เกิด แก่ เจ็บ ตาย อย่างมีความสุข
09 กันยายน 2566
“ความสุข = สิ่งที่เกิดขึ้น – ความคาดหวัง” เป็นสมการที่คุณเอ๋ นิ้วกลม นักคิดนักเขียนชื่อดังของเมืองไทย ได้กล่าวไว้ในช่วงเริ่มต้นแรก ๆ ของทอล์คโชว์ “นิ้วกลมนั่งเล่า #ดอกไม้ในพายุหมุน” ซึ่งผู้เขียนคิดว่าเป็นความจริงอย่างยิ่งสำหรับมนุษย์ปุถุชน เพราะเมื่อเราตั้งความคาดหวังอะไรไว้ หากสิ่งที่เกิดขึ้นดีกว่าหรือมากกว่าที่คาดหวัง ความสมหวัง หรือในที่นี้คือความสุข ย่อมเกิดขึ้นหรือมีค่าเป็นบวก แต่ในทางตรงกันข้าม หากสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ดีหรือน้อยกว่าที่คาดหวังไว้ จะเกิดความผิดหวัง ความสุขจะเป็นลบ หรือทำให้เกิดความทุกข์นั่นเอง ดังนั้น สมการความสุขที่ว่านี้สอดคล้องกับคำกล่าวที่ว่า “เมื่อไม่คาดหวัง ย่อมไม่ผิดหวัง”
ผู้เขียนได้มีโอกาสไปเข้าร่วมฟังคุณเอ๋ในทอล์คโชว์นี้เมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา รู้สึกประทับใจในข้อคิดต่าง ๆ ที่คุณเอ๋ได้ตกผลึกไว้อย่างแยบคาย สนุกและไม่น่าเบื่อ ซึ่งได้จากทั้งการอ่านหนังสือ พูดคุยกับผู้คนต่าง ๆ รวมทั้งกลั่นกรองจากประสบการณ์ชีวิตของตนเอง ทอล์คโชว์แบ่งออกเป็น 4 ช่วง ได้แก่ เกิด แก่ เจ็บ ตาย จนต้องขออนุญาตคุณเอ๋ ผู้เป็นกัลยาณมิตร มาถ่ายทอดข้อคิดสำคัญพร้อมเพิ่มทรรศนะบางส่วนของผู้เขียนให้ท่านผู้อ่านบางขุนพรหมชวนคิดได้รับฟังและคิดตามกันวันนี้ แม้อาจจะไม่ได้อรรถรสเท่ากับการได้รับฟังด้วยตนเองก็ตามครับ
ตั้งแต่เราเกิด ชีวิตเราเปรียบเสมือนหยดน้ำหมึกที่ผสมผสานกันเป็นภาพวาดแห่งชีวิต มีทั้งหยดหมึกที่เราเข้าใจมันได้ง่าย เข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง และชอบมัน แต่ก็มีหยดหมึกอีกมากมายที่เราไม่เข้าใจว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร ตัวเราอาจไม่ชอบจนถึงขั้นด่าทอหยดหมึกเหล่านั้นเสียด้วยซ้ำว่าเกิดขึ้นทำไม แต่เมื่อเรามองย้อนกลับไป ทุกหยดหมึกทั้งที่เราชอบและไม่ชอบ ล้วนหลอมรวมเป็นภาพวาดให้ตัวเราเติบโตเป็นเรามาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งผู้เขียนขอเพิ่มเติมว่า เราจึงไม่ควรยึดติดและจมอยู่กับอดีต เพราะเป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ อะไรที่ทำผิดพลาดไปแล้วย่อมเป็นบทเรียนเพื่อให้เราไม่ผิดซ้ำ และพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเป็นภาพวาดที่มีหยดหมึกที่เราชื่นชอบมากขึ้นต่อไป
ภายใต้บริบทโลกปัจจุบัน เรามักได้รับความคาดหวังให้วิ่งขึ้นยอดภูเขาแห่งความสำเร็จอยู่เสมอ และเมื่อสำเร็จขั้นหนึ่งแล้วก็ยังต้องไปต่ออีก ต้องเอาชนะเรื่อย ๆ เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์แบบที่สุด แต่เราเคยถามตัวเองหรือไม่ว่า “ทำไมเราอยากขึ้นไปสูงสุด?” “ต้องขึ้นไปสูงแค่ไหนจึงจะพอ?” และหลายคนลืมไปว่า ความไม่สมบูรณ์แบบก็มีความงดงามในตัวของมันเอง ดังปรัชญาของญี่ปุ่นที่ว่า “วะบิ ซะบิ” ดังนั้น เวลาทำอะไรไม่สำเร็จ เอาชนะไม่ได้ ควรรู้จักใจดีกับตัวเอง เพราะ “ชีวิตยังมีอย่างอื่นอีกเยอะ นอกจากการเอาชนะ อย่าไปยึดติดกับมัน”
ทุกชีวิตเปรียบเสมือนดอกไม้ที่แต่ละดอกมีสีแตกต่างกันและมีคุณค่าในตัวของมันเอง ไม่ว่าบทบาทของเราจะดูสำคัญหรือไม่สำคัญในสายตาใครหรือบริบทในสังคมอย่างไร เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม สิ่งที่เราทำมันจะผลิดอกออกผลและงดงามในตัวเองเสมอ ดังนั้น เมื่อเรารู้จักเมตตาตนเอง ขอบคุณสิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้เราเป็นเราทุกวันนี้ และเห็นคุณค่าในตัวเองแล้ว ต่อให้มีพายุหมุนเข้ามากี่ลูกในชีวิต เราย่อมไม่หวั่นไหวไปตามพายุนั้น
ท้ายที่สุด ชีวิตคนเราย่อมพบกับความเจ็บป่วยและการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เหมือนเดิม ในยามเจ็บป่วย เราจะเห็น “บัญชีมิตรภาพ” ที่เราได้สะสมไว้ตลอดมาในชีวิต กล่าวคือ จะเห็นได้เลยว่ามิตรแท้ของเราเป็นใครบ้าง เพราะแม้ว่าเงินทองจะสำคัญกับการดำรงชีวิต แต่มิตรภาพและทุก ๆ ความสัมพันธ์ มีความสำคัญกับชีวิตเราไม่น้อยไปกว่ากันเลย คนเรามักจะลืมไปว่าชีวิตที่ดำเนินอยู่ได้นี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะตัวเราเพียงคนเดียว แต่ “ชีวิตเราดำเนินไปได้เพราะชีวิตอื่น” มีลมใต้ปีกที่ช่วยพาเราบินขึ้น นอกจากการกระพือปีกของตัวเราเองเสมอ
ขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านที่กรุณาพยุงปีกให้ผู้เขียนเสมอมาครับ
** บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล จึงไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความเห็นของหน่วยงานที่ผู้เขียนสังกัด **