ภาวะเศรษฐกิจการเงินภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
04 พฤศจิกายน 2568
แถลงข่าวภาวะเศรษฐกิจการเงินภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไตรมาสที่ 3 ปี 2568
ภาวะเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เศรษฐกิจอีสานปัจจุบันไตรมาสที่ 3
แรงส่งภายนอกแผ่ว และภายในยิ่งอ่อนแรงมากขึ้น
เศรษฐกิจอีสานไตรมาสนี้หดตัวต่อเนื่อง ตามแรงส่งภายในที่อ่อนแรงมากขึ้น โดยการบริโภคภาคเอกชนที่หดตัวต่อเนื่องในทุกหมวดสินค้า จากกำลังซื้อที่อ่อนแอมากขึ้น สอดคล้องกับภาคบริการท่องเที่ยวที่หดตัวตามกิจกรรมการท่องเที่ยวที่ลดลงจากความกังวลด้านความปลอดภัย รายได้เกษตรกรหดตัวจากด้านราคา ขณะเดียวกันแรงส่งภายนอกเริ่มแผ่วลง จากภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่กลับมาหดตัว ทั้งการผลิตแป้งมันสำปะหลัง จากข้อจำกัดด้านการนำเข้าวัตถุดิบจากประเทศเพื่อนบ้าน การผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่หดตัวหลังจากการเร่งการผลิตเพื่อส่งออก และการผลิตเครื่องดื่มที่หดตัวตามกำลังซื้อที่อ่อนแรง ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐชะลอตัวหลังจากที่เร่งเบิกจ่ายไปมากในช่วงก่อนหน้า
คนมีเงินขาดความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจอีสาน
ส่งผลให้สิ่งไหนงดได้งด ชิ้นไหนไม่จำเป็นชะลอไว้ก่อน
พฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจนในไตรมาสนี้ โดยมูลค่าการซื้อสินค้าไม่จำเป็นลดลงเป็นอย่างมาก ในประเภทเครื่องดื่มทั้งที่มีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์ ขนมขบเคี้ยว และเครื่องสำอาง ขณะเดียวกันการบริโภคสินค้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้น อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องประดับ และเฟอร์นิเจอร์ ล้วนมีทิศทางการบริโภคที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
เศรษฐกิจอีสานน่าเป็นห่วง ติดชะงักอยู่ใน
วังวนเศรษฐกิจที่หาทางออกได้ยาก
เศรษฐกิจอีสานปัจจุบันอยู่ในวังวนเศรษฐกิจที่มีสาเหตุสำคัญมาจากกำลังซื้อที่อ่อนแอ โดยในไตรมาสนี้เห็นอาการชัด จากการบริโภคภาคเอกชนที่หดตัวต่อเนื่องในทุกหมวดสินค้า โดยเฉพาะการบริโภคสินค้าไม่จำเป็นที่หดตัวมากในหมวดเครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว และเครื่องสำอาง ซึ่งการจับจ่ายที่อ่อนแรงลงนี้ส่งผลให้การผลิตที่พึ่งพากำลังซื้อภายในประเทศหดตัว เช่นเดียวกับการผลิตเพื่อการส่งออกที่กลับมาหดตัวจากความต้องการจากคู่ค้าต่างประเทศที่ลดลง ขณะเดียวกันมุมมองของผู้ประกอบการต่อภาพเศรษฐกิจอีสานยังคงมีกังวล จึงชะลอการลงทุนใหม่ สะท้อนจากทิศทางการจดทะเบียนจัดตั้งโรงงานใหม่ที่ลดลง และแนวโน้มการลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่หดตัวอย่างต่อเนื่อง ด้านรายได้ครัวเรือนมีความเปราะบางมากขึ้นทั้งในและนอกภาคเกษตร โดยรายได้เกษตรกรยังคงหดตัวจากราคาสินค้าเกษตรที่ปรับลดลงต่อเนื่อง แม้ผลผลิตจะยังขยายตัวดีจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ขณะที่ความเป็นอยู่ของแรงงานนอกภาคเกษตรมีความเสี่ยงมากขึ้น จากตลาดแรงงานที่ตึงตัว ธุรกิจไม่ปลดแรงงาน แต่ก็ไม่จ้างแรงงานใหม่เพิ่ม จากปัจจัยทั้งหมดนี้เกิดเป็นวังวนที่เศรษฐกิจอีสานหาทางออกได้ยาก
มาตรการภาครัฐที่เร่งเติมกำลังซื้อ
จะช่วยให้เงินกลับมาหมุนในระบบได้ในระดับหนึ่ง
มาตรการคนละครึ่งพลัสในช่วงปลายปีที่กระตุ้นการบริโภคทั้งจากการเพิ่มเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแก่กลุ่มผู้มีรายได้น้อย และการจูงใจให้คนที่มีรายได้จับจ่ายมากขึ้นด้วย คนละครึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะพยุงกำลังซื้อภาคอีสานในระยะสั้น แม้จะยังไม่สร้างผลดีชัดเจนต่อโครงสร้างเศรษฐกิจ แต่เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นการบริโภคของภาคอีสานที่ตกต่ำได้ โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินจากมาตรการต่อภาคอีสานประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาท
ทุกครั้งที่เจอวิกฤต เศรษฐกิจอีสานเติบโตชะลอลง
และเศรษฐกิจอีสานไม่เคยกลับไปโตได้ในอัตราที่เท่าเดิม
เศรษฐกิจอีสานในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมาเผชิญกับวิกฤตทางเศรษฐกิจหลายครั้งด้วยกัน โดยเศรษฐกิจอีสานมีอัตราการเติบโตชะลอลงอย่างต่อเนื่อง จากที่เคยเติบโตเฉลี่ย 4.5% ต่อปีในช่วงปี 2543-2550 แต่ในปัจจุบันหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 เศรษฐกิจอีสานเติบโตเฉลี่ยเพียง 0.7% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำกว่าประเทศ สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างในเศรษฐกิจอีสาน