คำถามพบบ่อย

กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (Financial Institutions Development Fund หรือ FIDF)

คำถาม-คำตอบ

ตอบ กองทุนฟื้นฟูฯ เป็นนิติบุคคล มีสินทรัพย์และหนี้สินแยกต่างหากจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2528 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน ฟื้นฟู และพัฒนาระบบสถาบันการเงินให้มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพโดยเฉพาะเมื่อมีวิกฤตการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นในระบบสถาบันการเงิน

หลังจัดตั้ง กองทุนฯ ได้เข้ามาสานต่อการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินตาม "โครงการ 4 เมษายน 2527" เป็นกลไกช่วยเหลือสภาพคล่อง รวมถึงฟื้นฟูสถาบันการเงินที่ประสบปัญหามาอย่างต่อเนื่อง จนถึงวิกฤตทางการเงินในปี 2540 ที่กองทุนฟื้นฟูมีภารกิจสำคัญในการให้ความช่วยเหลือสภาพคล่องสถาบันการเงินเพื่อนำไปจ่ายคืนผู้ฝากเงินเพื่อเรียกความเชื่อมั่นและลดความตื่นตระหนกของประชาชน การฟื้นฟูกิจการด้วยการซื้อหุ้นเพิ่มทุนและการรับซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ รวมทั้งการรับประกันผู้ฝากเงินและเจ้าหนี้ตามนโยบายของรัฐบาล  อย่างไรก็ดี เมื่อสถานการณ์ทางการเงินของประเทศดีขึ้น และมีการจัดตั้งสถาบันคุ้มครองเงินฝากในปี 2551 กองทุนฟื้นฟูฯจึงได้ยกเลิกการประกันเจ้าหนี้และยุติบทบาทการประกันผู้ฝากเงิน

ปัจจุบันกองทุนฟื้นฟูฯ มีภารกิจสำคัญ 3 ด้าน คือ 1) การบริหารจัดการหนี้ FIDF ตาม พ.ร.ก.ปรับปรุงการบริหารหนี้ฯ ปี 2555 2) การติดตามและบริหารทรัพย์สินคงเหลือจากการเข้าแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินในอดีต และ 3) การเตรียมพร้อมรองรับการดำเนินการตามแผนแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินได้อย่างทันการณ์หากเกิดวิกฤตสถาบันการเงินในอนาคต

ตอบ ความเสียหายจากการเข้าไปช่วยเหลือสถาบันการเงินตามนโยบายของทางการ ในวิกฤตปี 2540 ทำให้ FIDF มีความเสียหายก้อนใหญ่ โดยรัฐบาลมีการออก พรก. 2 ครั้ง เพื่อออกพันธบัตรชดเชยความเสียหายให้กับกองทุนฟื้นฟูฯ รวม 1.21 ล้านล้านบาท (FIDF1 และ FIDF3) และมีมติ ครม. เพื่อค้ำประกันพันธบัตรที่ออกโดยกองทุนฟื้นฟูฯ อีก 1.12 แสนล้านบาท (FIDF2) รวมเป็น 1.32 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ ภาระหนี้ดังกล่าวนับเป็นหนี้สาธารณะ โดยมีการกำหนดแหล่งเงินที่จะนำมาจ่ายคืนเงินต้นและดอกเบี้ยจากการออกพันธบัตรดังกล่าวไว้

 FIDF1FIDF2FIDF3
เงินชดเชยความเสียหาย5.13 แสนล้านบาท (พรก.ปี 41) 1.12 แสนล้านบาท (มติ ครม. ปี 43)6.96 แสนล้านบาท (พรก. ปี 45)
รูปแบบการ fundingก.คลัง ออกพันธบัตร

ก.คลัง ค้ำประกัน

พันธบัตรกองทุนฟื้นฟูฯ

ก.คลัง ออกพันธบัตร
แหล่งเงินจ่ายคืนเงินต้นกำไร ธปท. ตั้งแต่ 2555 เพิ่ม FIDF fee และเงินหรือทรัพย์สินของกองทุนฟื้นฟูฯ สินทรัพย์คงเหลือบัญชีผลประโยชน์ประจำปี ตาม กม.ว่าด้วยเงินตราสินทรัพย์คงเหลือบัญชีผลประโยชน์ประจำปี ตาม กม.ว่าด้วยเงินตรา ตั้งแต่ 2555 เพิ่ม FIDF fee และเงินหรือทรัพย์สินของกองทุนฟื้นฟูฯ รวมถึงกำไร ธปท.
แหล่งเงินจ่ายคืนดอกเบี้ยเดิม : งบประมาณแผ่นดิน  ตั้งแต่ 2555 : FIDF fee กำไร ธปท. และเงินหรือทรัพย์สินของกองทุนฟื้นฟูฯ รายได้ของกองทุนฯเดิม : งบประมาณแผ่นดิน  ตั้งแต่ 2555 : FIDF fee กำไร ธปท. และเงินหรือทรัพย์สินของกองทุนฟื้นฟูฯ

ตอบ ในปี 2555 รัฐบาลต้องการลดภาระการจ่ายดอกเบี้ย FIDF ที่มีอยู่จำนวนสูง เพื่อจะนำงบประมาณไปใช้ฟื้นฟูประเทศภายหลังวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 จึงได้ตรา พรก. บริหารหนี้ฯ ปี 2555 เพื่อเพิ่มแหล่งเงินอีก 2 แหล่ง มาใช้ชำระหนี้ FIDF1 และ FIDF3 ที่คงเหลือในขณะนั้น 1.14 ล้านล้านบาท (หนี้ FIDF2 ชำระเสร็จสิ้นเมื่อปี 2549) คือ
(1) เงินหรือทรัพย์สินของกองทุนฟื้นฟูฯ  
(2) เงินที่เก็บจากธนาคารพาณิชย์ในอัตราร้อยละ 0.46 ของฐานเงินรับฝาก (FIDF Fee) ซึ่งถือเป็นต้นทุนของธนาคารพาณิชย์ในการประกอบธุรกิจ  โดยกองทุนฯ จะกันเงินส่วนหนึ่งเพื่อจ่ายดอกเบี้ยรวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับจัดการหนี้ FIDF1 และ FIDF3 ส่วนเงินที่เหลือจะส่งไปจ่ายเงินต้น ซึ่งสำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) จะเป็นผู้พิจารณาว่าจะตัดเงินต้นในส่วนไหน  โดยกองทุนฯ ไม่สามารถนำเงินไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อย่างอื่นได้ทำให้ยอดหนี้เงินต้นลดลงต่อเนื่อง โดย ณ 15 ก.ย. 67 มีหนี้เงินต้นคงเหลือรวม 5.5 แสนล้านบาท  (FIDF1 = 2.6 แสนล้านบาท FIDF3 = 2.9 แสนล้านบาท) โดยคาดว่าจะชำระหนี้เงินต้นหมดภายในปี 2574

ตอบ หนี้กองทุนฟื้นฟูฯ เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินปี 2540 ซึ่งในเวลานั้นรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นร่วมกันว่าเป็นวิกฤตครั้งใหญ่ เป็นปัญหาระดับประเทศ จึงร่วมกันออกมาตรการต่าง ๆ โดยดำเนินการผ่านกองทุนฟื้นฟูฯ รวมทั้งมีการประกาศค้ำประกันเต็มจำนวนแก่เจ้าหนี้และผู้ฝากเงิน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบสถาบันการเงิน รักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ และให้ภาคธุรกิจดำเนินการต่อได้และไม่ทำให้ผู้ฝากเงินได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ การดำเนินการต่าง ๆ หากส่งผลให้กองทุนฟื้นฟูฯ ได้รับความเสียหาย รัฐบาลจึงต้องให้ความช่วยเหลือทางการเงินที่จำเป็นแก่กองทุนฟื้นฟูฯ ซึ่งกองทุนฟื้นฟูฯ ได้ขอรับความช่วยเหลือมาเป็นลำดับ รวมจำนวนเงินชดเชยความเสียหายทั้งสิ้น 1.32 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้สาธารณะ

ทั้งนี้ เป็นหลักปฏิบัติสากลที่การแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจนับเป็นหน้าที่ของรัฐบาล เพราะเป็นผู้มีอำนาจเก็บภาษีและจัดสรรทรัพยากรในประเทศ เช่น การแก้ไขปัญหาวิกฤตสถาบันการเงินในสหรัฐฯ และยุโรปในช่วงปี 2551 ถึง 2555 หรือแม้กระทั่งการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับสถาบันการเงินในช่วงต้นปี 2566 ทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป (SVB และ Credit Suisse)