จับตาสถานการณ์ทุเรียนไทย...เมื่อคู่แข่งรุก บุกตลาดจีน

ณิชมล ปัญญาวชิโรกุล l กฤตยา ตรีวรรณไชย ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้

26 พ.ค. 2566

          ช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ไทยครองแชมป์ “ผู้ส่งออกทุเรียนอันดับ 1 ของโลก”  โดยเฉพาะในตลาดผู้บริโภคหลักของโลกอย่างจีน ซึ่งไทยครองส่วนแบ่งการตลาดเกือบทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีหลายปัจจัยที่คาดว่าจะเข้ามาสั่นคลอนตลาดทุเรียนไทย ทั้งฝั่งของคู่แข่งที่เข้ามาแย่งชิงตลาดมากขึ้น และผู้บริโภคชาวจีนที่ให้ความสนใจทุเรียนจากประเทศอื่นมากขึ้น บทความฉบับนี้จึงต้องการฉายภาพสถานการณ์ทุเรียนโลกที่กำลังเปลี่ยนไป เพื่อให้ทุกฝ่ายรู้ลึก รู้ทัน และช่วยกันเตรียมรับมือกับความท้าทายของทุเรียนไทยในอนาคต

ตลาดทุเรียนไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากความนิยมบริโภคของจีนที่เพิ่มขึ้น

 

  • ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออกทุเรียนของไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากความต้องการบริโภคทุเรียนของจีนที่เพิ่มขึ้นมาก โดยในปี 2565 มูลค่าการส่งออกทุเรียนไทยทำสถิติสูงสุดที่ 1.24 แสนล้านบาท (รูปที่ 1) ครองแชมป์ผลไม้ส่งออกอันดับ 1 ของไทย
  • ทุเรียนไทยเกือบทั้งหมดส่งออกไปตลาดจีนในรูปของทุเรียนผลสด เนื่องจากเดิมไทยเป็นประเทศเดียวที่จีนอนุญาตให้ส่งทุเรียนผลสดไปขายมานานหลายปี
  • ความนิยมบริโภคทุเรียนของจีนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ราคาทุเรียนปรับตัวสูงขึ้น และเกษตรกรไทยหันมาปลูกทุเรียนมากขึ้น โดยในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา ราคาทุเรียนเพิ่มขึ้นจากเฉลี่ย 33 บาท เป็น 111 บาท/กก.1/ และส่งผลให้พื้นที่ปลูกทุเรียนเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว

สถานการณ์ทุเรียนโลก กำลังเปลี่ยนไปจากเดิม ทั้งฝั่งของผู้บริโภค และคู่แข่งผู้ปลูกทุเรียน

 

"จีนยังต้องการบริโภคทุเรียนอีกมาก แต่เริ่มนำเข้าจากประเทศอื่นมากขึ้น"

 

แนวโน้มความต้องการบริโภคทุเรียนของจีนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจีนเป็นผู้บริโภคหลักที่นำเข้าทุเรียนผลสดสูงถึง 80% ของปริมาณการนำเข้าทั่วโลก (รูปที่ 2) แต่ยังมีโอกาสบริโภคเพิ่มขึ้นได้อีกมาก เนื่องจาก

  1. อัตราการบริโภคทุเรียนต่อคนของจีนยังไม่สูงนัก เมื่อเทียบกับประเทศผู้บริโภคทุเรียนอื่น ๆ (รูปที่ 3) แม้แต่กลุ่มเมืองใหญ่ของจีน2/ ที่เป็นผู้บริโภคหลักในปัจจุบันก็ยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นได้อีกเช่นกัน 
  2. การขนส่งในจีนดีขึ้น การพัฒนาระบบขนส่งโลจิสติกส์ของจีนอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถกระจายสินค้าไปยังเมืองรองด้านในและพื้นที่ชุมชนได้มากขึ้น
  3. จีนเริ่มเปิดใจกับทุเรียนจากชาติอื่น สายพันธุ์อื่นมากขึ้น จากเดิมที่บริโภคทุเรียนหมอนทองจากไทยเป็นหลัก แต่เมื่อไม่นานนี้ ก็ได้อนุญาตให้เวียดนามและฟิลิปปินส์ส่งทุเรียนผลสดมาขายในจีนเช่นกัน
  • เวียดนาม ได้รับใบอนุญาตเป็นประเทศที่สองเมื่อ ก.ค. 65 และได้ส่งทุเรียนหมอนทองเข้าไปขายในราคาใกล้เคียงกับไทย ทำให้ได้ส่วนแบ่งการตลาดไปกว่า 5% (รูปที่ 2) จากเดิมที่ไม่มีเลย
  • ฟิลิปปินส์ ได้รับใบอนุญาตล่าสุดเมื่อ ม.ค. 66 และเริ่มส่งทุเรียนพื้นเมืองพันธุ์ปูยัตเข้าไปให้ชาวจีนได้ลองทาน

ภายใน 5 ปีข้างหน้า จีนมีโอกาสบริโภคเพิ่มขึ้นอีก 1 กก./คน/ปี แปลว่าจะต้องการทุเรียนเพิ่มขึ้นกว่า 1 ล้านตัน

-

ทุเรียนไม่ได้ปลูกเฉพาะในไทย

ไทยไม่ใช่ประเทศเดียวที่สามารถส่งทุเรียนผลสดไปจีนอีกต่อไป

 

แนวโน้มการแข่งขันในตลาดทุเรียนโลกรุนแรงขึ้น ทั้งจากไทยที่ปลูกทุเรียนเพิ่มขึ้นกว่า 8% ต่อปี และประเทศคู่แข่งที่ขยายพื้นที่ปลูกเพื่อบุกตลาดส่งออกมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดทุเรียนผลสดในจีน ที่หลายประเทศเร่งพัฒนาคุณภาพทุเรียนและต่อคิวขอใบอนุญาตส่งออกทุเรียนสดจากจีนเช่นกัน อย่างไรก็ตาม คู่แข่งแต่ละประเทศมีจุดแข็งและระดับความน่ากังวลแตกต่างกัน ดังนี้

ผลผลิตที่พร้อมเข้าสู่ตลาดจีนจะเพิ่มขึ้นเร็ว ซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อราคาทุเรียนในระยะข้างหน้า

 

  • ภายในระยะ 3 ปีนี้ ยังไม่น่ากังวลมาก คาดว่าผลผลิตของคู่แข่งอาจยังเข้าสู่ตลาดจีนไม่มากนัก เนื่องจากต้องใช้เวลาพัฒนาคุณภาพทุเรียน ขึ้นทะเบียนสวนและโรงคัดบรรจุ และทำการตลาดในจีน หากรวมกับผลผลิตของไทยที่จะเพิ่มขึ้น จะเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับแนวโน้มการบริโภคของจีน แต่ราคาอาจถูกกดดันเป็นบางช่วง โดยเฉพาะช่วงที่ผลผลิตไทยและคู่แข่งออกพร้อมกัน
  • แต่ในระยะ 5 ปีข้างหน้า น่ากังวลมากขึ้น เมื่อคู่แข่งเริ่มปรับตัวได้ คาดว่าจะมีผลผลิตที่พร้อมส่งออกไปตลาดจีนเพิ่มขึ้นมาก และอาจมากกว่าแนวโน้มการบริโภคของจีน (Oversupply) ซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อทั้งการส่งออกและราคาทุเรียนของไทย

ทุเรียนไทยยังได้เปรียบอยู่มาก แต่ต้องไม่ชะล่าใจ ควรร่วมมือกันพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

 

แม้ว่าทุเรียนไทยกำลังจะเผชิญกับความท้าทายที่มากขึ้นในอนาคต แต่ไทยเองยังมีข้อได้เปรียบคู่แข่งอยู่มาก โดยเฉพาะเรื่องปริมาณผลผลิตที่มีมาก คุณภาพทุเรียนที่เป็นที่ยอมรับ และประสบการณ์ส่งออกไปตลาดจีนที่ยาวนาน ดังนั้น หากทุกฝ่ายร่วมกันพัฒนาทุเรียนไทยอย่างต่อเนื่อง อาทิ ทำการตลาดในเมืองรองของจีนรวมถึงประเทศอื่น รักษาคุณภาพทุเรียนโดยเฉพาะปัญหาทุเรียนอ่อนช่วงต้นฤดูกาลผลผลิต ส่งเสริมความรู้เรื่องเทคนิคการปลูกทุเรียนเพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่ และบริหารจัดการเส้นทางขนส่งทุเรียนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ก็จะทำให้ไทยสามารถป้องกันตำแหน่ง “แชมป์ส่งออกทุเรียนอันดับ 1 ของโลก” ได้ไม่ยาก

บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของหน่วยงานที่ผู้เขียนสังกัด

 

ที่มา: ประมาณการโดย ธปท. จากสมมติฐาน 1) การนำเข้าทุเรียนของจีนเติบโตราว 15-20% (ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย 5 ปี) และ 2) ผลผลิตทุเรียนโลกที่พร้อมส่งออกเติบโตราว 10-20% (ทยอยเร่งขึ้น โดยเฉพาะปี 2570 เป็นต้นไป จากการเร่งปลูกทุเรียนของคู่แข่งในปัจจุบัน และคาดว่าประเทศมาเลเซีย ลาว และกัมพูชา จะได้รับใบอนุญาตส่งออกทุเรียนผสลดไปจีนได้แล้ว)