พุ่งสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ในแบบฉบับ

โปรโม-โปรเม

 

 

โม - โมรียา และเม - เอรียา จุฑานุกูล ในวัย 26 และ 25 ปี เป็นคู่พี่น้องนักกอล์ฟหญิงมือวางอันดับต้น ๆ ของโลกที่หวดวงสวิงคว้าแชมป์เมเจอร์ต่อเนื่องหลายรายการ สร้างความภูมิใจให้แฟนกอล์ฟชาวไทย และเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กรุ่นใหม่หลายคนที่ฝันอยากเป็นนักกีฬาระดับโลกอย่างพวกเธอ ความสำเร็จระดับนี้ ทั้งหมดเกิดจากการการที่พวกเธอฝึกซ้อมและลงแข่งขันซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ในวันนั้นที่ถือไม้กอล์ฟแทนตุ๊กตา และมีสนามกอล์ฟเป็นสนามเด็กเล่น โปรโมและโปรเมได้เปิดเผยถึงช่วงเวลากว่าจะมาเป็นวันนี้เพื่อให้ทุกคนได้รู้จักตัวตนของพวกเธอมากขึ้น

 


ไม่หยุดวิ่งสู่เป้าหมาย

 

 

ในวัย 7 ขวบและ 5 ขวบ โมและเมเริ่มจับไม้กอล์ฟในร้านขายอุปกรณ์กอล์ฟของคุณพ่อ เพราะคุณพ่อคุณแม่ไม่ซื้อของเล่นให้ "เหมือนเรา เล่นมาสนุก ๆ ซึ่งได้เรียนรู้อะไรจากกอล์ฟเยอะมาก 'กอล์ฟ' ทำให้พวกเราโตขึ้น เราต้องรับผิดชอบ มีวินัย อยากเป็นคนที่ดีขึ้น และมีเป้าหมายที่ชัดเจน" โปรเมเล่าถึงช่วงเวลานั้น

 

ครอบครัว คือส่วนสำคัญที่ผลักดันทั้งคู่ให้เข้าสู่วงการกอล์ฟ ถึงขนาดยอมขายทรัพย์สินบางส่วนเพื่อให้พวกเธอได้เรียนอย่างนักกอล์ฟมืออาชีพ ทุกเช้าสองพี่น้องต้องไปวิ่งที่โรงเรียนประมาณครึ่งชั่วโมง เรียนจนถึงเที่ยงแล้วซ้อมกอล์ฟจนถึง 6 โมงเย็น รวมถึงต้องว่ายน้ำระยะทางประมาณ 3,000 - 4,000 เมตร เป็นกิจวัตรประจำวัน ตลอด 7 ปีก่อนลงสนามแข่งที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

"ถ้าเป้าหมายยิ่งใหญ่พอ เราจะไม่หยุดทำ ซึ่งเป้าหมายแรกในชีวิตคือ อยากดูแลคุณพ่อคุณแม่" โปรเมกล่าว ขณะที่เป้าหมายของพี่สาวอย่างโปรโมคือ "นักกอล์ฟระดับท็อป 10 ของโลก"

 

"วันหนึ่งถึงทางแยกที่ต้องเลือกว่า จะเรียนหนังสือหรือจะเทิร์นโปร โมเลือกเทิร์นโปร ด้วยความตั้งใจที่อยากจะเล่นรายการ LPGA จนในที่สุดเราได้เข้าไปจริงตอนอายุ 18 ปี มันเทียบได้กับการเรียนจบมหาวิทยาลัย ที่แม้จะดีใจแต่รู้สึกได้ว่า ถึงเวลาต้องไปทางานในโลกความจริง"


ความสำเร็จในแบบฉบับของตัวเอง

 

เส้นทางในสนามกอล์ฟไม่ง่าย ในการแข่งขันครั้งแรก ๆ พวกเธอพ่ายแพ้และเก็บถุงกอล์ฟกลับบ้าน แต่นั่นทำให้ทั้งคู่อยากจะพัฒนาตัวเองมากยิ่งขึ้น

 

"แชมป์รายการแรกของเมได้มายากเหมือนกันเพราะเราเฉียตลอด ตอนนั้นพยายามทำทุกทางเพื่อให้ได้แชมป์ จุดไหนที่รู้ว่าเราทำได้ดีกว่านั้นอีกเราจะทำ เช่น พัตต์สั้นไม่ดีก็ซ้อมแต่ลูกนั้น จนสุดท้ายเราก็ทำสำเร็จ ชัยชนะที่ภูมิใจที่สุดคือรายการ US Open ในปี 2561 ที่ตอนแรกนำไปเยอะมากแต่ตอนท้ายต้องมาแข่งขัน playoff กัน เป็นช่วงที่ตื่นเต้น กดดันและเครียด บอกตัวเองให้ทำทุกช็อตให้ดีที่สุด ไม่ใช่เพื่อชัยชนะ แต่เพื่อความภูมิใจของตัวเอง" นั่นคือความพยายามในแบบฉบับโปรเม

 

ฝั่งพี่สาวอย่างโปรโมเฝ้ารอชัยชนะครั้งแรกนานถึง 5 ปีจนเกิดแรงกดดันจากคำพูดของใครต่อใครมากมาย "บางคนบอกว่า เป็นนักกอล์ฟที่ดีต้องตีไกล แต่โมเชื่อว่าเราเป็นนักกอล์ฟที่ดีในแบบที่เราเป็นได้ อย่ากลัวที่จะต่าง อย่างเมกับโมเองก็ต่าง เมก็ประสบความสำเร็จในแบบของเม และโมเองก็ประสบความสำเร็จในแบบของโม"

 

จนถึงวันนี้ ทั้งคู่ยังไม่หยุดพัฒนาเพื่อเป็นนักกอล์ฟที่ดีที่สุดในแบบของตัวเอง และได้ส่งต่อโอกาสให้กับเด็ก ๆ ที่มีความฝัน แบบเดียวกันด้วยการก่อตั้งมูลนิธิ Moreya Areya Foundation "เราไม่ได้คิดว่าเราดีหรือเก่งที่สุด แต่การส่งต่อให้คนอื่นได้มีโอกาสที่ดีขึ้น มันเป็นการเติมเต็มตัวเองด้วย ในตอนนั้นเมเป็นมือสองของโลกมาเป็นปี ๆ ก็ไม่เคยรู้สึกอะไร เพราะได้อยู่กับครอบครัว ได้ใช้ชีวิต จนวันหนึ่งที่อยากจะช่วยเหลือเด็ก ๆ จึงรู้สึกว่าจะทำทุกอย่างให้เป็นมือหนึ่งให้ได้"

 

เมื่อความฝันเป็นจริง โปรเมพบว่าภายใต้ความสุข มีความกดดันตามมา โดยเฉพาะเมื่ออันดับร่วงลงมาในระดับท็อป 10 หรือท็อป 5 จนกระทั่งตกรอบหลายรายการติดกัน ในตอนนั้นเพียงแค่จับไม้กอล์ฟ เธอก็ร้องไห้แล้ว แต่สุดท้ายก็กลับมายืนหยัดได้เพราะกำลังใจจากครอบครัวและการไม่เคยหยุดพยายาม

 

"เราเรียนรู้ที่จะอยู่กับเป้าหมายของเราและทำทุกอย่างได้แบบไม่กดดัน นักกีฬาทุกคนย่อมมีช่วงที่ท้อแท้ แต่สิ่งหนึ่งที่บอกตัวเองตลอด คือ ตราบใดที่ยังเป็นมนุษย์ เราต้องเจอความผิดพลาด ความท้อแท้เป็นธรรมดา ไม่มีใครขึ้นตลอดหรือลงตลอด ดังนั้นจึงพยายามทำทุกวันให้ดีที่สุด"

 

เราจึงได้เห็นเมรียา "ยิ้ม" ก่อนจะ "พัตต์" จนกลายเป็นซิกเนเจอร์ประจำตัว เพราะเธอเชื่อว่าเมื่อทำอะไรแล้วมีความสุขจะทำออกมาได้ดี


ความสุขนอกสนาม

 

แม้ว่าวันนี้ พวกเธอประสบความสำเร็จในเส้นทางนักกอล์ฟมืออาชีพแล้ว แต่ชีวิตยังมีอีกหลายมิติให้เรียนรู้ "ปีนี้เป็นปีที่ได้เรียนรู้หลายอย่าง กอล์ฟเป็นสิ่งที่สำคัญมากในชีวิต แต่ก็ไม่ใช่ทุกอย่าง เราจึงเรียนรู้ที่จะรักษาสมดุลและทำอีกหลายเรื่องให้ดีขึ้น ถ้าอยู่บ้านที่สหรัฐอเมริกาก็จะทำอาหาร เมอยากกินอะไร เราก็ไปหาวิธีทำ" โปรโมเล่าถึงชีวิตนอกสนามกอล์ฟ

 

อีกบทบาทของโปรโม คือ เป็นครูสอนตีกอล์ฟให้กับเด็กรุ่นใหม่เรื่องนี้โปรเมน้องสาวเป็นคนออกปากเล่า เพราะเธอได้นั่งฟังการสอนด้วย "บางสิ่งที่โมสอนเป็นสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อน ขนาดเรียนมาด้วยกันโค้ชคนเดียวกัน นั่นทำให้รู้ว่า นักกอล์ฟแต่ละคนไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน"

 

มากไปกว่านั้น ทั้งสองได้มีส่วนร่วมกับโครงการรักษ์ป่าน่านหลังจากได้ฟังคุณบัณฑูร ล่ำซำเล่าถึงสถานการณ์ป่าในจังหวัดน่านก็ได้ปลุกความสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมให้เกิดขึ้นในใจทั้งคู่ "ป่าน่านที่ถูกทำลาย เป็นป่าที่มีความสำคัญต่อประเทศมากเพราะกว่าร้อยละ 45 ของปริมาณน้ำที่ไหลไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยามาจากป่านี้ ซึ่งเมื่อก่อนเมไปแข่งที่น่านทุกปี รู้สึกได้เลยว่าร้อนขึ้นทุกครั้งที่ไป และหลังจากไปที่ป่าน่านก็เห็นว่า พื้นที่ป่ามันหายไปแล้วจริง ๆ"

 

โปรโมก็คิดไม่ต่างกัน เธอมองว่าปัญหาที่ป่าน่านเผชิญไม่ใช่เรื่องของคนในพื้นที่เท่านั้น แต่เป็นเรื่องที่ทุกคนมีส่วนร่วมได้ "โมเป็นคนกรุงเทพฯ เวลามีคนบอกให้แยกขยะ ก็รู้สึกว่ามันยุ่งยากมากเลยพอเราได้เรียนรู้หลักการง่าย ๆ คือ ใช้ให้คุ้ม ก็เริ่มเปลี่ยนไป ซึ่งโมก็เห็นหลายคนเริ่มทำ เช่น ถือกระติกไปซื้อกาแฟ การแยกขยะเป็นเรื่องง่าย ๆ เริ่มต้นจากพลาสติกที่หลายคนมองว่าเป็นผู้ร้าย แต่ความจริงเอาไปหมุนเวียนใช้ได้ แต่พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวและทิ้ง นี่ล่ะคือผู้ร้าย เช่น หลอดพลาสติก แค่ใช้ให้เป็น และทิ้งให้ถูก เท่านี้ก็ช่วยได้มาก"

 

ทุกสิ่งที่พวกเธอทำ สะท้อนความคิดและความมุ่งมั่นไปให้ถึงเป้าหมาย กลายเป็นผลลัพธ์ที่ทำให้ทั้งสองคนมีความสุขกับทุกช่วงชีวิต

 

 

>> ดาวน์โหลด PDF Version