​ทุนพระราชทาน รัชกาลที่ 10

แสงทองจากฟ้าส่องสว่างทั่วแดนดิน

สำหรับนักเรียนผู้ขาดโอกาส การได้รับทุนการศึกษาไม่เพียงทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้พวกเขามุ่งมั่นและมีเป้าหมายที่จะทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ และกลายเป็นทรัพยากรบุคคลที่ทรงคุณค่าในอนาคต BOT พระสยาม MAGAZINE ฉบับนี้น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 จึงขอนำเสนอพระเมตตาด้านการศึกษาผ่านประสบการณ์ของผู้ได้รับทุนการศึกษาพระราชทานฯ 3 ท่าน


ทุนการศึกษาพระราชทาน พระมหากรุณาธิคุณแห่งสยามินทร์

 

ส.ต.อ.ณัฐพล สุตาวงค์ (ผู้บังคับหมู่ สังกัดกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรจังหวัดยะลา กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ)

 

“สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.10 ทรงมีพระราชปณิธานมุ่งมั่นที่จะสร้างโอกาสให้เยาวชนเติบโตขึ้นเป็นกำลังของชาติ โดยพระองค์ทรงเล็งเห็นความสำคัญของการศึกษา ทรงมีพระราชดำริให้จัดทำ ‘โครงการทุนการศึกษาพระราชทานในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ’ ขึ้นเมื่อปี 2552 และต่อมาทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้ง ‘มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทานฯ’ และพระองค์ทรงเป็นองค์ประธาน เพื่อเสริมสร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่เยาวชนที่ยากจนได้มีโอกาสทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของเหล่านักเรียนทุนพระราชทานฯ ทุกคน

 

“ตัวผมเองเป็นหนึ่งในนักเรียนทุนพระราชทานฯ รุ่นที่ 1 ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน นับเป็นโอกาสยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเด็กชายคนหนึ่งที่ไม่มีพ่อและแม่คอยให้คำแนะนำชี้ทางอนาคต เนื่องจากท่านแยกทางกันตั้งแต่ผมยังเด็ก ผมจึงต้องอาศัยอยู่กับตาและยาย จากเส้นทางที่มืดมนจึงเหมือนมีแสงสว่างชี้นำทางชีวิตอยู่เสมอ

 

“เมื่อจบการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลาย ผมมีโอกาสสอบและได้รับคัดเลือกเข้ารับการฝึกอบรมนักเรียนนายสิบตำรวจ และบรรจุเข้ารับราชการตำรวจ สังกัดตำรวจภูธรจังหวัดยะลา โดยผมสมัครใจที่จะขอปฏิบัติงานในเขตพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อสร้างความสงบสุขแก่ประชาชน อีกทั้งเข้ารับการถวายความปลอดภัยพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ที่เสด็จทรงงานในพื้นที่อีกด้วย ผมภูมิใจที่ได้ยืนในจุดนี้

 

“ทุกวันนี้ มีคนถามผมว่าทำไมจึงคิดอาสาที่จะอยู่ในพื้นที่เสี่ยงอันตราย ผมคิดว่าถ้าทุกคนขอไปปฏิบัติหน้าที่ในจุดที่สบาย ก็จะไม่มีใครทำหน้าที่ปกป้องประชาชน สร้างความสงบสุขในพื้นที่นี้ ผมจึงมุ่งมั่นอาสาปฏิบัติหน้าที่เพื่อตอบแทนแผ่นดินเกิดตามปณิธานของผม คือ ตอบแทนคุณแผ่นดิน ตราบสิ้นลมหายใจ”


ขอเป็นข้าฝ่าละอองธุลีพระบาทสนองพระมหากรุณาธิคุณ

 

ส.ต.ท.อมรเทพ วงศ์พรประดิษฐ์ (ผู้บังคับหมู่ ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า ด่านตรวจคนเข้าเมือง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สังกัดกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง)

 

“ผมและครอบครัวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ พระองค์พระราชทานโอกาสให้ผมซึ่งครอบครัวมีฐานะยากจนได้รับทุนการศึกษาพระราชทานฯ พระองค์ทรงเห็นความสำคัญทางการศึกษาของเด็กไทยซึ่งจะต้องเติบโตเป็นบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ และนำความรู้นั้นช่วยกันพัฒนาประเทศ

 

“การได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ได้รับทุนฯ ในครั้งนี้ ทำให้ผมมีกำลังใจและตระหนักว่าต้องตั้งใจศึกษาเล่าเรียนเพื่ออนาคต สร้างความดี ช่วยเหลือสังคม ขยันมุ่งมั่นตั้งใจในการพัฒนาตนเอง เพื่อทำประโยชน์ส่วนรวมอย่างสูงสุดและรับใช้ประเทศชาติต่อไป

 

“ผมมีความใฝ่ฝันอยากรับราชการตำรวจมาตั้งแต่เด็ก ถึงแม้มีรูปร่างเล็ก เพราะคิดว่าเป็นอาชีพที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้ พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ทำให้ผมมุ่งมั่น ขยัน อดทน ตั้งใจเรียนมากกว่าเดิม และหมั่นทำความดี ทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ความตั้งใจ ความพยายาม ทำให้ผมทำตามความฝันได้สำเร็จ สอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนนายสิบตำรวจได้สมดั่งตั้งใจ

 

“เมื่อจบการศึกษาจากศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธร ภาค 2 ผมเลือกบรรจุตำแหน่งที่ สภ.แปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยปฏิบัติหน้าที่เป็นตำรวจชุดสืบสวน และปัจจุบันผมรับราชการตำรวจในตำแหน่งผู้บังคับหมู่ ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า ด่านตรวจคนเข้าเมือง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ

 

“ผมตั้งปณิธานไว้ว่า เมื่อเข้ามารับราชการตำรวจ ผมจะตั้งใจทำงานรับใช้ประชาชนตามหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ปราบปรามผู้กระทำผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะผมคิดว่าอาชญากรรมส่วนใหญ่ในประเทศมีสาเหตุมาจากยาเสพติดทั้งสิ้น ผมต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไข ทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ เพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท นอกจากนี้ ผมได้น้อมนำพระราชดำรัสสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานให้แก่นักเรียนทุน ความว่า ‘เรียนดี ความรู้ดี การงานดี ชีวิตสดใส ทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ มีความสุข’ มาปฏิบัติทั้งในชีวิตส่วนตัว และในการปฏิบัติงาน โดยจะนำความรู้ความสามารถที่มีมาช่วยพัฒนาประเทศชาติ

 

“แม้ว่าหลายครั้งที่ปฏิบัติหน้าที่จะเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต แต่ก็คุ้มค่า เพราะผลจากการปฏิบัติหน้าที่ในงานสืบสวนอย่างเต็มที่ ตลอดระยะเวลา 4 ปี ทำให้ผมได้รับประกาศเกียรติคุณ เป็นข้าราชการตำรวจที่มีผลงานในด้านการปราบปรามยาเสพติดดีเด่น ประจำปี 2559 จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง และเป็นเครื่องพิสูจน์ตนเองจากการทำงาน แม้ว่าปัจจุบัน ผมย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง อย่างไรก็ดี ผมก็ยังมีปณิธานแน่วแน่ที่จะกลับไปปฏิบัติหน้าที่สืบสวนจับกุมผู้กระทำผิด โดยเฉพาะคดียาเสพติด และต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการยุติปัญหายาเสพติดของประเทศ และเพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”


เมื่อหยาดฝนตกต้องผืนดินแห้งระแหง

 

ว่าที่ ร.ต.กฤษดา กิจโสภี (นายทหารระบบสื่อสารข้อมูลและเทคโนโลยีเฝ้าตรวจ สังกัดกองกิจการอวกาศ ศูนย์วิจัยพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีการบินและอวกาศกองทัพอากาศ)

 

“ด้วยน้ำพระราชหฤทัยของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ที่พระองค์ทรงเล็งเห็นถึงนักเรียนที่มีฐานะครอบครัวยากจน ยากลำบาก จึงได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นทุนการศึกษา ผมเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับพระราชทานทุนการศึกษาตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย จนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี

 

“ผมเป็นแค่เด็กบ้านนอกคนหนึ่ง มองไปทางไหนก็เจอแต่ทุ่งนารายล้อม เป็นเพียงจุดเล็ก ๆ ในสังคม แต่พระองค์ไม่ทรงมองข้ามเด็กที่มีความยากลำบากอย่างผมเลย ผมคิดว่าทุก ๆ คนอาจจะมีความฝัน เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาเป็นแรงกระตุ้นให้ทำสำเร็จ พอมีทุนนี้เข้ามาเหมือนเป็นพลังที่คอยกระตุ้นให้ผมก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

 

“ความรู้สึกในวันที่ครูแนะแนวเดินมาบอกผมว่า ‘กฤษดา เธอได้รับคัดเลือกเป็นนักเรียนทุนของพระองค์ท่านแล้วนะ’ วินาทีนั้นผมน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เนื่องด้วยฐานะทางบ้านไม่มั่นคง ทำให้ผมเคยคิดว่า อนาคตจะได้เรียนหรือเปล่าก็ไม่รู้ การได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่นี้เป็นเหมือนลมหายใจมาต่อชีวิต วันที่ได้เข้าวังศุโขทัยเพื่อรับพระราชทุนกับพระหัตถ์ของพระองค์ท่าน ผมเชื่อว่านักเรียนทุนทุกคนคงจำความรู้สึกได้ดีและมิอาจลืมเลือนไปจากชีวิต เป็นความรู้สึก ที่ตื้นตันใจมากจนยากที่จะบรรยาย

 

“สำหรับผม ทุนนี้เป็นยิ่งกว่าทุนการศึกษา เพราะทำให้ผมได้ครอบครัวผมกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์ ก่อนได้รับทุน พ่อแม่ผมแยกทางกัน พ่อติดเหล้ามาก เหลือเพียงแม่ที่เป็นเสาหลักเลี้ยงดูครอบครัวมาด้วยความยากลำบาก พอผมได้รับคัดเลือกให้ได้รับทุน พ่อผมต้องเซ็นข้อตกลงร่วมกับทางมูลนิธิฯ ซึ่งข้อตกลงนั้น คือ พ่อต้องเลิกเหล้า

 

“เมื่อพ่อทราบว่าผมได้รับคัดเลือกแล้ว พ่อดีใจมาก และสัญญากับผมว่าจะเลิกเหล้าให้ได้ หลังจากวันนั้นพ่อหยุดดื่มเหล้าทันที เลิกอย่างเด็ดขาด กลับมาอยู่กับแม่ กลับมาอยู่กับครอบครัว ผมจึงเหมือนได้ชีวิตใหม่ เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เปลี่ยนจากดำเป็นขาว ได้ครอบครัวกลับคืนมา และได้รับความอบอุ่นจากพ่อแม่อย่างเต็มที่

 

“สิ่งที่ได้รับอีกประการหนึ่งคือ ประสบการณ์การฝึกงานที่สภาพัฒน์ฯ ในช่วงปิดเทอม นอกจากเป็นการหารายได้เสริมแล้ว ผมยังได้นำทักษะต่าง ๆ จากการปฏิบัติงานกับองค์กรระดับชาติมาใช้ในการทำงานรับราชการทหารอากาศ ตำแหน่งนายทหารระบบสื่อสารข้อมูลและเทคโนโลยีเฝ้าตรวจ แผนกระบบสื่อสารข้อมูลและเทคโนโลยีเฝ้าตรวจ กองกิจการอวกาศ ศูนย์วิจัยพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีการบินและอวกาศกองทัพอากาศอย่างเต็มที่อีกด้วย

 

“ผมคิดว่าหากผมและบรรดานักเรียนทุนพระราชทานจะตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ชีวิตนี้คงตอบแทนได้ไม่หมด แต่สิ่งที่พวกเราทุกคนทำได้คือตั้งใจจะทำความดีตอบแทนแผ่นดินตราบสิ้นลมหายใจ ดั่งพระราชปณิธานของพระองค์ที่ทรงมุ่งมั่นในการเสริมสร้างโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม

 

“ผมขอตั้งปณิธานว่าไม่ว่าผมจะอยู่ในสถานภาพใด ผมจะขอเป็นแรงเล็ก ๆ ที่จะตอบแทนคุณแผ่นดิน ตอนนี้ผมได้เป็นข้าราชการตามที่ตั้งใจ ผมจะปฏิบัติหน้าที่ของตนเองให้เต็มที่ สุดกำลังความสามารถ ทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดี ทำสิ่งที่ดี ไม่คิดทรยศแผ่นดินเกิด จะปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับด้วยความซื่อสัตย์สุจริต จริงใจ พัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอให้ก้าวทันโลก เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพของประเทศชาติต่อไป”


ทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ

 

 

ที่มาภาพ : www.weloveking.com

 

 

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้ดำเนินโครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ขึ้นเมื่อปี 2552 ทรงให้นำพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์และเงินบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศล มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตามพระราชปณิธานที่มุ่งสร้างความรู้ สร้างโอกาสแก่เยาวชนไทยที่มีฐานะยากจนลำบาก แต่ประพฤติดี มีความสามารถในการศึกษา ให้ได้รับโอกาสทางการศึกษาที่มั่นคง ต่อเนื่องในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจนสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีตามความสามารถของแต่ละคน

 

ต่อมา ในปี 2553 ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้ง “มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (พระนามก่อนขึ้นทรงราชย์) หรือ ม.ท.ศ.” ขึ้น โดยทรงเป็นองค์ประธานกรรมการ ทรงให้นำโครงการทุนการศึกษาฯ มาอยู่ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิฯ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืนสืบต่อไป โดยให้มีการทำสัญญารับทุนและชดใช้ทุนภายใต้เงื่อนไขเมื่อจบการศึกษา ให้ชดใช้ทุนพระราชทานด้วยการเข้าสู่เส้นทางอาชีพอย่างมั่นคง ตามที่โครงการทุน ม.ท.ศ. จะเชื่อมโยงตำแหน่งงานรองรับสู่การเป็นข้าราชบริพารในพระองค์ฯ การทำงานในภาครัฐ หรือการทำงานในสายงานความมั่นคง ทหาร ตำรวจ

 

สามารถศึกษารายละเอียดโครงการ ได้ที่