ว่ากันว่าช่วงเวลาของการเริ่มต้นปีใหม่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่ทำให้หลายคนได้ทบทวนชีวิตในช่วงปีที่ผ่านมา และตั้งเป้าหมายในสิ่งที่ตั้งใจจะทำต่อไปเพื่อให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้น แต่ดูเหมือนว่า ปี 2563 นี้จะเริ่มต้นด้วยความท้าทายแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน โดยไม่มีใครรู้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อใด

 

ในช่วงนี้สิ่งที่หลายคนทำเป็นกิจวัตรประจำวัน นอกจากการติดตามข่าวเกี่ยวกับโรคไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด 19 (COVID-19) แล้ว หลายพื้นที่ก็ต้องตรวจสอบค่าฝุ่น PM 2.5 ด้วย ซึ่งข้อมูลที่ได้รับเกือบตลอดเวลาอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในหลาย ๆ ด้าน เช่น จากเดิมที่ไม่ต้องกังวลกับการเดินทางไปในที่แออัด หรือในเรื่องสุขอนามัยมากนัก แต่ตอนนี้ต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังและมีอิสระลดลง การขอความร่วมมือเรื่อง social distancing หรือการรักษาระยะห่างทางสังคม ก็ทำให้ไม่สามารถสัมผัสหรือใกล้ชิดบุคคลในครอบครัวหรือเพื่อน ๆ อย่างเคยได้ และถ้าต้องออกจากบ้านก็ต้องไม่ลืมพกอุปกรณ์ยังชีพยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ และหลายคนก็จำเป็นต้องมีเครื่องฟอกอากาศหลากชนิดติดบ้าน ติดรถ ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นของหายาก แปรผันตามสถานการณ์ และความจำเป็นที่ต้องใช้ ทั้งยังกระทบกับเงินออมและแผนการเงินที่วางไว้แล้วของหลาย ๆ คน

 

ดังนั้น คงไม่ผิดหากจะพูดว่าปัญหาทั้งโควิด 19 และฝุ่น PM 2.5 ล้วนเป็นปัญหาใหญ่ตรงกันข้ามกับขนาดของมันไปมาก แต่หากลองมองให้ดี ในทุกวิกฤติล้วนมีโอกาส ไปดูกันว่ามีอะไรบ้างที่เราสามารถเรียนรู้ ร่วมมือร่วมใจลงมือทำ เพื่อทำให้ตัวเราและคนรอบข้างมีความสุขผ่านความลำบากในช่วงนี้ไปได้


ดูแลสุขภาพกาย

 

 

สิ่งที่ทุกคนทำได้ก็คือการดูแลรักษาสุขภาพ ร่างกายของตนเองให้แข็งแรง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่ถ้าใครชอบออกกำลังกายเป็นหมู่คณะ ก็คงจะดีกว่าที่จะเปลี่ยนวิธีใหม่ เช่น เปิดคลิปออกกำลังกายแล้วทำตามคนเดียว เดินเล่นรอบหมู่บ้านตอนปลอดคน หรือซื้ออุปกรณ์ออกกำลังตามกำลังทรัพย์มาเสริมเพื่อเล่นในบ้าน รวมทั้งควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และควรระมัดระวังเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษด้วยการรับประทานอาหารถูกหลักโภชนาการ คือของร้อนและสุก ใช้ช้อนของตัวเอง หมั่นล้างมือ รวมถึงงดไปสถานที่แออัด หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องป้องกันตนเองโดยใส่หน้ากากอนามัย ปิดปาก และจมูกเมื่อไอหรือจามทุกครั้งด้วยกระดาษเช็ดหน้าแล้วทิ้งกระดาษที่ใช้งานแล้วลงในถังขยะที่มีฝาปิดทันที หรืออาจจามใส่ข้อพับแขนด้านใน หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการคล้ายหวัดหรือไข้หวัดใหญ่ และไม่เดินทางไปพื้นที่เสี่ยงตามที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศ หากเกิดข้อสงสัยหรือไม่แน่ใจในอาการของโรค สามารถติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422


ดูแลสุขภาพใจ

 

 

เมื่อดูแลสุขกายกายแล้ว ก็ต้องหันมาดูแลสุขภาพใจเช่นกัน หากเกิดอารมณ์เชิงลบ เช่น เครียด กังวล จากการรับข้อมูลข่าวสารที่หลั่งไหลเข้ามาในแต่ละวัน หมั่นทบทวนหาสาเหตุแล้วเขียนลงบนกระดาษ รวมทั้งลองคิดถึงวิธีการแก้ปัญหา เพื่อช่วยให้ได้วิธีการที่เป็นรูปธรรมและลดการคิดวนเวียน นอกจากนี้ อาจทำกิจกรรมอย่างอื่นที่ทำแล้วรู้สึกสบายใจ ผ่อนคลาย และช่วยเพิ่มปฏิสัมพันธ์กับคนในบ้าน เช่น ดูหนังตลก ฟังเพลงสนุก ๆ โดยต้องเป็นกิจกรรมที่ไม่เพิ่มความเสี่ยงในการแพร่หรือติดเชื้อ หรือพูดคุยปัญหาความไม่สบายใจ ความกังวลต่าง ๆ กับคนที่ไว้วางใจ การได้พูดคุยระบายความรู้สึก ณ ขณะนั้นออกมา จะช่วยคลายความเครียด ความกังวล และอาจช่วยให้ค้นพบทางออกที่ดีแีละเหมาะสมก็ได้ หากมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกิดขึ้นโดยฉับพลัน การตั้งสติจะช่วยให้ใจสงบ มั่นคง และคิดแก้ปัญหาได้ดีขึ้น ซึ่งทำได้ง่าย ๆ ด้วยการรับรู้ลมหายใจเข้า - ออก 10 ครั้งอย่างช้า ๆ และต่อเนื่อง แต่หากความเครียดที่มีกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันหรือการทำงานอย่างชัดเจน เช่น ประสิทธิภาพและสมาธิในการทำงานลดลง หรือรู้สึกอยากทำร้ายตัวเอง ควรรีบปรึกษาจิตแพทย์ หรือสายด่วนสุขภาพจิต โทร. 1323


ฝึกบริหารเงินเพื่อพร้อมรับเหตุฉุกเฉิน

 

 

หลายคนคงเคยได้ยินถึงความสำคัญของเงินออมเผื่อฉุกเฉินมาบ้างแล้ว เงินออมก้อนนี้เป็นเงินออมที่ทุกคนควรมีไว้เพื่อรองรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น เกิดอุบัติเหตุ ตนเองหรือคนในครอบครัวเจ็บป่วยกะทันหัน หรือการตกงาน หรือขาดรายได้โดยไม่ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า เงินออมส่วนนี้จะทำให้เราสามารถใช้ชีวิตตามปกติต่อไปได้อีกอย่างน้อย 3 - 6 เดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถานการณ์ในตอนนี้ส่งผลให้คนส่วนใหญ่งดการเดินทาง เที่ยวและสังสรรค์ ทำให้บริษัทที่ได้รับผลกระทบในเรื่องของรายได้และรายจ่ายไม่เพียงพอต้องออกมาตรการขอให้พนักงานลาหยุดโดยไม่รับเงินเดือนด้วยความสมัครใจไปก่อน หรือลดการจ่ายเงินเดือนลงจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ซึ่งมีแนวโน้มที่จะกระทบถึงธุรกิจอื่น ๆ เป็นลูกโซ่ เงินออมเผื่อฉุกเฉินของแต่ละคนในเวลานี้ จึงเหมือนเป็นเกราะป้องกันที่ทำให้ผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงไม่บาดเจ็บหรือไม่เจ็บหนัก ส่วนผู้ที่มีความเสี่ยงจะได้รับผลกระทบในอนาคต หรือแม้แต่ผู้ที่ไม่ได้รับผลกระทบเลยก็ตาม แนะนำว่าควรมีเงินออมเผื่อฉุกเฉินนอกเหนือจากเงินออมปกติเพื่อเป้าหมายอื่น ๆ ไว้ด้วยเช่นกัน เพราะไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันใดเกิดขึ้นกับตัวเองหรือไม่ เมื่อไหร่ สำหรับตัวเลขเงินออมเพื่อฉุกเฉินที่เหมาะสม พร้อมเทคนิค 1 ลด 3 เพิ่มตัวช่วยในการออมเงินเผื่อฉุกเฉินให้อยู่หมัด สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่คอลัมน์เรื่อง ลดเสี่ยง เพิ่มสุข ด้วยเงินออมเผื่อฉุกเฉิน

 

อย่างไรก็ดี การแก้ปัญหาระยะสั้นในช่วงนี้ ให้ลองคาดคะเนสถานการณ์ว่า หากตกงานหรือรายได้ลดลงตอนนี้ และจะยังคงเป็นแบบนี้ไปต่อเนื่อง 6 เดือน หรือ 1 ปี ทั้ง 2 ช่วงนี้เราจะมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง แล้วจึงมาทบทวนดูว่าเงินสำรองในตอนนี้มีอยู่เท่าไหร่ หักลบกันแล้วเหลือหรือขาดเงินมากน้อยเพียงใด ถ้าขาดจะทำอะไรได้บ้าง เช่น สามารถลดค่าใช้จ่ายรายการใด หารายได้เพิ่มจากการทำงานอะไร มีทรัพย์สินใดที่พอจะขายไปได้บ้างเพื่อให้มีเงินพอใช้

ในส่วนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาตรการหลายมาตรการเพื่อให้สถาบันการเงินให้ความช่วยเหลือประชาชน ผู้ประกอบการ รวมทั้งการแก้ไขปัญหาสภาพคล่องในตลาดเงิน ซึ่งสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ ธปท. (www.bot.or.th) หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1213


ร่วมรับผิดชอบต่อสังคม

 

เรื่องความมีน้ำใจและการแบ่งปันของคนไทยคงไม่แพ้ชาติใดในโลกและเป็นสิ่งที่หล่อหลอมประเทศให้น่าอยู่ ทว่าท่ามกลางสถานการณ์ที่เปราะบางในปัจจุบัน การแบ่งปันข่าวแบบไม่รอบคอบ เน้นความเร็วโดยไม่ได้ตรวจสอบแหล่งที่มาและความน่าเชื่อถือของข่าวก่อน เป็นเรื่องที่ไม่พึงกระทำ เพราะไม่ใช่ทุกคนจะสามารถแยกแยะข้อมูลข่าวสารได้เอง ดังนั้น ในฐานะผู้ส่งสารที่ดีควรตรวจสอบข้อเท็จจริงและส่งต่อข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือเท่านั้น ไม่ส่งต่อข้อมูลที่สร้างความตระหนก แตกตื่น หรือสร้างความเข้าใจผิดออกไปในวงกว้าง

 

การตระหนักในความรับผิดชอบต่อสังคมจึงมีความสำคัญในช่วงเวลาที่ประเทศต้องเผชิญกับภาวะวิกฤติ โดยเฉพาะเรื่องของการสื่อสารที่สมัยนี้ใคร ๆ ก็เข้าถึงได้โดยง่าย ดังนั้น การแชร์และการโพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ควรเป็นบทความหรือข่าวสารที่ถูกต้องทางการแพทย์ หรือแนวทางดี ๆ ในการดูแลร่างกายและจิตใจที่จะเป็นประโยชน์กับคนในสังคม

 

และหากมองในแง่ดีในสถานการณที่เลวร้ายก็ยังมีสิ่งที่ดีซ่อนอยู่หลายเรื่อง นั่นก็คือการได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกัน รู้จักปรับตัวเพื่อสังคมมากขึ้น เช่น การปฏิบัติตนตามที่ได้รับคำแนะนำอย่างเคร่งครัด การใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันฝุ่นและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส แม้ว่าการใส่หน้ากากอนามัยจะทำให้หายใจไม่สะดวกบ้าง หรือการยอมงดท่องเที่ยวเดินทางที่ได้เตรียมการหรือจ่ายเงินไปแล้วบ้าง ซึ่งเรื่องแบบนี้คงยากที่จะตัดสินใจสำหรับหลาย ๆ คน แต่ขอให้ผู้ที่ได้เสียสละในครั้งนี้เชื่อและภูมิใจว่านี่เป็นการกระทำด้วยจิตสาธารณะที่น่ายกย่องอย่างหนึ่งเพื่อรักษาชีวิตของตนเองและผู้อื่นด้วยการลดความเสี่ยงการแพร่และติดเชื้อในสังคมที่มีหลายชีวิตอาศัยอยู่ร่วมกัน

 

อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญคือ การปฏิบัติตนต่อผู้ติดเชื้อและบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาทั้งผู้ที่เรารู้จักและไม่รู้จักด้วยการแสดงความเห็นใจและให้กำลังใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากและช่วยให้ทุกคนมีความสุขมากขึ้นเพื่อผ่านปัญหาไปด้วยกันได้อย่างมีพลัง

 

ในช่วงเวลาแบบนี้ความสุขอาจจะหาได้ยาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย เพราะทุกคนสามารถมีความสุขได้จากการมีพื้นฐานทางร่างกายและใจที่ดี ที่สำคัญหากมีภูมิคุ้มกันทางการเงินด้วยก็จะเป็นเกราะป้องกันชั้นดีที่จะช่วยให้ผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤติแบบนี้ไปได้ไม่ยาก และเป็นโอกาสทองที่จะได้เรียนรู้ที่จะอยู่กับความเป็นจริง รู้จักปรับตัว ในการใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป มีสติมากขึ้น ได้เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท และพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อน รวมทั้งได้ฝึกทำให้ตัวเองและคนรอบข้างมีความสุขท่ามกลางความท้าทายหลายอย่างที่ล้อมรอบตัวเราอยู่

 

 

หมายเหตุ :

(1) ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจากราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทยและองค์การอนามัยโลก

            

(2) บทความ "สุขกันเถอะเรา" เขียนเมื่อเดือนมีนาคม 2563



>> ดาวน์โหลด PDF Version

>> อ่าน e-Magazine