นางสาวสุภาพรรณ วัฒนาอุดมชัย
SMEs มีบทบาทสำคัญเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจของหลาย ๆ ประเทศ เช่นเดียวกับ SMEs ไทยที่เป็นธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมาก สร้างงานจำนวนมาก รวมทั้งมีส่วนช่วยดูดซับแรงงานว่างของภาคเกษตรในช่วงหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยว จากข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ชี้ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวม SMEs ไทยปี 2556 มีมูลค่า 4.5 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 37.4 ของ GDP ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงนักจากร้อยละ 37.8 ในปี 2552 ทำให้เกิดคำถามว่าเราจะมีวิธีใดที่จะ ส่งเสริมให้ธุรกิจการค้าของ SMEs ขยายตัวให้มากขึ้นได้ บทความนี้จึงต้องการนำเสนอแนวความคิดให้กับ SMEs รายกลางและรายเล็กให้เห็นถึงความสำคัญ และแนวโน้มของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการดาเนินธุรกิจของ SMEs ทั้งเพื่อการ บริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อการลดต้นทุน และเพื่อการขยายตลาดให้กว้างขึ้น รวมทั้ง แนวทางที่ส่งเสริมให้ SMEs ใช้เทคโนโลยีในการขยายธุรกิจให้มากขึ้น
ผลการศึกษาจากงานวิจัยของ สสว. จัดทำในปี 2552 (ดูตาราง) แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของ SMEs ต่อระบบเศรษฐกิจทั้งในแง่ของสัดส่วนจำนวนของผู้ประกอบการต่อผู้ประกอบการรวมที่สูงมากกว่าร้อยละ 90 ในทุกประเทศที่ศึกษาทั้งประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียและเวียดนาม และมีสัดส่วนของผลิตภัณฑ์มวลรวมของ SMEs ใน GDP คิดเป็นประมาณหนึ่งในสี่ในอินโดนีเซีย และเป็นครึ่งหนึ่ง ในสิงคโปร์ ในแง่ของการประยุกต์ใช้นวัตกรรมพบว่า SMEs ของไทยที่นำนวัตกรรมใหม่มาช่วยในการดำเนินธุรกิจยังมีน้อยโดยได้ 3.6 คะแนนจากคะแนนเต็ม 10 น้อยกว่าสิงคโปร์ (8.7 คะแนน) และ มาเลเซีย (4.4 คะแนน) สะท้อนว่าขีดความสามารถในการแข่งขันของ SMEs ไทยจะลดลงหากไม่มีการปรับตัว อย่างไรก็ตาม หากมาดูดัชนีการใช้อินเตอร์เน็ตของ SMEs ของประเทศในกลุ่มภูมิภาคอาเซียนจะเห็นว่าอยู่ในระดับสูงมาก และ SMEs ของไทยยังมีสัดส่วนการใช้อินเตอร์เน็ตต่ำกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคเล็กน้อยอยู่ที่ร้อยละ 87 ซึ่งอาจสะท้อนถึงประสิทธิภาพของอินเตอร์เน็ต รวมทั้งความสามารถในการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตยังไม่ครอบคลุมในหลายพื้นที่ โดยสิงคโปร์และอินโดนีเซียอยู่ที่ร้อยละ 97 และ 96 ตามลำดับ
นอกจากนี้ จากการศึกษาในอดีตพบว่าธุรกิจส่วนใหญ่จะใช้ e-Commerce เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดและประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการมากกว่าจะใช้เพื่อลดต้นทุนการผลิต การบริหารและการจัดการ ดังนั้นแนวทางที่จะส่งเสริมให้ SMEs ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในการขยายธุรกิจและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้มากขึ้นนั้น SMEs ไทยควรเพิ่มการนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Commerce มาใช้เพื่อสร้างแต้มต่อในการแข่งขันในทางธุรกิจ และขยายตลาดสินค้าสู่ต่างประเทศเพิ่มขึ้น รวมทั้งควรนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในกระบวนการผลิตและการบริหารจัดการให้มากขึ้น ขณะที่ภาครัฐควรปรับปรุงระบบขนส่งและลดราคาค่าขนส่ง เพื่อลดต้นทุนด้านเวลาและค่าขนส่งของผู้ประกอบการลง ควรจัดอบรมให้ความรู้และทักษะในการประกอบธุรกิจ e-Commerce แก่ผู้ประกอบการ SMEs ที่มีอยู่จานวนมากอย่างทั่วถึง ตลอดจนร่วมมือกับกลุ่มประเทศในภูมิภาคต่างๆ ในการผลักดันธุรกิจ e-Commerce ระหว่างประเทศให้มากขึ้น
บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย