ความเป็นอยู่ที่ดีทางการเงิน (Financial Wellbeing) คุณพร้อมแล้วหรือยัง?

คอลัมน์แจงสี่เบี้ย | 01 เมษายน 2568

นับเป็นเวลาหลายทศวรรษที่ทั่วโลกได้ร่วมยกระดับการเข้าถึงบริการทางการเงิน เราได้เห็นพัฒนาการที่ก้าวกระโดดในหลายประเทศที่มีระดับการเข้าถึงบริการทางการเงินปรับสูงขึ้นต่อเนื่องควบคู่กับช่องทางการให้บริการที่หลากหลาย รวมถึงการเร่งปรับตัวเข้าสู่โลกการเงินดิจิทัลในช่วงโควิด-19

 

การเข้าถึงบริการทางการเงินที่เพิ่มขึ้น ควรนำไปสู่ความเป็นอยู่ที่ดีทางการเงิน (Financial Wellbeing) โดย OECD ได้ให้คำจำกัดความของ ความเป็นอยู่ที่ดีทางการเงิน (Financial Wellbeing) หรือ สุขภาพทางการเงิน (Financial Health) ว่าหมายถึง “สภาวะที่บุคคลสามารถ (1) จัดการภาระทางการเงินในชีวิตประจำวันได้อย่างราบรื่น (2) รับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ (3) ทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และ (4) มีความพึงพอใจและมั่นใจในอนาคตการเงินของตนเอง”

1

แต่จากสถิติของ World Bank และ UN พบว่า ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่การเข้าถึงบริการทางการเงินอยู่ในระดับสูง (เกือบถึง 100%) อย่างสหรัฐอเมริกา กลับพบว่ามีประชากรเพียง 1 ใน 3 ที่มีระดับสุขภาพทางการเงินอยู่ในเกณฑ์ดี โดยกว่า 40% ตกอยู่ในสภาวะรู้สึกไม่มั่นคงทางการเงินระดับปานกลางถึงสูง ขณะที่ในยุโรปมากกว่า 1 ใน 3 ของประชากรไม่มีผลิตภัณฑ์เงินฝากที่ช่วยออมเงินและกว่าครึ่งกลัวว่าตัวเองจะไม่มีเงินเพียงพอยามเกษียณ ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนสถานะ ความเป็นอยู่ทางการเงินที่น่ากังวล ทำให้หน่วยงานสากลต่าง ๆ อาทิ G20 OECD UN BIS ตระหนักถึงการส่งเสริมให้ความเป็นอยู่ที่ดีทางการเงินเป็นเป้าหมายที่ต้องบรรลุขั้นต่อไปของการพัฒนาอย่างยั่งยืน 

 

“ความเป็นอยู่” หมายถึง “สภาวะ” ช่วงสั้นๆของบุคคล ซึ่งมีทั้งการกระทำที่จับต้องได้ และความรู้สึกของแต่ละคน โดยสามารถตีความในบริบท “การเงิน” ได้ 4 มิติ ดังนี้

 

1. จัดการเงินได้  ซึ่งสื่อถึง “สภาวะทางการเงินปัจจุบัน” คือ การที่เราสามารถบริหารจัดการเงินและค่าใช้จ่ายจำเป็นในชีวิตประจำวันเพื่อตอบสนองความต้องการพื้นฐาน (Basic needs) ได้อย่างราบรื่น เช่น ค่าอาหาร ค่าเช่าบ้าน ค่ายารักษา การจ่ายบิลชำระหนี้

2. รับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้  ซึ่งสื่อถึง “สภาวะทางการเงินภายใต้ความไม่แน่นอนในอนาคต” คือ การที่เราสามารถรับมือกับค่าใช้จ่ายฉุกเฉินจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับเราหรือสมาชิกในครอบครัว เช่น ตกงานขาดรายได้ เจ็บป่วยกะทันหัน จ่ายค่าซ่อมบ้าน-รถจากน้ำท่วม เป็นต้น รวมถึงมีความสามารถในการฟื้นตัวทางการเงินให้กลับมาได้ โดยเราสามารถเสริมสร้างมิตินี้ได้หลายวิธี
อาทิ การออมสำรองเงินไว้เผื่อกรณีฉุกเฉิน การทำประกันต่าง ๆ การมีสวัสดิการทางสังคม

3. มีเงินพอเพื่อให้บรรลุเป้าหมายชีวิต คือ การที่เราบริหารและวางแผนทางเงินให้สามารถเติมเต็มความต้องการ (Want) หรือเป้าหมายที่ตั้งไว้ของตนเองได้ทั้งใน “ปัจจุบัน” และ “อนาคต” ที่จะช่วยยกระดับชีวิตให้สะดวกสบายและมีความสุขมากขึ้นโดยไม่กระทบต่อการดำรงชีวิตในปัจจุบัน เช่น ซื้อบ้าน แต่งงาน ปลดหนี้ เรียนต่อ ทำธุรกิจหรือลงทุนเพื่อให้เกิด passive income หรือ “อิสระทางการเงิน” (Financial Independence)

4. รู้สึกมั่นคงทางการเงิน คือ สภาวะทางอารมณ์และจิตใจเชิงบวกว่าเราสามารถจัดการการเงินได้ทั้ง “ปัจจุบัน” และ “อนาคต” โดยรู้สึกมั่นใจและพอใจในความเป็นอยู่ทางการเงินของตัวเอง ในทางตรงข้ามหากเราขาดการวางแผนและจัดการเงินที่ดีก็จะส่งผลเชิงลบต่ออารมณ์และจิตใจ (Financial Stress) เช่น รู้สึกเครียดวิตกกังวลว่าจะมีเงินไม่พอจ่ายหนี้ หรือ กังวลว่าจะไม่สามารถแบกรับค่ารักษายามเจ็บป่วยได้ เป็นต้น

กราฟ

นอกจากนี้ จากการศึกษาพบว่าคนแต่ละช่วงวัยมีคำจำกัดความของความเป็นอยู่ที่ดีทางการเงินในแบบฉบับของตัวเอง ดังนี้

 

  • GenZ วัยเริ่มทำงาน: ต้องการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของตัวเองทั้งในปัจจุบันและอนาคต รู้สึกมั่นคงจากการมีเงินออมสะสมเพียงพอเพื่อรองรับเหตุฉุกเฉินหรือมี passive income จากการลงทุนและต้องการมีอิสระทางการเงิน
  • วัยทำงาน วัยกลางคน: ต้องการใช้จ่ายเพื่อความสุขโดยไม่ต้องกังวลว่าเงินจะไม่พอใช้ในภายหลัง อยากมีความมั่นคงทางการเงิน อยากลดเรื่องงานและไปใช้ชีวิตมากขึ้น
  • วัยเริ่มเกษียณ: อยากพึ่งพาตัวเองได้ มีเงินไปใช้ชีวิต ไม่เป็นภาระคนข้างหลัง และสามารถช่วยเหลือคนที่ตัวเองรักได้
     

โดยสิ่งที่ทุกช่วงวัยเห็นตรงกันคือ ความเป็นอยู่ที่ดีทางการเงินไม่ได้ขึ้นอยู่กับความมั่งคั่ง (Wealth) หรือมีเงินมากเพียงอย่างเดียว เพราะ “เวลา” หรือความต้องการบางอย่างก็ใช้เงินซื้อไม่ได้ ทว่า “เงิน” ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้คนเราไปสู่รูปแบบชีวิตที่ต้องการ

money

ดังนั้น การวางแผนและบริหารจัดการ “เงิน” เพื่อมุ่งสู่ความเป็นอยู่ที่ดีทางการเงินเป็นสิ่งที่ทุกคนควรตระหนักและให้ความสำคัญ  ทั้งนี้ ความหมายทั้ง 4 ด้านอย่าง “จัดการ รับมือ บรรลุ มั่นคง” ที่กล่าวมานั้นต่างเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่จะนำไปสู่ “ความเป็นอยู่ที่ดีทางการเงิน” ทุกท่านอาจลองเช็คสุขภาพทางการเงินของตัวเองด้วยวิธีง่ายๆ อย่างการเปรียบเทียบสถานการณ์ทางการเงินของตัวเรากับมิติต่างๆ ข้างต้น เพื่อหาคำตอบว่า “คุณคิดว่าความเป็นอยู่ทางการเงินของคุณเป็นอย่างไร?”… โดยในครั้งหน้าผู้เขียนจะมาเล่าต่อถึงแนวทางในระดับสากลที่ภาคส่วนต่างๆ กำลังร่วมกันผลักดันเพื่อช่วยส่งเสริมให้คุณมีความเป็นอยู่ที่ดีทางการเงินอย่างยั่งยืน แล้วพบกันใหม่ค่ะ 


 

** บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของหน่วยงานที่สังกัด **

ผู้เขียน

pavarisa photo







ปวริศา ศุขะพันธุ์
ธนาคารแห่งประเทศไทย
คอลัมน์ “แจงสี่เบี้ย”
ฉบับวันที่ 1 เมษายน 2568 

บทความ