​จากใจสื่อมวลชน...ถึงผู้ว่าการ ธปท.

ภาระหน้าที่ของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นอกเหนือจากการเป็นผู้นำการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจการเงินของประเทศไทยในภาพรวมแล้ว ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธปท. คนที่ 20 ได้ให้ความสำคัญกับนโยบายการทำงานที่มุ่งแก้ปัญหาของประชาชนอย่างแท้จริง การยืนตรงบนหลักการและความเฉียบขาดในการทำงานสะท้อนผ่านบทสัมภาษณ์จากสื่อมวลชนในแขนงต่าง ๆ ที่พร้อมใจกันบอกเล่าความประทับใจในการทำงานกับ "ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ"

สุทธิชัย หยุ่น

ผู้ก่อตั้งบริษัท กาแฟดำ จำกัดและผู้ร่วมก่อตั้งสื่อเครือเนชั่น

 

ผมทำข่าวเกี่ยวกับผู้ว่าการ ธปท. มาตั้งแต่ยุค ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ตลอดมาจนถึง ดร. วิรไท สันติประภพ วันนี้ก่อนจะเปลี่ยนผ่านไปถึงผู้มารับตำแหน่งอันสำคัญต่อในเร็ว ๆ นี้ ในสายตาของประชาชนผู้ว่าการธนาคารกลางเป็นตำแหน่งที่ไม่เพียงแต่เป็นผู้กำกับดูแลนโยบายการเงินและเศรษฐกิจในภาพรวมเท่านั้น แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือการเป็น "คนที่พูดอะไรแล้วเชื่อได้สนิทใจ" ว่ามาจากพื้นฐานแห่งข้อมูลและการวิเคราะห์สถานการณ์อย่างตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะสอดคล้องกับแนวทางและผลประโยชน์ของผู้มีอำนาจทางการเมืองในขณะนั้นหรือไม่ก็ตาม

 

ในหลาย ๆ มิติ ความคาดหวังของสาธารณชนต่อผู้นั่งเก้าอี้บริหารสูงสุดของธนาคารกลางนั้นมีสูงกว่าตำแหน่งรัฐมนตรีและผู้ดำรงตำแหน่งการเมืองอื่น ๆ ด้วยซ้ำไป

 

ยิ่งประเทศต้องเผชิญกับวิกฤติด้านการเมืองและเศรษฐกิจบ่อยเพียงใด ผู้คนก็ยิ่งหวังพึ่งที่จะได้ "ความจริงรอบด้านของบ้านเมือง" ด้านเศรษฐกิจและสังคมจากผู้ว่าการธนาคารกลางเท่านั้น

 

อีกทั้งเมื่อความหมายของคำว่า "ความมั่นคง" ได้ขยายวงมารวมถึงเสถียรภาพด้านเศรษฐกิจและสังคมอย่างมีนัยสำคัญด้วยแล้ว บทบาทของคนบริหาร "ธนาคารกลาง" ยิ่งต้องเผชิญกับความท้าทายมากยิ่งขึ้นอย่างปฏิเสธไม่ได้

การวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจและปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องจาก ธปท. จึงเป็นช่องทางแห่งข่าวสารที่เชื่อถือได้ เพราะภาพลักษณ์ที่ไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลอันไม่สอดคล้องกับทำนองคลองธรรม ทั้งด้านการเมืองและกลุ่มผลประโยชน์ใด

 

การปรับบทบาทของผู้ว่าการธนาคารกลางจาก "หอคอยงาช้าง" ในอดีตมาสู่การเป็น "ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติที่เข้าถึงได้" ในวันนี้จึงเป็นก้าวย่างที่สำคัญนำมาสู่การปรับตัวของคน ธปท. ทุกฝ่ายที่ตระหนักถึงการปรับตัวในยุค disruption ทั้งที่เหตุมาจากเทคโนโลยีและการอุบัติขึ้นของวิกฤติทางเศรษฐกิจหรือด้านสาธารณสุขที่เรากำลังเผชิญในขณะนี้

 

ดังนั้น "ภูมิคุ้มกัน" สำหรับผู้ดำรงตำแหน่งอันสำคัญนี้จึงมิใช่เพียงแต่การบริหารธนาคารกลางให้มีประสิทธิภาพสูงสุดทางด้านวิชาการและกำกับดูแลเท่านั้น แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือการปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงในระดับสากลและความผันผวนในบ้านที่กำลังจะกลายเป็นเรื่อง "ปกติใหม่" จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในระดับโลกและต้องเป็นมาตรฐานสากลที่ชาวบ้านสัมผัสและมีส่วนร่วมได้อย่างเป็นรูปธรรมในชีวิตประจำวันจริง ๆ อีกด้วย

 



 

 

บุญลาภ ภูสุวรรณ

บรรณาธิการบริหาร สำนักข่าวไทยพับลิก้า

 

มีโอกาสได้สัมภาษณ์ ได้พูดคุยหารือเป็นการส่วนตัว ได้รู้จักท่านทั้งในสายข่าวด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาอย่างยั่งยืน

 

ได้เห็นวิสัยทัศน์ที่มองไกลในการวางฐานรากเศรษฐกิจและสังคมเพื่อการก้าวย่างที่มั่นคงของประเทศ

 

ได้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความตั้งใจที่มีส่วนรวมเป็นที่ตั้ง

 

ได้เห็นถึงการยืนตรง มองไกล ยื่นมือ ติดดิน

 

ยิ่งได้อ่าน speech หรือได้ฟังเสวนา จะรับรู้ได้ถึงข้อความที่ต้องการสื่อสารชัดเจน และมีความเชื่อลึก ๆ ว่า ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท. แต่ละยุคสมัยถูกเลือกให้มาถูกที่ ถูกคนถูกเวลาเสมอ

 

หลายคนอาจจะรู้สึกว่าฟังแล้วไม่ได้ยิน แต่เชื่อว่า ดร.วิรไทฟังแล้วได้ยิน แต่การใช้วิจารณญาณอาจจะแตกต่างกันไป

 

ขอแสดงความยินดีที่ได้ทำภารกิจลุล่วงดังตั้งใจ แม้จะไม่ทั้งหมด แต่ก็ได้ลงมือทำแล้ว ขอให้ก้าวจากนี้ได้ทำงานที่จะทำให้ประเทศไทยก้าวสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม

 



 

ประอร นพคุณ

ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

 

ถือเป็นการเดินทางที่สง่างาม ในช่วงตอนหนึ่งของชีวิตของ ดร.วิรไท สันติประภพ ทั้งในมุมมองของทั้งสื่อมวลชนและคนจำนวนมากในประเทศ

 

จากผู้ว่าการ ธปท. ที่ได้รับการกล่าวขานว่า เป็นผู้ว่าการคนหนุ่มที่อายุและประสบการณ์ในการทำงานอาจจะน้อยกว่าผู้ว่าการท่านอื่น ๆ ดร.วิรไทได้แสดงให้เห็นความมุ่งมั่นและความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะสานต่องานหลักของ ธปท. ให้คงความน่าเชื่อถือและเป็นหลักพิงของเศรษฐกิจไทย

 

ทำให้ช่วงที่ผ่านมา ธปท. ได้รับการยอมรับในวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ล่าสุดกับการเตรียมการภาคการเงินสถาบันการเงิน และตลาดทุน เพื่อเป็นเสาหลักช่วยลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจไทยซึ่งเกิดขึ้นรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์จากวิกฤติโควิด 19

 

ในขณะเดียวกัน ดร.วิรไทยังใช้ประสบการณ์และมุมมองที่ได้รับจากการทำงานเพื่อสาธารณะในภาคประชาสังคม เข้ามาประสานในการวางนโยบายการเงินและการกำกับดูแลสถาบันการเงินของ ธปท. ทำให้ 5 ปีที่ผ่านมา มุมมองของ ธปท. ลงไปสัมผัสถึงคนธรรมดาเดินถนน ผู้มีรายได้น้อย และเกษตรกรมากขึ้น มีการทำวิจัยและการสำรวจความคิดเห็นมากขึ้น ทำให้เราได้เห็นนโยบายของ ธปท. ที่ช่วยดูแลให้ความเป็นธรรมต่อประชาชนและลงมายืนข้างประชาชน โดยเฉพาะการสร้างความเป็นธรรมในภาคการเงินชัดเจนมากขึ้น ทั้งการคุ้มครองผู้บริโภค การดูแลเรื่องค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ยที่เอาเปรียบลูกค้า หรือการสร้างระบบการแก้หนี้ให้กับประชาชนในรูปแบบต่าง ๆ ขณะที่การตัดสินใจ "ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย" ลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดที่เคยมีมาและการลดเพดานดอกเบี้ยเงินกู้หลายประเภทลง สามารถช่วยประชาชนได้ในวงกว้าง

 

ในด้านการให้ข่าวต่อสื่อมวลชนและการสื่อสารกับประชาชน หากเป็นการออกมาตรการใหม่ที่สำคัญหรือสร้างผลกระทบในวงกว้าง ดร.วิรไทจะมาแถลงข่าวด้วยตัวเองเพื่อสร้างความเข้าใจ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีที่สื่อมวลชนจะได้รับข้อมูลและการตอบคำถามที่สร้างความชัดเจนในการทำงานของ ธปท. และยังถือเป็นอีกหนึ่งในพรสวรรค์ของ ดร.วิรไท ที่ไม่ว่าจะเป็นการให้สัมภาษณ์หรือการพูดในงานสัมมนา มักได้รับคำชมเสมอว่า "สามารถพูดเรื่องทางเศรษฐศาสตร์ยาก ๆ ให้เข้าใจง่าย"

 

และในวันที่ ดร.วิรไทตัดสินใจ "ไม่สมัคร" ขอรับการคัดเลือกเป็นผู้ว่าการ ธปท. ต่อเป็นสมัยที่ 2 เชื่อว่าคงทำให้หลายคน รวมทั้งสื่อมวลชน "ประหลาดใจ" และยิ่งไปกว่านั้นคือ "เสียดาย" คนที่ตั้งใจทำงานอย่างตรงไปตรงมาเพื่อประโยชน์ของประเทศ โดยไม่อิงการเมือง รวมทั้งความรู้ความสามารถและความทุ่มเทในการทำงานที่เห็นได้อย่างประจักษ์ตลอดการดำรงตำแหน่งที่ผ่านมา

 

ดร.วิรไทเคยบอกว่า "งานนี้เป็นงานหนักและเหนื่อยมากที่สุดตลอด 5 ปีที่ผ่านมา" แต่ส่วนตัวเชื่อว่า "ถือเป็นการทำงานหนักที่น่าภาคภูมิใจ" รวมทั้งมีความหวังว่า ด้วยความรู้ความสามารถและจิตใจที่ต้องการช่วยให้ประเทศไทยดีขึ้น จะทำให้ ดร.วิรไทยังคงพร้อมจะทำงานหนักเพื่อพัฒนาประเทศไทยต่อไปในอนาคตไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

 

สุธารัตน์ เกษร

ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน 360

 

ดร.วิรไท สันติประภพ นับว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่เก่ง หลากหลายผลงานของท่านทำให้ประชาชนอย่างพวกเราได้ประโยชน์และมีชีวิตที่สะดวกในการทำธุรกรรมทางการเงินมากขึ้น สังคมไร้เงินสดเกิดขึ้นได้จริงภายใต้การบริหารจัดการของ ธปท. ยุคนี้

 

การผลักดันการใช้เงินสกุลของประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนและการใช้สกุลเงินดิจิทัลภายใต้โครงการอินทนนท์ ซึ่งจะต่อยอดไปสู่รายย่อยเกิดขึ้นได้จริง ลูกค้าบัตรเครดิตและบัตรเอทีเอ็มไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมจากการทำธุรกรรมของธนาคารอีกต่อไป ช่วยบรรเทาความรุนแรงของปัญหาหนี้สินครัวเรือนได้มาก สิ่งเหล่านี้เป็นตัวอย่างของการทำหน้าที่บริหารจัดการนโยบายการเงินอย่างเข้าใจปัญหาปากท้องของประชาชน อีกทั้งยังพลิกโฉมธนาคารกลางและระบบสถาบันการเงินอย่างมาก ทำให้ระบบการเงินดิจิทัลของไทยเจริญรุดหน้าไปมาก

 

นอกจากนี้ท่านยังเป็นคนตรงไปตรงมาและทำงานจริงจัง เพื่อปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์องค์กร รวมถึงบุคลากรของ ธปท. ให้เข้าถึงประชาชนมากยิ่งขึ้น นักข่าวเองก็เข้าถึงผู้ว่าการ ธปท. และเข้าใจภารกิจของ ธปท. มากยิ่งขึ้น เพราะท่านให้เกียรตินักข่าวและเปิดให้มีช่องทางสื่อสารระหว่างนักข่าวและผู้บริหาร ธปท. ในแต่ละด้านแต่ละนโยบายได้ตลอดเวลา เปิดโอกาสให้นักข่าวเป็นสื่อกลางในการนำข้อมูลข่าวสารเข้าถึงประชาชน รวมทั้งเปิดช่องทางข้อมูลข่าวสารใหม่ ๆ อีกหลายช่องทาง ทำให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบข้อมูลของ ธปท. มากขึ้น

 

ประทับใจในความใจดี มีเมตตา และทุ่มเทในการปฏิบัติภารกิจตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประเทศไทยเผชิญปัญหาเศรษฐกิจและการเงินอย่างหนักหน่วง ดร.วิรไทก็ทำหน้าที่ได้อย่างดี ดูแล ธปท. และสถาบันการเงิน รวมถึงลูกหนี้ในระบบ ด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่สั่งสมมา

 

ในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจจากผลกระทบของโควิด 19 บทบาทของ ธปท. มีความสำคัญต่อภาคการเงินการคลัง ด้วยการนำของ ดร.วิรไท ธปท. ได้แสดงจุดยืนและนำนโยบายการเงินมาช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ เยียวยาผู้ประกอบการรายย่อย ช่วยดูแลลูกหนี้ให้ได้รับโอกาส ควบคู่ไปกับการกำกับดูแลสถาบันการเงินให้ทำหน้าที่เติมเต็มความต้องการของภาคธุรกิจและบริหารจัดการคุณภาพหนี้ ดำรงสถานะการเงินขององค์กรและประเทศตามมาตรฐานสากลได้อย่างน่าชื่นชม ทำให้ ธปท. เป็นเสาหลักทางการเงินของประเทศและประชาชนคนไทยโดยแท้จริง

 

ขอขอบพระคุณ ดร.วิรไท ในการทำบทบาทหน้าที่อย่างเป็นมืออาชีพเสมอมา และขอเป็นกำลังใจให้ในก้าวต่อไปจากนี้ ไม่ว่าจะเลือกเดินเส้นทางไหนก็ตาม หวังว่าความรู้ความสามารถของท่านจะช่วยเหลือสังคมได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ผ่านคำพูด ข้อเสนอแนะ หรือบทความใด ๆ ที่พวกเราจะได้ติดตามต่อไป ด้วยความเคารพและนับถืออย่างสูงตลอดไป

 



 

 

มนต์ชัย วงษ์กิตติไกรวัล

ผู้ประกาศข่าว TNN ช่อง 16 และนักข่าวธุรกิจออนไลน์

 

หลายคนคงเห็นด้วยกับผมว่า ดร.วิรไท สันติประภพ ถือเป็นผู้ว่าฯ แบงก์ชาติที่น่าเคารพและเป็นที่จดจำมากที่สุดท่านหนึ่ง ไม่เพียงเพราะความเป็นกันเองกับบรรดานักข่าวเท่านั้น แต่ยังเฉียบคม ลุ่มลึก และรักษาระยะห่างตามบทบาทหน้าที่ของตนเองได้อย่างเหมาะสมด้วย

 

ผมได้มีโอกาสพบ ดร.วิรไทครั้งแรกที่งาน World Economic Forum on ASEAN 2018 ที่เมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม จำได้ว่าท่านยืนข้างหน้าผมระหว่างขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ห้องประชุม ด้วยความเป็นนักข่าวหน้าใหม่ที่ไม่รู้ประสีประสาดีนัก จึงได้ทักทายกันตรงนั้น และขอสัมภาษณ์สั้น ๆ เพื่อนำไปประกอบคลิปสรุปงาน ในตอนนั้นผมไปตัวคนเดียวไม่มีอุปกรณ์อะไรนอกจากโทรศัพท์มือถือหนึ่งเครื่องและขาตั้งกล้องอันเล็ก ๆ ยังนึกชื่นชมความใจดีของท่านที่เอ็นดูและให้สัมภาษณ์โดยที่ไม่ได้นัดหมายล่วงหน้า

 

หลังจากนั้นก็มีโอกาสเข้าไปทำข่าวที่ ธปท. และร่วมงาน press trip กับคณะของ ดร.วิรไท ทั้งที่จังหวัดขอนแก่นและเมืองหลวงพระบาง สปป. ลาว เมื่อได้ฟังความคิดและมุมมองของท่านที่ใส่ใจเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วยแล้วก็ยิ่งรู้สึกทึ่งถึงบทบาทและหน้าที่ที่สำคัญของธนาคารกลางที่ต้องกำกับดูแลเสถียรภาพของระบบการเงินไปให้สอดคล้องกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ไม่ง่ายเลย

 

แต่ละก้าวของ ธปท. ในยุค ดร.วิรไท ต้องข้ามผ่านความท้าทายหลายประการตั้งแต่การปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงจากดิจิทัล สงครามการค้าระหว่างสองชาติมหาอำนาจ รวมทั้งงานหนักในช่วงโควิด 19 แน่นอนว่าประชาชนจดจำและรับรู้ถึงสิ่งใหม่ ๆ ที่ทำให้คุณภาพชีวิตของทุกคนดีขึ้น ทั้งเรื่องพร้อมเพย์ การใช้เงินสกุลท้องถิ่นกับคู่ค้า และคลินิกแก้หนี้ เป็นต้น

 

ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผมเห็น ดร.วิรไทแถลงข่าวพร้อมกับการประกาศเรื่องใหม่ ๆ ให้ได้ติดตามอยู่เสมอ ทุกครั้งที่ตอบคำถามผู้สื่อข่าว จะตอบได้ชัดเจน ตรงประเด็น และไม่ปล่อยให้เกิดความคลาดเคลื่อนของข้อมูลเลย ดร.วิรไทจึงเป็นคนที่ "เป๊ะ" มากในสายตาของผม

 

นอกจากนี้ สิ่งที่มั่นใจได้อีกอย่างคือ ท่านเป็นคนที่คิดดีและหวังดีกับบ้านเมือง เห็นได้จากการผลักดันแนวคิดการธนาคารเพื่อความยั่งยืนซึ่งนำไปสู่แนวคิดเรื่องการปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบของธนาคารพาณิชย์และอีกหลายมาตรการที่จะช่วยแก้ไขปัญหาที่ต้นตออย่างที่ควรจะเป็นจริง ๆ

 

ในฐานะนักข่าวและคนไทยคนหนึ่งจึงขอขอบพระคุณ ดร.วิรไทสำหรับการทำงานอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา เชื่อว่าเกียรติประวัติจะหนุนนำให้ท่านยังคงเป็นที่รักและส่งเสริมให้ทำสิ่งที่ดี ๆ แบบนี้ต่อไป ไม่ว่าจากนี้บทบาทของท่านจะเปลี่ยนไปอย่างไรก็ตาม พวกเราจะคิดถึง ดร.วิรไทเสมอ

 

>> ดาวน์โหลด PDF Version
>> อ่าน e-Magazine