มูลนิธิ 50 ปี ธนาคารแห่งประเทศไทย
โอกาสทางการศึกษาเพื่อพัฒนาทั่วไทย
มูลนิธิ 50 ปี ธนาคารแห่งประเทศไทย จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2535 เนื่องในโอกาสสถาปนาธนาคารแห่งประเทศไทยครบรอบ 50 ปี ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนการศึกษาของนักเรียนที่ขาดแคลนทุนการศึกษา ซึ่งไม่เพียงแค่เรียนดี แต่ยังต้องประพฤติดีมีคุณธรรม ด้วยหวังว่ามูลนิธิฯ จะเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมแก้ไขปัญหาการศึกษาของประเทศ ซึ่งถือเป็นการสืบทอดเจตนารมณ์ที่มีมาตั้งแต่สมัยอดีตผู้ว่าการป๋วย อึ๊งภากรณ์ จนถึงปัจจุบัน ในการส่งเสริมการศึกษาอันถือเป็นรากฐานที่สำคัญของการพัฒนาประเทศ โดยได้รับการสนับสนุนจากธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้บริหาร และพนักงาน ตลอดจนผู้มีจิตศรัทธาในการร่วมบริจาคเงิน และเมื่อปี 2545 มูลนิธิฯ ได้เข้าเป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล ลำดับที่ 494 ตามประกาศของกระทรวงการคลัง
การดำเนินงานของมูลนิธิฯ เริ่มต้นด้วยการให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนเป็นรายบุคคลกระจายอยู่ในทุกภูมิภาคของไทย เป็นทุนที่ไม่มีข้อผูกพันและให้ต่อเนื่องจนจบการศึกษาในระดับปริญญาตรี
ปัจจุบันมูลนิธิฯ ได้ร่วมมือกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ในการเสริมสร้างโอกาสทางการศึกษา ด้วยการส่งเสริมด้านทุนทรัพย์ให้กับนักเรียนที่ขาดแคลนหรือด้อยโอกาส ให้ได้รับการศึกษาต่อหลังเรียนจบภาคบังคับผ่านโครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูงของ กสศ. หลักสูตร ปวช. ถึง ปวส. 5 ปี และทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง หลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล/ผู้ช่วยทันตแพทย์ 1 ปี โดยมุ่งหวังที่จะช่วยส่งเสริมให้เด็กเยาวชนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนทำงาน และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศที่จะมีบทบาทมากขึ้นในโลกยุคใหม่ ทั้งเรื่องดิจิทัลและการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ให้มีทักษะความรู้ที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพ และขยายโอกาสที่จะหลุดออกจากกับดักความยากจนในอนาคต
นอกจากการสนับสนุนทุนช่วยเหลือทางการศึกษา มูลนิธิฯ ยังมุ่งเน้นให้ความรู้ทางการเงิน เพื่อบ่มเพาะภูมิคุ้มกันทางการเงินให้แก่นักเรียนทุน ส่งเสริมพฤติกรรมทางการเงินที่ดี สามารถบริหารจัดการเงินได้อย่างเหมาะสม และเติบโตเป็นทรัพยากรบุคคลที่ครบทั้งความรู้และมุมมอง พร้อมก้าวเข้าสู่โลกการทำงาน รับผิดชอบต่อตนเองและสังคมได้อย่างเต็มตัว
กว่า 30 ปีที่ผ่านมามีนักเรียนได้รับทุนช่วยเหลือทางการศึกษาจากมูลนิธิฯ ไปแล้วกว่า 2,000 คนทั่วประเทศ มูลนิธิฯ มีความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างทรัพยากรบุคคลในหลากหลายสาขาอาชีพ ทั้งแพทย์ พยาบาล วิศวกร ทันตแพทย์ ครู อาจารย์ บุคลากรในภาคบริการ การเกษตร และภาคอุตสาหกรรม
คุณแบงค์-ธนกร ยี่สุ่นทอง เริ่มรับทุนจากมูลนิธิฯ ในปีการศึกษา 2561 ในระดับชั้น ปวช. 1 วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทศบาลพระพุทธบาท จ.สระบุรี สาขาช่างยนต์ ปัจจุบันจบการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ได้ทำงานที่ภูมิลำเนา อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ตำแหน่งช่างขัดเงาที่บริษัท พรเจริญ ช่างคิด เป็นธุรกิจประกอบอุปกรณ์เครื่องจักรทางการเกษตร เช่น ผานสำหรับไถนา เครื่องหยอดเมล็ดพืช เครื่องฉีดปุ๋ย
“ก่อนที่จะได้รับทุน ผมอาศัยอยู่กับแม่ และพี่น้องอีก 2 คน ในบ้านของยายที่ตั้งอยู่ลึกเข้าไปตามท้องนาห่างจากถนนใหญ่ที่ไปโรงเรียนหลายกิโลเมตร ความเป็นอยู่ในตอนนั้นลำบากมากครับ เพราะปัญหาการเดินทางไปเรียนต้องขี่รถมอเตอร์ไซค์จากบ้านไปเรียนในอำเภอ เงินที่แม่ให้มาจะจ่ายเป็นค่าเติมน้ำมันมากกว่าเงินค่ากินข้าว ผมอยากเรียนต่อมาก ๆ แต่จากรายได้ครอบครัว มันเป็นไปไม่ได้เลย แม่ทำงานรับจ้างคนเดียว ทั้งรายจ่ายในบ้าน ค่าเรียนของน้อง รายได้เลยไม่พอสำหรับการเรียนของผม ก็มีบางครั้งรู้สึกน้อยใจเสียใจ ร้องไห้ที่ตัวเองจะไม่ได้เรียนเพราะที่บ้านลำบาก
“การได้รับทุนจากมูลนิธิฯ ทำให้ชีวิตผมดีขึ้นมากครับ ผมได้เรียนจนจบถึงระดับ ปวส. ได้พบเจอประสบการณ์ ได้รับความรู้ ได้อะไรมาหลาย ๆ อย่างที่เป็นประโยชน์ ซึ่งตอนนี้ ผมสามารถนำความรู้และประสบการณ์ไปหาเงินได้เองครับ เป้าหมายชีวิตในช่วงต่อไป ผมตั้งใจอยากจะทำงานเก็บเงินสักก้อน ผมอยากเป็นเจ้าของฟาร์มเกษตรครับ ถึงแม้ว่าจะไม่ตรงกับสายวิชาที่ผมเรียนมา แต่ผมคิดว่าจะมาประกอบอาชีพได้ตลอดเวลาครับ ผมจะตั้งใจทำให้ได้ในสิ่งที่ผมตั้งเป้าหมายครับ ยาย แม่ และน้องของผมจะได้ไม่ลำบากอีกต่อไป”
คุณตุ้ยนุ้ย-จินดารัตน์ ดวงจันทร์ เริ่มรับทุนจากมูลนิธิฯ ในปีการศึกษา 2555 ในระดับชั้น ม.1 จังหวัดราชบุรี ปัจจุบันจบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ เอกดนตรีศึกษา (หลักสูตร 5 ปี) มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม
“ก่อนได้รับทุน หนูอาศัยอยู่กับคุณตาคุณยายตั้งแต่เด็ก ๆ ที่จังหวัดราชบุรี เนื่องจากคุณพ่อและคุณแม่ทำงานที่กรุงเทพฯ ช่วงประถมถึงมัธยมต้นหนูเรียนที่โรงเรียนบ้านหนองใยบัวซึ่งไม่ไกลจากบ้าน จะปั่นจักรยานไปโรงเรียนเองเพราะประหยัดค่าใช้จ่าย ตอนมัธยมปลาย หนูสอบติดโรงเรียนในเมืองต้องนั่งรถรับส่งนักเรียน มีค่าใช้จ่ายและต้องตื่นแต่เช้ามืดทุกวันค่ะ
“เนื่องจากเรียนสูงขึ้นในช่วงมหาวิทยาลัย หนูต้องย้ายจากราชบุรีมาเรียนที่นครปฐม ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น ต้องเช่าหอพัก ค่าครองชีพในเมืองก็สูง โชคดีที่หอพักอยู่ข้างมหาวิทยาลัย ส่วนอาหารการกินจะลำบากมากที่สุดค่ะ เพราะอยู่หอจะทำอะไรกินไม่ได้ ก็ต้องซื้อ แต่ถ้าอยู่ที่บ้าน เรายังพอเก็บผักหลังบ้านมาทำอาหารโดยไม่ต้องเสียเงินค่ะ รายได้ของครอบครัวไม่เพียงพอแต่ก็ได้รับทุนช่วยเหลือการศึกษาจากมูลนิธิฯ มาช่วยอย่างมากค่ะ
“เมื่อจบการศึกษาแล้วหนูมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่คือการเป็นครู ค่ะ หนูมีความตั้งมั่นที่จะสอบบรรจุเป็นข้าราชการให้ได้ และถ้ามีโอกาสอยากเลือกบรรจุใกล้ ๆ บ้าน จะได้ทำอาชีพในสิ่งที่ชอบและได้กลับไปดูแลครอบครัว หนูสำนึกในผู้บริจาคมูลนิธิ 50 ปี ธนาคารแห่งประเทศไทยที่ให้โอกาสทางการศึกษามาตลอดค่ะ”
ในแต่ละปี ธนาคารแห่งประเทศไทยและผู้ที่สนใจได้บริจาคสมทบทุนให้มูลนิธิฯ เพื่อสร้างโอกาสให้แก่นักเรียนนักศึกษารุ่นต่อ ๆ ไป ที่จะกลายเป็นกำลังสำคัญของชาติ เงินที่ทุกท่านร่วมบริจาคจะเป็นต้นทุนทางโอกาสที่ให้พวกเขาสานฝัน มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจไทย