ภาวะเศรษฐกิจการเงินภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

30 กันยายน 2568

แถลงข่าวภาวะเศรษฐกิจการเงินภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เดือนสิงหาคม 2568

สรุปสาระสำคัญ
  • เศรษฐกิจภาคอีสานหดตัว จากเดือนก่อน
  • ในเดือนก่อน กิจกรรมทางเศรษฐกิจทรงตัว โดยการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวชั่วคราวจากการเร่งซื้อเพื่อสำรองใช้ในยามฉุกเฉินและการซื้อของบริจาคแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่ภาคบริการท่องเที่ยวหดตัวตามกิจกรรมการท่องเที่ยวที่ลดลงจากความกังวลด้านความปลอดภัย รายได้เกษตรกรหดตัวต่อเนื่องจากปัจจัยด้านราคา และภาคการผลิตหดตัวต่อเนื่องตามกำลังซื้อภายในประเทศที่ยังอ่อนแรงและการผลิตแป้งมันสำปะหลังตามผลผลิตมันสำปะหลังที่ออกสู่ตลาดลดลง
  • เดือนนี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจหดตัว ตามการบริโภคภาคเอกชนที่หดตัวในทุกหมวดสินค้าจากกำลังซื้อที่อ่อนแอ สอดคล้องกับรายได้เกษตรกรที่หดตัวต่อเนื่อง กอปรกับผลของการเร่งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในเดือนก่อนหมดลง ด้านภาคบริการท่องเที่ยวหดตัวต่อเนื่องจากกำลังซื้อที่อ่อนแอ รวมถึงความกังวลด้านความปลอดภัยจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่ยังมีอยู่ เช่นเดียวกับภาคการผลิตที่หดตัวในเกือบทุกหมวดโดยเฉพาะการผลิตแป้งมันสำปะหลัง จากข้อจำกัดด้านการนำเข้าวัตถุดิบจากประเทศเพื่อนบ้าน

ภาวะเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้ว)
 

รายได้เกษตรกร หดตัวต่อเนื่อง (เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน)

ตามปัจจัยด้านราคาเป็นสำคัญ โดยราคายางพาราหดตัวจากความต้องการของคู่ค้าที่ชะลอลง ราคาข้าวเปลือกจากปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดโลกมากขึ้น และมันสำปะหลังตามความต้องการของจีนที่ลดลง ขณะที่ผลผลิตโดยรวมทรงตัว

 

การผลิตภาคอุตสาหกรรม หดตัวต่อเนื่อง

ตามการผลิตในเกือบทุกหมวด โดยหมวดอาหารหดตัว ตามการผลิตแป้งมันสำปะหลัง จากการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาทำให้ไม่สามารถนำเข้าวัตถุดิบเพื่อแปรรูปได้ หมวดเครื่องดื่มหดตัว ตามกำลังซื้อที่ยังอ่อนแรงต่อเนื่อง และหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์หดตัวต่อเนื่อง หลังจากเร่งผลิตเพื่อส่งออกไปช่วงก่อนหน้า

 

ภาคบริการท่องเที่ยว หดตัวต่อเนื่อง

ตามกำลังซื้อที่ยังอ่อนแอ รวมถึงความกังวลด้านความปลอดภัยจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่ยังมีอยู่ ส่งผลให้จำนวนผู้เยี่ยมเยือนทั้งไทยและต่างชาติ รวมถึงรายได้รวมภาคการท่องเที่ยวหดตัว ขณะที่จังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติยังขยายตัวได้ 

 

การบริโภคภาคเอกชน กลับมาหดตัว

ในทุกหมวดสินค้า ตามกำลังซื้อที่อ่อนแอลงต่อเนื่อง โดยการใช้จ่ายในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภคกลับมาหดตัว หลังเร่งชั่วคราวในเดือนก่อนจากการซื้อเพื่อสำรองใช้ในยามฉุกเฉินและการซื้อของเพื่อบริจาคแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นอกจากนี้ การใช้จ่ายในหมวดบริการยังได้รับผลกระทบจากความกังวลด้านความปลอดภัยที่ยังมีอยู่

 

การลงทุนภาคเอกชน หดตัวเล็กน้อย

ตามการลงทุนด้านเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่หดตัวต่อเนื่อง จากยอดจดทะเบียนรถยนต์เชิงพาณิชย์และยอดจำหน่ายเครื่องจักรภายในประเทศที่ลดลงต่อเนื่อง ขณะที่การลงทุนด้านการก่อสร้างขยายตัวต่อเนื่อง จากพื้นที่ขออนุญาตก่อสร้างและยอดจำหน่ายปูนซีเมนต์ที่เพิ่มขึ้น 

 

การค้าผ่านด่านศุลกากร หดตัวต่อเนื่อง

ตามการส่งออกทุเรียนสดไปจีนที่หดตัวเป็นสำคัญ จากผลผลิตทุเรียนของภาคใต้ที่ลดลงหลังเร่งส่งออกในเดือนก่อน อย่างไรก็ดี การนำเข้าขยายตัวเล็กน้อย ในหมวดโทรศัพท์มือถือและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากเวียดนาม และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากกัมพูชาที่นำเข้าผ่านด่านศุลกากรอื่นนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา

 

อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ติดลบมากขึ้น ตามราคาอาหารสดเป็นสำคัญ

 

ตลาดแรงงาน ทรงตัว ตามการจ้างงานในภาคก่อสร้าง การค้าและผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ภาคบริการด้านโรงแรมและร้านอาหารปรับลดลง ตามกิจกรรมท่องเที่ยวที่หดตัวต่อเนื่อง

 

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

- กำลังซื้อของครัวเรือนและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในระยะข้างหน้า

- ผลกระทบจากนโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก 

- ผลจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

 

 

 

ธนาคารแห่งประเทศไทย
30 กันยายน 2568

 

หมายเหตุ

สาขาเศรษฐกิจด้านอุปสงค์ที่มีความสำคัญต่อภาคอีสาน ได้แก่ การอุปโภคบริโภค การลงทุนภาคเอกชน การใช้จ่ายภาครัฐ และการค้าผ่านด่านศุลกากร ตามลำดับ

ข้อมูลเพิ่มเติม

ส่วนเศรษฐกิจการเงินภาค สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

043 913 532

Neo-econ-div@bot.or.th