แรงงานอีสานคืนถิ่น กลับไปพื้นที่เศรษฐกิจเดิมมากน้อยแค่ไหน

ปุญญวิชญ์ เศรษฐ์สมบูรณ์ / ศิรินัดดา ปรีชา / อภิชญา ศรีรัตน์ สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ธนาคารแห่งประเทศไทย

09 พ.ค. 2566

ก่อนเกิด COVID-19 โครงสร้างการเคลื่อนย้ายแรงงานอีสานมีมากน้อยแค่ไหน ? และประกอบอาชีพอะไร ?

 

โครงสร้างการเคลื่อนย้ายแรงงานเดิม ณ สิ้นปี 2563 ตั้งแต่อดีต วิถีชีวิตของคนอีสานมีความเชื่อมโยงกับภาคเกษตรกรรมที่มีรายได้ไม่แน่นอน แรงงานอีสานจึงเคลื่อนย้ายไปทำงานนอกภูมิภาคประมาณ 3 ล้านคน ส่วนใหญ่ทำงานในภาคกลาง ประมาณ 2.7 ล้านคน (โดยอยู่กรุงเทพฯ 1.2 ล้านคน) ที่เป็นกลุ่มลูกจ้างในภาคผลิต บริการและก่อสร้าง ขณะที่แรงงานอีสานอยู่ในภาคเหนือและภาคใต้มีเพียง 1.3 แสนคนและ 1.0 แสนคน ตามลำดับ ต่างจาก แรงงานในภาคอีสานประมาณ 9.5 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Self-employed ถึงร้อยละ 70

 

การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ผ่านมา คาดว่า แรงงานอีสานคืนถิ่นมาจากกลุ่มลูกจ้างในภาคกลาง เป็นสำคัญ

 

 

หลังเกิด COVID-19 เห็นการเคลื่อนย้ายแรงงานอีสานอย่างไร1/ ?

 

เมื่อเกิด COVID-19 แรงงานอีสานกลับภูมิลำเนาต่อเนื่อง คาดว่าเป็นประชากรอีสานคืนถิ่น 6.5 แสนคน คิดเป็นแรงงานประมาณ 4 แสนคน ขณะที่หลังเปิดประเทศ แรงงานคืนถิ่นเคลื่อนย้ายกลับบางส่วน แรงงานอีสาน 1.7 แสนคน ส่วนใหญ่เคลื่อนย้ายออกจากภาคเกษตรเป็นแรงงานนอกภาคเกษตร 0.9 แสนคน และเคลื่อนย้ายกลับภาคกลาง 0.8 แสนคน เหลือแรงงานอีสานคืนถิ่นอีก 3.2 แสนคน หรือ ร้อยละ 80 ของแรงงานคืนถิ่น

5 แรงดึงที่ทำให้แรงงานอีสานคืนถิ่นจำนวน 3.2 แสนคน ยังไม่กลับไปแหล่งงานเดิม

 

1. แรงจูงใจด้านรายได้ยังไม่เพียงพอ 

 

จากช่องว่างรายได้ที่แท้จริงระหว่างแรงงานภาคกลาง (รวม กทม.) และอีสานมีแนวโน้มลดลง ส่วนหนึ่งจากรายได้ในอีสานที่สูงขึ้นและค่าครองชีพในภาคกลางที่สูงขึ้นมากกว่าเดิม 

2. แรงงานมีความมั่นคงทางรายได้เพิ่มขึ้น

 

แรงงานอีสานคืนถิ่นมีความมั่นคงทางรายได้เพิ่มขึ้น จากการจ้างงานประจำมากขึ้น ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ของภาคอีสานที่ปรับตัวดีขึ้น และการกลับมาต่อยอดการทำเกษตรของเด็กรุ่นใหม่

3.ต้นทุนการย้ายกลับสูงขึ้น 

 

ต้นทุนการย้ายกลับสูงขึ้น (Cost of mobility) สะท้อนจากดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของ กทม. และปริมณฑลโดยเฉพาะหมวดค่าที่พักอาศัย ค่าอาหารบริโภคภายในและนอกบ้าน และค่าโดยสารสาธารณะ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายหลักของผู้ที่จะย้ายถิ่นเข้าไปและมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง

4. แรงงานบางส่วนถูกแทนด้วยแรงงานต่างด้าว

 

แรงงานไทยบางส่วนถูกทดแทนด้วยแรงงานต่างด้าวโดยเฉพาะในกลุ่มทักษะต่ำ (Unskilled) เช่น ในภาคก่อสร้าง เกษตรและปศุสัตว์ ค่าจ้างที่ต่ำกว่า เพราะภาคธุรกิจยังเปราะบาง สะท้อนจากจำนวนแรงงานต่างด้าวที่เพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดของ COVID-19 

5. แรงจูงใจด้านอื่นๆ

 

จากการได้กลับมาอยู่กับครอบครัว ความสบายใจ สุขภาพที่ดีขึ้น และใช้ทักษะเดิมที่มีต่อยอดงานในท้องถิ่นเป็นอีกหนึ่งแรงดึงสำคัญที่ทำให้แรงงานยังไม่กลับไปทำงานยังแหล่งงานเดิม (ที่มา: จากการสัมภาษณ์แรงงานกลับถิ่นในพื้นที่)

 

ประเด็นที่ได้จากการสำรวจเชิงพื้นที่ ที่สะท้อนแรงดึงกลุ่มแรงงานอีสานคืนถิ่น

 

1. โอกาสใหม่จากอาชีพใหม่ในท้องถิ่น

 

ส่วนใหญ่เป็นแรงงานคืนถิ่นที่มีทักษะด้านเทคโนโลยี การใช้ Digital Marketing ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ  ซึ่งเป็นปัจจัยเอื้อต่อการทำธุรกิจในภาคบริการ การค้า จากการสัมภาษณ์แรงงานกลุ่มนี้ พบว่า 

 

ธุรกิจภาคบริการ: ร้านอาหารและร้านคาเฟ่เพิ่มขึ้นจากแรงงานหนุ่มสาวที่มีเงินทุน แม้ในช่วงแรก จะมีรายได้ต่ำกว่า รายได้จากแหล่งงานเดิมในพื้นที่เศรษฐกิจ แต่ยังเพียงพอต่อการยังชีพ คาดว่าจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น จากการขยายฐานลูกค้า 

  1. ธุรกิจคาเฟ่เปิดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะแรงงานหนุ่มสาวที่มีเงินทุนนิยมเปิดร้านขนาดเล็ก อาทิ ขอนแก่นมีคาเฟ่เปิดใหม่กว่า 100 ร้าน หลังช่วงการแพร่ระบาด2/ หรือในอุบลฯ จากข้อได้เปรียบด้านใกล้แหล่งผลิตกาแฟที่มีชื่อเสียงฝั่งลาว 
  2. ธุรกิจร้านอาหารเปิดใหม่ อาทิ ร้านอาหารเปิดใหม่เฉลี่ย 70-80 ร้านต่อเดือนในอุดรฯ ส่วนหนึ่งเป็นผลดีจากการมีธุรกิจขนส่งอาหารรองรับ ซึ่งช่วยลดต้นทุนในการมีหน้าร้าน และต้นทุนแรงงาน โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อย
  3. ธุรกิจส่งอาหาร จำนวนพนักงานส่งอาหาร (Riders) ในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 60 ในพื้นที่จังหวัดอีสานใต้ สร้างรายได้ที่เพียงพอ และสามารถผ่อนชำระรถได้ 

 

ธุรกิจภาคการค้า : เติบโตมากขึ้น โดยเฉพาะการขายสินค้าออนไลน์ใน Social Media

  1. ธุรกิจขายสินค้าออนไลน์มากขึ้น เช่น รองเท้า เสื้อผ้า และ อาหารเสริม ซึ่งสามารถทำงานที่บ้านได้ เป็นทั้งธุรกิจหลักและธุรกิจเสริม
  2. ธุรกิจที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เช่น ธุรกิจคลังเก็บสินค้า เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจออนไลน์
  3. ธุรกิจขนส่งที่เป็นสาขาของกิจการขนาดใหญ่ สอดคล้องกับจำนวนการยื่นขอสินเชื่อที่มากขึ้น

 

2. โอกาสใหม่จากการต่อยอดอาชีพเดิมในท้องถิ่น

 

ส่วนใหญ่เป็นการต่อยอดจากพื้นฐานเดิมในภาคเกษตรกรรม ต้องการสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น แรงงานกลุ่มนี้มีที่ดินหรือเคยทำการเกษตรมาก่อน บางส่วนนำเทคโนโลยีทางการเกษตรมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ลดต้นทุนการผลิตเกษตรเดิม และพัฒนาแปรรูปสินค้า ซึ่งช่วยสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นด้วย  

ธุรกิจภาคเกษตร: เกษตรกรรุ่นใหม่ต่อยอดการทำเกษตรของครอบครัวจากการที่เกษตรกรรุ่นใหม่ที่มีความรู้ ความสามารถด้านเทคโนโลยีและระบบเดิมที่มีอยู่แล้ว กลับมาต่อยอดการทำเกษตรแบบเดิม ซึ่งช่วยยกระดับการผลิตและลดค่าใช้จ่ายในครอบครัว ตัวอย่างเช่น

  1. การปลูกผักในโรงเรือน สามารถสร้างรายได้หมุนเวียนให้ครัวเรือนนอกฤดูเพาะปลูกและกลายเป็นรายได้หลักให้กับบางครัวเรือน
  2. การต่อยอดธุรกิจเลี้ยงสัตว์ โดยการปลูกหญ้าเนเปียร์ โดยแบ่งพื้นที่จากเดิมที่เลี้ยงสัตว์อย่างเดียว เพื่อลดต้นทุนอาหารสัตว์ และสร้างรายได้เพิ่มจากการขายให้แก่เกษตรกรรายอื่น และ การเลี้ยงไส้เดือนโดยใช้มูลสัตว์ สร้างรายได้เพิ่มตามเทรนด์ใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
  3. การเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์เกษตร เช่น แป้งกล้วยน้ำว้าชงดื่ม ที่ช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรกรในจังหวัดมหาสารคาม  และแก้ไขปัญหาราคาพืชผลตกต่ำ ปัจจุบันสามารถสร้างแบรนด์สินค้าจากกล้วยเป็นของตัวเองสู่การกระจายรายได้แก่คนในชุมชนได้ 3/

 

 

ในระยะสั้น แรงงานอีสานยังเลือกทำงานในท้องถิ่น ประเด็นสำคัญที่ยังต้องติดตามต่อไป คือ โครงสร้างของตลาดแรงงานเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ยั่งยืนแค่ไหนและสร้างโอกาสแก่ธุรกิจในอีสานได้มากเพียงใด

บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของหน่วยงานที่ผู้เขียนสังกัด

 

หมายเหตุ

1/ ประมาณการจากแบบสำรวจภาวะการมีงานทำของประชากร สำนักงานสถิติแห่งชาติ และข้อมูลจากกรมควบคุมโรค คำนวณโดย ธปท. 

2/ จากเพจ รีวิวขอนแก่น

3/ บทความ จาก เว็บไซต์เทคโนยีชาวบ้าน