สัมมนาวิชาการ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประจำปี 2557
เรื่อง “ปัญหาและทางออกหนี้ครัวเรือนไทย”
10 ก.ค. 2557
ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ธปท. สภอ.) ได้จัดงานสัมมนาวิชาการ ประจำปี 2557 “ปัญหาและทางออกหนี้ครัวเรือนไทย” ในวันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม 2557 เวลา 08.00-12.00 น. ณ ห้องอุดรธานีฮอลล์ 1 ชั้น 5 โรงแรมเซ็นทาราคอนเวนชันเซ็นเตอร์ จังหวัดอุดรธานี เพื่อนำเสนอผลการศึกษาของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทั้ง 3 สำนักงานภาค ได้แก่ สำนักงานภาคเหนือ สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และสำนักงานภาคใต้
กำหนดการ | |
09.00 น. | การนำเสนอผลการศึกษา เรื่อง "หนี้ครัวเรือนภาคเหนือ: ทางออกด้วยการให้ความรู้ทางการเงิน" โดย ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ - นางจารุมาส ปาละรัตน์ เศรษฐกรอาวุโส - นางกมลทิพย์ ละออกิจ เศรษฐกรอาวุโส - นายชนินทร์ เพชรไทย ผู้วิเคราะห์อาวุโส |
09.45 น. | การนำเสนอผลการศึกษา เรื่อง "วิกฤตหนี้กับทางรอด" (Debt and The Way Out) โดย ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้ - น.ส. จุฬารัตน์ โฆษะโก เศรษฐกร |
10.30 น. | การนำเสนอผลการศึกษา เรื่อง "สถานะหนี้ครัวเรือน โอกาส และประสบการณ์แห่งการหลุดพ้นกับดักหนี้ครัวเรือนในภาคอีสาน" โดย ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ - นางพรนิภา สินโพธิ์ เศรษฐกรอาวุโส |
ภาวะหนี้ครัวเรือนไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง และเกิดขึ้นทั่วไปแต่มีความหนักเบาแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ โดยครัวเรือนภาคใต้มีภาระหนี้ต่ำที่สุดและยังไม่น่ากังวล ขณะที่ครัวเรือนภาคอีสานและภาคเหนือมีภาระหนี้ค่อนข้างสูง และมีแนวโน้มที่น่าห่วงมากขึ้น โดยกลุ่มอาชีพนอกภาคเกษตรมีหนี้สูงเนื่องจากกระแสการบริโภคนิยม ขณะที่ครัวเรือนภาคเกษตรมีหนี้สูงจากรายได้ต่ำ เพราะการผลิตพึ่งพาสภาพดิน ฟ้า อากาศที่มีความไม่แน่นอน อย่างไรก็ตาม ภาระหนี้ครัวเรือนเกษตรของภาคใต้ในอีกระยะ 4-5 ปีข้างหน้ามีโอกาสเกิดความเสี่ยงมากขึ้น จากราคาสินค้าเกษตรสำคัญ ได้แก่ ยางพารา หรือปาล์มน้ำมันอาจมีแนวโน้ม ลดลง
สำหรับประสบการณ์ที่เป็นทางออกของปัญหาหนี้ในส่วนครัวเรือนภาคเกษตร คือ 1) เพิ่มรายได้ โดยการลดความเสี่ยงจากการผลิตพืชหลายๆ อย่าง การนำเทคโนโลยีมาใช้ปรับปรุงผลิตภาพการผลิต การจับกระแสสังคมของผู้บริโภค รวมถึงการผสมผสานระหว่างการขยายพื้นที่เพาะปลูก การเพิ่มผลผลิตต่อไร่ และการลดต้นทุน 2) ลดรายจ่าย โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้อดออมมากขึ้น 3) ทั้งเพิ่มรายได้และลดรายจ่าย โดยการรวมกลุ่มเพื่อสร้างความเข้มแข็งทางการเงินของชุมชน ส่วนครัวเรือนนอกภาคเกษตร คือ 1) เพิ่มรายได้โดยอาศัยความรู้และช่องทางการตลาด 2) ลดรายจ่าย โดยเปลี่ยนจากหนี้นอกระบบเป็นหนี้ในระบบ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าความสำเร็จในการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนทั้งภาคเกษตรและนอกภาคเกษตร มีวิธีการที่แตกต่างกันแต่มีสิ่งหนึ่งที่สำคัญเหมือนกัน คือ ครัวเรือนมีการวางแผนทางการเงิน ซึ่งอยู่บนฐานของความรู้ทางการเงิน และเครื่องมือที่สำคัญ คือ การบันทึกบัญชีรายรับ-รายจ่ายของครัวเรือน
จากผลการศึกษามีข้อเสนอแนะเพื่อเป็นทางออกของหนี้ครัวเรือน คือ การยกระดับรายได้ โดยการปรับเปลี่ยนการผลิตให้มีความหลากหลาย การปรับปรุงวิธีการผลิตอย่างผสมผสาน และการหาช่องทางการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขาย การส่งเสริมวินัยในการออมไม่ใช้จ่ายเกินความจำเป็น และการลดกระแสการบริโภคนิยม โดยอาศัยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นอกจากนี้ จากประสบการณ์ของผู้ที่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนทั้งภาคเกษตรและนอกภาคเกษตรมาจากการวางแผนทางการเงินที่ดีโดยใช้ทักษะความรู้ทางการเงิน และที่สำคัญคือการบันทึกบัญชีครัวเรือนอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้น มาตรการสนับสนุนของภาครัฐควรดำเนินการอย่างเหมาะสม มุ่งเน้นให้มีการปรับตัว มีวินัย มีความรู้ อดออม และลงทุนอย่างชาญฉลาด เพื่อยกระดับรายได้และความเป็นอยู่ให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะปลูกฝังการจัดทำบัญชีครัวเรือนเพื่อสร้างวินัยให้ตระหนักถึงความสำคัญของการลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น
สำหรับ ธปท. โดยศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) ร่วมกับส่วนคุ้มครองและให้ความรู้ผู้ใช้บริการทางการเงินของสำนักงานภาคต่างๆ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการให้ความรู้ทางการเงิน ที่จะเป็นเข็มทิศชี้นำให้ประชาชนสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงิน รวมถึงส่งเสริมให้ครัวเรือนได้รับความรู้ความเข้าใจทางการเงินให้สามารถบริหารการเงินและหนี้สินของตนเองได้อย่างเหมาะสม รู้จักวางแผนและบริหารจัดการทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ และได้จัดโครงการ “ปลุกคนไทย มีวินัยทางการเงิน” เพื่อกระตุ้นให้เห็นความสำคัญของการจัดสรรเงินให้เหมาะสมเพื่อไม่ต้องแบกภาระหนี้ด้วย
ทั้งนี้ แนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน หากสามารถดำเนินการดังที่กล่าวอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่องแล้ว ปัญหาหนี้ในสังคมไทยจะบรรเทาลงหรือหมดไป เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนของไทยต่อไป