การออกใช้ธนบัตรและทุนสำรองเงินตรา

การออกใช้ธนบัตรและทุนสำรองเงินตรา


 

​การจัดพิมพ์และนำธนบัตรออกใช้หมุนเวียนในระบบเงินตราเป็นหน้าที่สำคัญอีกด้านหนึ่งของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่มีบทบาทสำคัญต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศอย่างยิ่ง ด้วยธนบัตรเป็นเงินตราที่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ซึ่งต้องอาศัยการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และได้มาตรฐาน เพื่อให้ธนบัตรไทยคงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือสมเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนที่สำคัญในปัจจุบัน

การออกใช้ธนบัตรเพื่อหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเป็นหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)  โดยมีสายออกบัตรธนาคาร ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของ ธปท. ทำหน้าที่ในการผลิตและออกใช้ธนบัตรภายในประเทศ สำหรับปริมาณธนบัตรที่ออกใช้ในปีหนึ่ง ๆ นั้น ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ และความต้องการใช้ธนบัตรชนิดราคาต่าง ๆ ของประชาชน ส่วนอัตราเพิ่มของมูลค่าธนบัตรออกใช้จะเป็นอัตราที่พอเหมาะกับความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ

พระราชบัญญัติเงินตรา พุทธศักราช 2501 มาตรา 16 กำหนดไว้ว่า การนำธนบัตรออกใช้จะทำได้เพียง 2 กรณี เท่านั้น คือ

  1. แลกเปลี่ยนทันทีกับธนบัตรที่ออกใช้ไปก่อน แล้วถอนคืนจากการออกใช้ในมูลค่าเท่ากัน
  2. แลกเปลี่ยนทันทีกับสินทรัพย์อย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งมีค่าเท่ากัน และมีระบุไว้ในมาตรา 30 ซึ่งจะต้องรับขึ้นบัญชีทุนสำรองเงินตรา 

ทุนสำรองเงินตรา คือ สินทรัพย์ที่ใช้หนุนหลังธนบัตรออกใช้ สินทรัพย์ดังกล่าว ธปท. จะต้องรักษาและกันไว้ต่างหากจากทรัพย์สินอื่น ๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในค่าของธนบัตรและเป็นหลักประกันว่าการออกใช้ธนบัตรมีขอบเขตอยู่เท่ากับสินทรัพย์ที่จะมาเป็นทุนสำรองเงินตรา

พระราชบัญญัติเงินตรา พุทธศักราช ๒๕๐๑ มาตรา ๓๐ กำหนดสิ่งอันชอบด้วยกฎหมายที่ประกอบขึ้นเป็นทุนสำรองเงินตรา ดังนี้

  1. ทองคำ
  2. เงินตราต่างประเทศอันเป็นเงินตราที่พึงเปลี่ยนได้ หรือเงินตราต่างประเทศอื่นใดที่กำหนดโดยกฎกระทรวง ทั้งนี้ ต้องเป็นรูปเงินฝากในธนาคารนอกราชอาณาจักร หรือในสถาบันการเงินระหว่างประเทศ
  3. หลักทรัพย์ต่างประเทศที่จะมีการชำระหนี้เป็นเงินตราต่างประเทศที่ระบุไว้ในข้อ 2.
  4. ทองคำ สินทรัพย์ต่างประเทศ และสิทธิพิเศษถอนเงิน ทั้งนี้ ที่นำส่งสมทบทุนกองทุนการเงินใบ
  5. สำคัญสิทธิซื้อส่วนสำรอง
  6. ใบสำคัญสิทธิพิเศษถอนเงิน
  7. หลักทรัพย์รัฐบาลไทยที่จะมีการชำระหนี้เป็นเงินตราต่างประเทศที่ระบุไว้ในข้อ 2. หรือเป็นบาท
  8. ตั๋วเงินในประเทศที่ธนาคารแห่งประเทศไทยพึงซื้อหรือรับช่วงซื้อลดได้ แต่ต้องมีค่ารวมกันไม่เกินร้อยละ 20 ของจำนวนธนบัตรออกใช้

 

สินทรัพย์ตาม ข้อ 1 2 3 4 5 และ 6 นั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยจะต้องดำรงไว้ให้มีค่ารวมกันทั้งสิ้น ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 ของมูลค่าธนบัตรออกใช้ ​