​SMEs ไทยจะพลิกฟื้นโตยั่งยืนอย่างไร ภายใต้ภูมิทัศน์โลกใหม่การเงินสีเขียว (ตอนที่1)

‘Don’t let a good crisis go to waste’ เพื่อให้ไทยพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่ new world landscape ได้อย่างมั่นคง” [1] ผว. ธปท.


บทความนี้นำเสนอมุมมองระยะยาวแนวทางที่ SMEs ไทยจะรีเซ็ตฟื้นฟูและโตอย่างยั่งยืนได้อย่างไรหลังโควิด 19 ภายใต้บริบทที่การค้าโลกยุคใหม่ที่ทวีความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ใหม่โลกการเงินสีเขียว (Green Finance)


โลกการเงินสีเขียวก้าวไปถึงไหน?: ยุโรปตะวันตกเป็นผู้นำขบวน จีนและญี่ปุ่นพัฒนาดีขึ้นมาก

แม้แนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวเกิดขึ้นทั่วโลกเมื่อ 50 ปีแล้ว แต่กระแสด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่งกลับมาได้รับความสนใจมากอีกครั้ง ล่าสุดในการประชุม Rio+20 ในปี 2555 เพื่อหาทางออกในระดับนานาชาติ นักวิชาการระบุว่า โลกอาจประสบปัญหาด้านต้นทุนทางเศรษฐกิจอย่างมาก หากยังนิ่งเฉยต่อปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและภาวะโลกร้อน [2]

ปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกใช้หลักการพัฒนาเศรษฐกิจที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ เอื้อต่อการมีส่วนร่วมของสังคม (UNESCAP, 2555) ภายใต้ความตกลงปารีส (Paris Accord) ขณะที่ผู้บริโภคและธุรกิจก็หันมาใช้สินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยภาคการเงินมีส่วนสำคัญในการจัดสรรทรัพยากรเพื่อให้บรรลุเป้าหมายให้ภาคธุรกิจปรับเปลี่ยนบริษัทเป็นธุรกิจสีเขียว ที่เน้นการลงทุนแบบยั่งยืน โดยสถาบันการเงินจะปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ (Responsible Lending)

รายงานผลการสำรวจ Global Green Finance Index (GGFI 7) ปี 2564[3] ได้นำเสนอผลจัดอันดับศูนย์กลางการเงินด้านการเงินสีเขียวโลก พบว่ามาตรฐานการเงินสีเขียวทั่วโลกปรับดีขึ้นทั้งในเชิงความลึกและคุณภาพ ศูนย์กลางการเงินชั้นนำในยุโรปตะวันตกเป็นผู้นำกลุ่ม (ติดอันดับ TOP-10 อยู่ถึง 8 แห่ง จากทั้งหมด 78 ศูนย์การเงินทั่วโลก) และมีศูนย์การเงินจากฝั่งอเมริกาติดกลุ่ม Top-10 คือ ศูนย์การเงินในซานฟรานซิสโกและลอสแองเจลิส


ศูนย์กลางการเงินเมืองอัมสเตอร์ดัม (เนเธอร์แลนด์) ติดอันดับหนึ่ง รองลงมาคือ ซูริค (สวิสเซอร์แลนด์) และลอนดอน (อังกฤษ) โดยพิจารณาจากความพร้อมทั้ง 4 ด้าน คือด้านความยั่งยืน ด้านธุรกิจ ด้านทรัพยากรมนุษย์ และด้านโครงสร้างพื้นฐาน สำหรับฝั่งเอเชียจากกลุ่มประเทศ ASEAN+3 :โตเกียว (ญี่ปุ่น) ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ (จีน) และสิงคโปร์ ก้าวขึ้นมาติด Top-20 มีพัฒนาการการเงินสีเขียวดีขึ้นเป็นลำดับ ขณะที่กรุงเทพฯ (ไทย) อยู่ลำดับที่ 49 ปรับดีขึ้นมากจากปีก่อน โดยสังเกตว่าจีนปรับตัวดีขึ้นมาก จากการที่ได้ยกปัญหามลพิษทางอากาศมาเป็นวาระแห่งชาติและลงมือแก้ไขตามแผนอย่างหนัก [4]


เหลียวมองโลก: บทเรียนจากสหภาพยุโรปและจีน

ทั้งสหภาพยุโรปและจีน [5], [6] มีกรอบกติกา แผนปฏิบัติการ และกรอบเวลาขับเคลื่อนเศรษฐกิจการเงินสีเขียวชัดเจน ได้ผลักดันให้เกิดการลงทุนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลอย่างเป็นรูปธรรม กรณีสหภาพยุโรป 1) กำหนดหมวดหมู่ธุรกิจสีเขียว ออกกฎหมายลำดับรองเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์เชิงเทคนิคด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ 2) กำหนดมาตรฐานพันธบัตร เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (EU Green Bond Standard) และมาตรฐานฉลากเขียว(ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม) เพื่อดึงดูดให้นักลงทุนหันมาลงทุนในธุรกิจสีเขียว 3) พัฒนาเครื่องมือวัดเทียบสมรรถนะการลงทุนเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมองค์กรไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และ 4) กำหนดหลักเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลในงบการเงิน (ส่วนของต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ด้านสิ่งแวดล้อม) เป็นต้น [7]

สหภาพยุโรปและจีนต่างตั้งเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Climate neutrality) ภายในปี 2593 และ 2603 ตามลำดับ โดยสหภาพยุโรปเป็นกลุ่มประเทศแรกที่กำหนดมาตรฐานหมวดหมู่ธุรกิจสีเขียวและมาตรฐานพันธบัตรเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ขณะที่จีนกำหนดประเภทธุรกิจสีเขียวและแนวปฏิบัติของระบบการเงินสีเขียวในปีที่ผ่านมา โดยกรอบกติกาและกฎเกณฑ์ของสหภาพยุโรปและจีนสอดคล้องกับมาตรฐานหุ้นกู้เพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Bond Principles: GBP) ของ ICMA ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล จนถึงวันนี้การระดมทุนหุ้นกู้เพื่อสิ่งแวดล้อมเติบโตต่อเนื่อง ในปี 2563 จีนและสหภาพยุโรป มียอดระดมทุนหุ้นกู้เพื่อสิ่งแวดล้อมอยู่ถึง 33.3 พันล้าน สรอ. และ 151.6 พันล้าน สรอ. ตามลำดับ และจีนยืนหนึ่งมีมูลค่าระดมทุนสูงสุดในเอเชีย [8]



หันมองไทย: สินเชื่อสีเขียวกับโอกาสและความท้าทายของ SMEs

ตลาดทุนไทยใช้มาตรฐานหุ้นกู้เพื่อสิ่งแวดล้อมของ ASEAN Green Bond Standards ซึ่งเป็นมาตรฐานคล้ายคลึงกับมาตรฐานสากล โดยสถาบันการเงินของไทยเริ่มมีนโยบายที่เกี่ยวข้อง และออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านสินเชื่อสีเขียว อัตราดอกเบี้ยพิเศษ เช่น สินเชื่อเพื่อธุรกิจพลังงานทดแทน และสินเชื่อเพื่อสิ่งแวดล้อม ด้านหุ้นกู้เพื่อสิ่งแวดล้อมก็เริ่มมีผลิตภัณฑ์บ้างแล้ว แต่การสนับสนุนด้านการเงินทั้งสินเชื่อและหุ้นกู้ยังจำกัดในวงแคบเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่เท่านั้น มีสัดส่วนน้อยจากสินเชื่อทั้งหมด


การค้าในโลกยุคใหม่ให้ความสำคัญในเรื่องสิ่งแวดล้อม หากธุรกิจ SMEs ที่มีอยู่ถึง 3 ล้านราย(หรือ 99.5% ของวิสาหกิจทั้งหมด จ้างงาน 13 ล้านคน หรือ72% ของแรงงานในวิสาหกิจทั้งหมด) ไม่ปรับตัวอาจทำให้ธุรกิจไม่ได้ไปต่อ เนื่องจากผู้บริโภค ธุรกิจ และอุตสาหกรรมยุคใหม่ มุ่งไปสู่สินค้าและบริการที่สร้างผลกระทบให้โลกน้อยที่สุด ผลศึกษาของ OECD [9] นำเสนอว่าการพัฒนายกระดับ SME มุ่งสู่ธุรกิจสีเขียวที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมจะทำให้ SME สามารถลดต้นทุน ผลประกอบการดีขึ้น และท้ายสุดจะทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น ส่งเสริมให้เกิดการเติบโตอย่างมีส่วนร่วม (Inclusive Growth) แบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน และสร้างโอกาสอย่างเสมอภาคระหว่างคนทุกกลุ่มในสังคมให้ดีขึ้น และชี้ว่าจะไปสู่จุดนั้นได้ SMEs ต้องปรับโครงสร้างทั้งระบบ 6 ด้าน คือ กฎระเบียบ การตลาด โครงสร้างพื้นฐาน แหล่งเงินทุน การพัฒนาทักษะแรงงานและผู้ประกอบการ และด้านความรู้และนวัตกรรม


ฉบับหน้าคณะผู้เขียนจะศึกษาเจาะลึกถึงพัฒนาการสินเชื่อสีเขียวของไทย และความเห็น SMEs ไทยถึงปัญหา การปรับตัว และความช่วยเหลือที่ต้องการจากรัฐ เพื่อให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมและเดินไปสู่ “New world landscape” ด้วยกัน


ผู้เขียน :
ดร. เสาวณี จันทะพงษ์
ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค
นางวรินธร ชัยวิวัธน์
ดร.ดวงทิพย์ ศิริกาญจนารักษ์
นายธีรพัฒน์ เขื่อนปัญญา
ฝ่ายนโยบายโครงสร้างเศรษฐกิจ

คอลัมน์ "แจงสี่เบี้ย" หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
ฉบับวันที่ 7 ก.ค. 2564



อ้างอิง :[1] ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ (2564), ประเทศไทยควรเดินหน้าอย่างไรใน “New World Landscape”, BOT พระสยาม Magazine ฉบับที่ 1/2564 (มกราคม-กุมภาพันธ์) [2] รายงานการเสวนา: การเติบโตแบบ “สีเขียว” ภารกิจเพื่ออนาคตที่ต้องร่วมกันผลักดันอย่างเป็นรูปธรรมในวันนี้, โครงการพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารจัดการสำหรับผู้บริหารระดับสูง, 17 พ.ค. 2557[3] The Global Green Finance Index the 7th Edition, The Sustainable Futures Programme, Z/Yen and Long Finance initiative, April 2021[4] ดร.อรุบล โชติพงศ์. (2561). ปัญหามลพิษทางอากาศในประเทศจีน, วารสารสิ่งแวดล้อม, ปีที่ 22 (ฉบับที่ 1), 54-63. สถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[5] Green Bond Principles: Voluntary Process Guidelines for Issuing Green Bonds June 2021, ICMA Paris Representative Office[6] The Green Bond Endorsed Project Catalogue 2021 Edition[7] แผนยุทธศาสตร์การเงินเพื่อความยั่งยืนของสหภาพยุโรป, กรมยุโรป กระทรวงการต่างประเทศ, 5 ก.พ. 2564[8] ตราสารหนี้สีเขียวกับการเติบโตอย่างยั่งยืน, Bond Blogs, สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย, 07 พ.ย. Nov 2561[9] Shashwat Koirala (2018), Issue Paper: SMEs: Key Drivers of Green and Inclusive Growth, Green Growth Knowledge Platform, OECD

บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย