เจษฎา สุขทิศ คุณค่าของความรู้ สู่ WEALTH CREATION

image

 

FINNOMENA "ปรากฏการณ์ทางการเงิน" ที่ใช้ "ความรู้" เป็นอาวุธในการปลุกปั้นธุรกิจซื้อขายหน่วยลงทุนจนมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท และยังมีฐานผู้เข้าชมเว็บไซต์ รวมทั้งรายการต่าง ๆ แบบ organic reach มากกว่า 50 ล้านคนต่อเดือน วันนี้ฟินโนมีนาเตรียมยกระดับไปอีกขั้นด้วยการจับมือพาร์ตเนอร์พัฒนาการให้บริการใหม่ ๆ เพื่อรองรับเมกะเทรนด์การเงินที่กำลังเปลี่ยนจากเงินตราธนบัตร (fiat currency) ไปสู่เงินดิจิทัล (digital currency) มากขึ้นในอนาคตอันใกล้

 

          หากสูตรลับการปรุงอาหารคือหัวใจหลักที่ทำให้พ่อครัวประสบความสำเร็จในธุรกิจร้านอาหาร องค์ความรู้ด้านการเงินการลงทุนที่สั่งสมจากการเป็นนักถ่ายทอดเรื่องราวตั้งแต่ครั้งยังเป็นนักศึกษา เมื่อรวมกับประสบการณ์การทำงานในฐานะ Chief Investment Officer ในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนข้ามชาติชื่อดัง ย่อมเปรียบได้กับ "สินทรัพย์" ที่คุณเจษฎา สุขทิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฟินโนมีนา ใช้ต่อยอดธุรกิจที่ใครก็เลียนแบบได้ยาก "ผมโชคดีที่ได้ทำในสิ่งที่ชอบ ทำมาหลายสิบปี เลยทำได้ดีในระดับหนึ่ง" คุณเจษฎากล่าวถึงความสำเร็จอย่างถ่อมตัว

 

 

ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยความรู้

 

          บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี 2559 โดยมีผู้ร่วมก่อตั้ง 3 คน ประกอบด้วยตัวคุณเจษฎาเอง คุณกสิณ สุธรรมนัส และคุณชยนนท์ รักกาญจนันท์

 

          ฟินโนมีนา เกิดจากคำว่า "finance" (การเงิน) และ phenomena (ปรากฏการณ์)" ที่สะท้อนถึงความตั้งใจให้พื้นที่แห่งนี้ เป็นปรากฏการณ์ครั้งใหม่ในการสร้าง ส่งเสริม และให้ความรู้ด้านการเงินการลงทุน โดยมีเหล่ากูรูเข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้ แบ่งปันประสบการณ์ผ่านทั้งช่องทางออนไลน์และสื่อต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงรายการยอดฮิตอย่าง Morning Brief และ FINNOMENA LIVE

 

          เพียงครึ่งปีแรกของการก่อตั้ง บริษัทก็สามารถสร้างพอร์ตเงินลงทุนภายใต้การดูแลได้กว่าสามร้อยล้านบาท และทะยานสู่ 3.5 หมื่นล้านบาทในปัจจุบัน เป็นบทพิสูจน์ว่าการให้ความรู้ในรูปแบบ "value creation content" นั้นเป็นธุรกิจที่สร้างผลประกอบการได้ดีไม่แพ้ธุรกิจอื่น ๆ

 

 

เปลี่ยน "ขายของ" เป็น "ถ่ายทอด"

 

          "ทุกคนอยากประสบความร่ำรวย เราจึงเป็นแพลตฟอร์ม wealth creation ที่ให้คนสะสมความมั่งคั่ง โดยสร้างคุณค่าด้วยการให้ข้อมูลความรู้เต็มที่ ไม่เน้นขายผลิตภัณฑ์ เพราะเราไม่ได้มองการให้ความรู้เป็นเรื่องการตลาด แต่เป็นการสร้างคุณค่า ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่น ไว้วางใจ เพราะคนทุกวันนี้ดูแป๊บเดียวก็รู้แล้วว่าสิ่งที่นำเสนอนั้นมีความจริงใจหรือไม่ คนทำคอนเทนต์จึงควรเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นให้มาก ถ้าเปลี่ยนคำว่า 'ขายของ' เป็น 'ถ่ายทอด' ได้ ก็สามารถสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่าได้ นอกจากนี้เรายังช่วยสนับสนุนข้อมูลข่าวสารให้กับนักลงทุนตั้งแต่ first to final ไม่ว่าจะเกิดวิกฤตใด ๆ เราก็ไม่หายไปไหน"

 

          จุดเด่นของการให้ข้อมูลความรู้ของฟินโนมีนานั้นอยู่ที่มุมมองการลงทุนที่มีคุณภาพ มีความเป็น "buy side research" ที่ปราศจากอคติ มีกูรูชั้นนำเกือบ 100 คนที่เข้ามาแบ่งปันความรู้ ความหนักแน่นของเนื้อหาและความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่นำเสนอ นอกจากเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนแล้ว แม้แต่นักศึกษาด้านการเงิน การบัญชี และเศรษฐศาสตร์ ก็ยังนำไปใช้เพื่อทำรายงานส่งอาจารย์ด้วย บางคนถึงกับนำเงินเดือนเดือนแรกจากการทำงานมาเปิดพอร์ตกับบริษัทเป็นการตอบแทนที่เคยอาศัยข้อมูลของฟินโนมีนาทำรายงาน

 

          "สิ่งนี้แหละคือการสร้างคุณค่าของฟินโนมีนา" คุณเจษฎายกกรณีตัวอย่างมาเล่าอย่างมีความสุขพร้อมเปิดเผยวิธีการสร้าง value creation content ในแบบฉบับของเขาว่า เกิดจากการทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ทำไปเรื่อย ๆ ก็จะกลายเป็นความเชี่ยวชาญ และหากสร้างประโยชน์ให้กับคนจำนวนมากได้ มันก็กลายเป็นธุรกิจที่ดีในที่สุด

 

image

รายการ "Finnomena Live" ติดตามได้ทางเฟซบุ๊กเพจ  Finomena

 

สยายปีกสู่ตลาดการเงินใหม่

 

          นอกจากการให้ความรู้เรื่องการเงินการลงทุนแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้ฟินโนมีนาเติบโตอย่างต่อเนื่อง นั่นคือการเป็นแพลตฟอร์มบริหารเงินลงทุนที่ครบวงจร นักลงทุนเปิดบัญชีกับฟินโนมีนาเพียงที่เดียวก็สามารถเข้าถึงกองทุนรวมได้มากกว่าพันกองทุนจาก 22 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน การเปิดบัญชีก็ทำได้ง่าย สะดวกรวดเร็ว ผ่านระบบ e-KYC รวมทั้งมีเครื่องมือให้คำแนะนำด้วยเทคโนโลยี ควบคู่กับการบริการของที่ปรึกษาทางการเงินนับพันคน

 

          ปัจจุบัน บริษัทเตรียมพัฒนาบริการใหม่ ๆ เพื่อสนองตอบเมกะเทรนด์ทางการเงินที่กำลังเปลี่ยนโฉมไปสู่การเงินดิจิทัล โดยเฉพาะ blockchain ที่เปิดโอกาสให้ cryptocurrency เข้ามามีบทบาทในชีวิตผู้คนมากขึ้นเรื่อย ๆ

 

          "เรากำลังร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ในการสร้างตลาดซื้อขาย cryptocurrency การทำแพลตฟอร์ม peer-to-peer lending และการพัฒนา utility token ที่จะเป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุน โดยใช้ข้อได้เปรียบของเราคือการให้ความรู้ ให้มุมมองการลงทุน ขยายสเกลการให้ความรู้ให้มีคุณภาพ และขยายธุรกิจของเราต่อไป"

 

image

 

"เราจึงเป็นแพลตฟอร์ม wealth creation ที่ให้คนสะสมความมั่งคั่ง โดยสร้างคุณค่าด้วยข้อมูลความรู้เต็มที่ ไม่เน้นขายผลิตภัณฑ์ เพราะเราไม่ได้มองการให้ความรู้เป็นเรื่องการตลาด แต่เป็นการสร้างคุณค่า ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่น ไว้วางใจ เพราะคนทุกวันนี้ดูแป๊บเดียวก็รู้แล้วว่าสิ่งที่นำเสนอนั้นมีความจริงใจหรือไม่ คนทำคอนเทนต์จึงควรเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นให้มาก"

 

 

โลกใหม่ของการลงทุน

 

          ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฟินโนมีนากล่าวต่อไปว่า โลกในปัจจุบันกำลังมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของตลาดการเงินซึ่งมีหน้าที่เชื่อมโยงผู้มีเงินทุนและผู้ที่ต้องการเงินลงทุน คือเริ่มมีภาพของการ decentralized เกิดขึ้น ทำให้มีสิ่งที่ต้องสนใจใน 2 มิติ ได้แก่ "How? อย่างไร" และ "Where? คือที่ไหน"

 

          ในมิติของ How? นั้น สิ่งใหญ่ ๆ ที่เกิดขึ้นคือแพลตฟอร์ม peer-to-peer lending หรือระบบการกู้ยืมเงินระหว่างบุคคลต่อบุคคล ที่ไม่ผ่านตัวกลางอย่างธนาคารหรือสถาบันการเงิน ซึ่งทำให้ผู้กู้มีช่องทางการกู้เงินที่ถูกลง ขณะที่ผู้ให้กู้มีช่องทางการลงทุนที่ได้ดอกเบี้ย หรือผลตอบแทนสูงขึ้น

 

          สำหรับมิติของ Where? กล่าวได้ว่า กลุ่มผู้ใช้ blockchain ที่เติบโตมากที่สุดในโลก ณ ตอนนี้คือภาครัฐ โดยมุมมองคุณเจษฎานั้นเห็นว่า หากธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถออก CBDC (Central Bank Digital Currency) ที่เป็นเงินบาทดิจิทัลได้อย่างที่จีนมีหยวนดิจิทัล ก็จะทำให้ประเทศไทยเปลี่ยนไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นอย่างไม่มีวันเหมือนเดิม เนื่องจากระบบ blockchain ทำให้เกิดความโปร่งใส สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของเงินได้ ดังนั้น หากทำเรื่องเงินบาทดิจิทัลได้สำเร็จ ก็จะเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยปลอดจากการคอร์รัปชัน (corruption free) และปราศจากตลาดการเงินสีเทา (grey market free) เพราะเส้นทางการไหลของเงินตรานั้นสามารถติดตามได้ทั้งหมด

 

          "blockchain use case กำลังเปลี่ยนสถานที่ของโลกการเงินและจะไม่มีวันเหมือนเดิม" คุณเจษฎากล่าว "พูดง่าย ๆ ว่า เงินดิจิทัลคือการนำเงินธนบัตรจริง ๆ ไปไว้บน blockchain เป็น stable coin ที่ค่อนข้างมั่นคง มีเสถียรภาพ อย่างเช่นเหรียญ Tether (USDT) ที่ผู้ออกแจ้งว่ามีการอ้างอิงมูลค่าไว้กับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในสัดส่วน 1:1 ไม่ใช่ cryptocurrency อย่าง Bitcoin หรือสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ เราไม่ได้บอกว่าจะให้คนไทยใช้ Bitcoin เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ซึ่งไม่สมควรอย่างมาก แต่เมื่อมี stable coin หรือต่อไปเป็น CBDC สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคือ real deal ระหว่างผู้กู้และผู้ปล่อยกู้ในแบบไร้ศูนย์กลาง (Decentralized Finance: DeFi) ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสของการเงินการลงทุนได้มากขึ้น แต่ก็เป็นไปได้เช่นกันที่ใน real deal นั้นจะเกิดปัญหาสูญเสียสภาพคล่องกะทันหัน (rug pull) หรือเกิดแชร์ลูกโซ่ (Ponzi Scheme) เช่นเดียวกับระบบเงินตราปกติ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่นักลงทุนควรระวังด้วย"

 

 

เปลี่ยนการเปิดบัญชีให้เป็นเรื่องง่าย

 

          เมื่อ How? และ Where? ได้เปลี่ยนโลกการลงทุนให้แตกต่างไปจากเดิม แน่นอนว่าการลงทุนของคนรุ่นใหม่ก็เปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน โดยมีข้อสังเกตที่เห็นได้ชัดคือประเทศไทยมีผู้เปิดบัญชี cryptocurrency เป็นหลักล้านคนในเวลาเพียงแค่ 2 ปีที่ผ่านมา ก็เนื่องจาก blockchain ทำให้การเปิดบัญชี cryptocurrency ง่ายขึ้น สะดวกสบายมากขึ้น หากเราสามารถทำให้การเปิดบัญชีซื้อขายกองทุนง่าย สะดวกสบายเหมือนการเปิดบัญชี cryptocurrency หรือ NFT รวมทั้งลดขั้นตอนและข้อจำกัดต่าง ๆ ไปได้ ก็จะกระตุ้นให้ผู้คนเข้ามาในตลาดการเงินมากขึ้น

 

          "ease of opening account จะทำให้คนเข้าถึงตลาดการเงินอย่างเท่าเทียม แต่ตอนนี้เรายังมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น เรื่องของอายุ จำนวนเงินขั้นต่ำ ผมมองว่าถ้าภาครัฐลดเงื่อนไขลงได้ ทำให้การเปิดบัญชีง่ายขึ้น แล้วเน้นการให้ความรู้ที่ถูกต้อง ก็จะช่วยให้การลงทุนขยายตัวได้อีกมาก ผมชื่นชม ธปท. และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่มีความทันสมัยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับหลาย ๆ ประเทศ เราไม่ได้ด้อยกว่าเลย เรามาถูกทางและก้าวหน้าไปมาก แต่ผมก็อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้ ยิ่งในอีก 15 - 20 ปีข้างหน้า เราจะเผชิญจำนวนผู้สูงอายุ 15 ล้านคนจากทั้งหมด 18 ล้านคนที่ไม่มีเงินเก็บและยังมีหนี้สิน เพราะคนไทยยังลงทุนกันน้อยมาก เพราะฉะนั้น สิ่งที่เราควรทำในตอนนี้คือทำให้การเปิดบัญชีเพื่อการลงทุนเป็นเรื่องง่ายขึ้น เพื่อลดการสูญเสียโอกาสที่ปิดกั้นอยู่"

 

          ซีอีโอฟินโนมีนาผู้มีวอร์เรน บัฟเฟตต์ เป็นบุคคลต้นแบบทิ้งท้ายอย่างมีนัยสำคัญ ก่อนจะปิดท้ายถึงบทบาทการทำงานของตัวเองว่า จะทำงานไปเรื่อย ๆ โดยตั้งใจใช้ชีวิตให้เหมือนไอดอลของเขาที่แม้ปีนี้จะอายุ 92 ปีแล้ว แต่บัฟเฟตต์ก็ยังทำตนให้เป็นประโยชน์ ทำงานอย่างพอดี ๆ ดื่มเป๊ปซี่โคล่า ซื้อหุ้นแอปเปิล และใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย

 

          "ผมไม่คิดเกษียณเลย เพราะมันเป็นสิ่งที่เราชอบ ก็จะทำไปเรื่อย ๆ คนเราถ้ามีรายได้พอใช้ ครอบครัวมีความอบอุ่น มีกัลยาณมิตร และยังทำประโยชน์ให้คนอื่นได้โดยไม่ต้องถึงกับเป็นคนใจบุญสุนทานแบบ ลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ เอาแต่พอดี ๆ ผมว่าถ้าเรายังรู้สึกมีประโยชน์อยู่ทุกวัน ตื่นเช้ามามันก็จะรู้สึกสดชื่นได้ทุก ๆ วัน"