 ปีแล้วที่ “คลินิกแก้หนี้” เป็นชื่อที่หลายคนรู้จักในฐานะช่องทางที่หยิบยื่นโอกาสให้ลูกหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน (“หนี้บัตร”) ที่กลายเป็นหนี้เสีย ให้สามารถกลับมาผ่อนชำระได้ด้วยเงื่อนไขที่ผ่อนปรนเป็นพิเศษ และกลับมามีสถานะข้อมูลเครดิตเป็นปกติได้ในที่สุด


มองย้อนกลับไปช่วงปี 2560 “คลินิกแก้หนี้” เกิดขึ้นจากความตระหนักถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนของประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงผลการศึกษาของสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ สะท้อนให้เห็นว่าพฤติกรรมการก่อหนี้ของคนไทยนำไปสู่ฐานะทางการเงินที่เปราะบางมากขึ้น กล่าวคือ เป็นหนี้เร็วขึ้น เป็นหนี้เสียตั้งแต่อายุยังน้อย และเป็นหนี้นาน แม้ถึงวัยเกษียณอายุทำงานก็ยังคงมีภาระหนี้สูง ประกอบกับ การมีวินัยและความรู้ทางการเงินไม่เพียงพอ ทำให้คนไทยส่วนหนึ่งติดอยู่ในกับดักหนี้ ไม่สามารถหลุดพ้นจากปัญหาหนี้สินได้

“คลินิกแก้หนี้” จึงถูกตั้งขึ้นเพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานในการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนของประเทศ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารนานาชาติ ชมรมธุรกิจบัตรเครดิต ชมรมสินเชื่อส่วนบุคคล ธนาคารพาณิชย์ ผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-bank) สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) โดยมี SAM เป็นหน่วยงานกลางในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ระหว่างเจ้าหนี้ และลูกหนี้ในโครงการ ให้บริการแบบ One-stop service โดยเริ่มที่ “หนี้บัตร” เนื่องจากเป็นหนี้ที่ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย อัตราดอกเบี้ยสูง และมีระยะเวลาผ่อนชำระไม่นาน อีกทั้งเกือบทั้งหมดเป็นการกู้ยืมเพื่ออุปโภคบริโภค ใช้แล้วหมดไปต่างจากหนี้เพื่อการซื้อบ้านซื้อรถ ซึ่งกลายเป็นสินทรัพย์ถาวรหรือเครื่องมือประกอบอาชีพ

ความพิเศษของคลินิกแก้หนี้ หลักๆ มี 2 เรื่อง ประการแรก คือ ลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการจะไม่ถูกเจ้าหนี้ทั้งหลายในโครงการรุมทวงถามหนี้ หรือฟ้องร้องดำเนินคดี โดยมี SAM ทำหน้าที่เป็นคนกลางปรับปรุงโครงสร้างหนี้และรับชำระเงินจบในที่เดียว ประการที่ 2 คือ ลูกหนี้ในโครงการจะได้รับข้อเสนอที่ผ่อนปรนเป็นพิเศษ ลูกหนี้สามารถปฏิบัติได้จริง ด้วยเงื่อนไขผ่อนชำระเฉพาะเงินต้นเดิม อัตราดอกเบี้ยในโครงการต่ำเพียงร้อยละ 5 ระยะเวลาผ่อนนานสูงสุดถึง 10 ปี ส่วนดอกเบี้ยค้างชำระและค่าปรับที่ค้างชำระอยู่ก่อนเข้าโครงการ เจ้าหนี้จะยกให้เมื่อลูกหนี้ปฏิบัติได้ครบตามสัญญา

ปัจจุบัน คลินิกแก้หนี้มีเจ้าหนี้ร่วมในโครงการ 34 แห่ง ถือเป็นเครือข่ายในการแก้ไขหนี้รายย่อยที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ซึ่งตลอดระยะเวลาการดำเนินงานมากว่า 4 ปี ได้ผลักดันการขยายขอบเขตความช่วยเหลือลูกหนี้ และปรับเกณฑ์คุณสมบัติลูกหนี้ที่สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมหนี้บัตรที่เป็นหนี้เสียแทบทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังถูกฟ้องหากยังไม่ถึงชั้นบังคับคดีก็สามารถสมัครได้ ปรับปรุงกระบวนการรับสมัครเพื่อเพิ่มความรวดเร็วและอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกหนี้ ล่าสุดโครงการได้ขยายขอบเขตความช่วยเหลือให้ครอบคลุมลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสีย (NPL) จากเดิมที่ต้องมีสถานะเป็น NPL ก่อนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2564


สรุปการขยายความช่วยเหลือของโครงการคลินิกแก้หนี้ในปี 2564


นอกจากนี้ เพื่อรองรับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด 19 โครงการได้ออกมาตรการผ่อนปรนช่วยเหลือลูกหนี้ด้วย “ยา 2 สูตร” มาตั้งแต่กลางปี 2563 ซึ่งปัจจุบัน “สูตรจ่ายเท่าที่ไหว” ยังให้ลูกหนี้ในโครงการ รวมถึงรายที่สมัครเข้าโครงการใหม่สามารถชำระหนี้ตามกำลังเท่าที่จ่ายไหว ไม่ต้องจ่ายเต็มค่างวดโดยไม่เสียประวัติ แต่ขอให้ชำระหนี้อย่างต่อเนื่อง สำหรับลูกหนี้ที่ยังจ่ายเข้ามาไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของค่างวดตามสัญญาในช่วงมาตรการผ่อนปรน นอกจากจะหมดหนี้ไม่ล่าช้าแล้วยังจะได้รับส่วนลดดอกเบี้ยร้อยละ 1-2 เป็นแรงจูงใจอีกด้วย แต่หากลูกหนี้รายใดได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนไม่สามารถชำระค่างวดได้ สามารถขอพักชำระหนี้ชั่วคราวเป็นรายกรณี ตามหลักเกณฑ์ที่โครงการกำหนด โดยผลขึ้นอยู่กับการพิจารณาของโครงการ

ตลอดระยะเวลาการเดินทาง 4 ปีกว่าของคลินิกแก้หนี้ที่ได้ขยายความช่วยเหลือเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง มีลูกหนี้เข้าโครงการทั้งสิ้น 22,011 ราย รวม 68,071 บัญชี ภาระหนี้เงินต้นตามสัญญา 5,163 ล้านบาท อีกทั้งมีลูกหนี้ที่ชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้วจำนวน 430 ราย รวม 1,185 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 2 ของโครงการ รวมทั้งให้คำปรึกษาในการแก้ไขหนี้ 43,260 ราย

สุดท้ายนี้ ขอให้เชื่อมั่นว่าสามารถหลุดพ้นจากกับดักหนี้สินได้ เพียงลูกหนี้มีความตั้งใจจริงที่จะปลดหนี้ คลินิกแก้หนี้พร้อมจะยืนอยู่ข้างเพื่อช่วยลูกหนี้จากวงจรหนี้ อย่าลืมว่า “มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ทั้งนี้ ประชาชนที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารหรือติดต่อโครงการคลินิกแก้หนี้ผ่านทางเว็บไซต์ Facebook LINE และ YouTube รวมทั้งสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center ของโครงการ หรือติดต่อที่สำนักงานคลินิกแก้หนี้ by SAM ชั้น 4 ศูนย์การค้า ดิ อเวนิว รัชโยธิน (เมเจอร์ รัชโยธิน) กรุงเทพฯ รวมทั้งสำนักงานภูมิภาคของ SAM




ผู้เขียน :
ปริยดา อาสยวชิร
ฝ่ายคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน

คอลัมน์ Young Economist นสพ.ฐานเศรษฐกิจ
เดือน พ.ย. 2564


บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย