รถไฟจีน-ลาว มีนัยสำคัญต่อการค้าภาคเหนือหรือไม่ ?
ก้องภพ ภู่สุวรรณ | กุศล จันทร์แสงศรี | ปราณี จิระกิตติเจริญ สำนักเศรษฐกิจภูมิภาค ฝ่ายนโยบายโครงสร้างเศรษฐกิจ ธนาคารแห่งประเทศไทย
15 มี.ค. 2565
ภาคเหนือเป็นอีกหนึ่ง gateway สำคัญเชื่อมโยงการค้าระหว่างไทยกับจีนตอนใต้ผ่านโครงข่ายคมนาคมเชื่อมโยงทั้งทางบกทางถนนผ่าน สปป.ลาว (R3A) และเมียนมา (R3B) รวมทั้งทางแม่น้ำโขง โดยตั้งแต่ปี 2535 ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภาคลุ่มน้ำโขง (Greater Mekong Sub-region: GMS) ทำให้การค้าและการท่องเที่ยวเติบโตสูงต่อเนื่อง (รูปที่ 1) ล่าสุดมีการเปิดให้บริการรถไฟจีน-ลาว เมื่อ 3 ธ.ค. 2564 ที่ผ่านมา จะเป็นโอกาสของสินค้าภาคเหนืออย่างไร1/ บทความนี้จึงได้ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกเส้นทาง อาทิ ต้นทุน ระยะเวลา ความเสี่ยง และความสะดวกในการขนส่ง เพื่อวิเคราะห์ศักยภาพของเส้นทางขนส่งสินค้าเดิมเปรียบเทียบกับเส้นทางใหม่ ชวนค้นหาคำตอบได้ที่นี่
เดิมการขนส่งสินค้าระหว่างภาคเหนือกับจีนตอนใต้ มี 3 เส้นทาง เรือแม่น้ำโขง R3A และ R3B (รูปที่ 2) การเลือกเส้นทางขึ้นกับชนิดของสินค้า และตลาดลูกค้าปลายทาง ส่วนใหญ่ใช้ทางถนน R3A การเปิดเดินรถไฟจีน-ลาว ช่วยเพิ่ม
ทางเลือกในการขนส่ง เป็นโอกาสที่จะขยายการค้ากับจีนตอนใต้เพิ่มขึ้น (รูปที่ 3)
รถไฟจีน-ลาว จะช่วยลดต้นทุน ลดเวลา ลดความเสี่ยง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการค้าระหว่างภาคเหนือกับจีนตอนใต้ให้คล่องตัวยิ่งขึ้น
การค้ากับจีนจะมีโอกาสและสะดวกมากขึ้น จากข้อตกลง RCEP ที่มีผลตั้งแต่ 1 ม.ค. 2565 สินค้าไทยมีโอกาสทำตลาดในจีนมากขึ้นในกลุ่มสินค้าเกษตรอาหาร และอุตสาหกรรมบางรายการ จากการตรวจปล่อยสินค้าที่รวดเร็วขึ้น สินค้าเน่าเสียง่ายภายใน 6 ชั่วโมง และสินค้าปกติภายใน 48 ชั่วโมง และจากงานศึกษา “คว้าโอกาสให้การค้าไทย จากรถไฟจีน-ลาว”9/ ซึ่งพิจารณาจากอัตราการเติบโตตลาดและการขยายตัวของส่วนแบ่งสินค้าไทยในจีน ระหว่างปี 2559-2563 พบว่า ภาคเหนือมีสินค้าดาวเด่น ที่มีศักยภาพในการส่งออกทางรถไฟไปจีนตอนใต้ ได้แก่
อย่างไรก็ตาม การขนส่งสินค้าทางรถไฟมีการตรวจสอบสินค้าเข้มงวด ทั้งด้านสุขอนามัยและมาตรฐานสินค้า ผู้ประกอบการต้องเตรียมความพร้อมรองรับ เพราะหากมีการตรวจพบเชื้อและสารตกค้างจะถูกทำลายสินค้าทิ้ง หรืออาจถูกยึดใบอนุญาตนำเข้า ตามที่เคยเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2564 ที่จีนระงับการนำเข้าลำไยจากไทย เนื่องจากตรวจพบเพลี้ยแป้ง รวมถึงช่วงปลายปี 2564-ต้นปี 2565 จีนทำลายผลไม้นำเข้าจากไทย อาทิ ลำไยและทุเรียน จากการตรวจพบเชื้อ COVID-19
การเปิดให้บริการรถไฟจีน-ลาว จะสร้างโอกาสทางการค้าระหว่างภาคเหนือกับจีนตอนใต้ เป็นประโยชน์ทั้งผู้ส่งออกสินค้า ผู้ประกอบการผลิต และเกษตรกรที่ทำการเพาะปลูกพืชผลเกษตร โดยเฉพาะผลไม้สำคัญของภาคเหนือ เช่น ลำไย ทุเรียน มะขาม และมะม่วง อย่างไรก็ตาม ในช่วงทดลองให้บริการขนส่งสินค้ายังมีข้อจำกัดหลายประการ แต่หากสามารถปลดล็อคข้อจำกัดด้านต่าง ๆ ได้ เช่น ข้อตกลงพิธีสารด้านการขนส่ง ไทย-สปป.ลาว และระบบตรวจสอบสินค้าของจีนแล้วเสร็จ เส้นทางรถไฟจีน-ลาว จะมีศักยภาพในการขนส่งสินค้ากับจีนตอนใต้มากขึ้น เนื่องจากเป็นเส้นทางที่ประหยัดต้นทุน สะดวกรวดเร็วขึ้น และมีความเสี่ยงต่ำกว่าการขนส่งทางถนน R3A และทางเรือแม่น้ำโขง
อย่างไรก็ตาม เกษตรกรต้องยกระดับมาตรฐานสินค้าให้สูงขึ้น และมีความเข้มงวดด้านสุขอนามัย เพื่อให้สามารถขนส่งผลไม้ทางรถไฟจีน-ลาวได้ ขณะที่ผู้ประกอบการผลิตจำเป็นต้องนำสินค้าไปตรวจสอบคุณภาพกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีนก่อน รวมทั้งควรนำตู้คอนเทนเนอร์ไปจดทะเบียนขนส่งทางรถไฟจีน เพื่อให้สามารถขนส่งได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายตู้ มองไปข้างหน้า หากการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานบริเวณชายแดนไทย-ลาว-จีนตอนใต้ ทั้งทางด่วนบ่อเต็น-ห้วยทรายใน สปป.ลาว และเส้นทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงของ แล้วเสร็จ จะพลิกโฉมการขนส่งของภาคเหนือ ผู้ประกอบการจะได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นอีกจากการเชื่อมโยงขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal Transportation) ไปเชื่อมต่อกับรถไฟจีน-ลาว จะทำให้สามารถกระจายสินค้าภาคเหนือไปทั่วประเทศจีนได้สะดวกยิ่งขึ้น ใช้เวลาขนส่งสั้นลง และลดต้นทุนค่าขนส่งได้มากกว่าที่ประเมินขั้นต้น
ดังนั้นการศึกษาเส้นทางการขนส่งรูปแบบต่าง ๆ จะช่วยให้การตัดสินใจเลือกรูปแบบการขนส่งสินค้าได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ การยกระดับมาตรฐานสินค้า และปฎิบัติตามข้อกำหนดของประเทศคู่ค้า รวมทั้งรับรู้สินค้าของภาคเหนือที่มีศักยภาพในจีนจะช่วยให้ผู้ประกอบการภาคเหนือสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสที่ติดมากับขบวนรถไฟจีน-ลาว ได้มากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันพื้นที่เชียงของมีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำคัญรองรับการเชื่อมโยงรถไฟจีน-ลาว และถนน R3A ดังนี้
1. ศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ รองรับการเปลี่ยนหัวลาก-หางพ่วงระหว่างรถบรรทุกไทยกับรถบรรทุกต่างประเทศ และการเปลี่ยนถ่ายสินค้าจากทางถนนสู่ทางราง (Modal Shift) กับรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงของ คาดว่าก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2568
2. รถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงของ (รูปที่ 7) รองรับการขนส่งสินค้าและช่วยลดต้นทุนการขนส่ง คาดว่าเริ่มทยอยก่อสร้างกลางปี 2565 และแล้วเสร็จในปี 2571
นอกจากนี้ สปป.ลาว มีโครงการทางด่วนบ่อเต็น - ห้วยทราย ซึ่งจะช่วยร่นระยะทางบนเส้น R3A จาก 228.3 กม. เหลือเพียง 176.3 กม. และลดระยะเวลาการขนส่งจาก 5 ชั่วโมง เหลือเพียง 1.30 ชั่วโมง คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2570
บทความนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีจากการสนับสนุนของนักวิชาการและนักธุรกิจที่ให้ความร่วมมืออย่างดียิ่งในการให้ข้อมูลต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อบทความนี้ ผู้เขียนขอขอบพระคุณ เป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้
หมายเหตุ:
1/ เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนยังไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้จึงขอโฟกัสเฉพาะการค้า
2/ ที่มา: กรมศุลกากร, อัตราเติบโตเฉลี่ยปี 2561-64 คำนวณโดยผู้ศึกษา
3/ เป็นข้อมูลล่าสุดและก่อนการระบาดโควิด
4/ ที่มา: กรมศุลกากรและการแลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้ประกอบการค้าชายแดน คำนวณโดยผู้ศึกษา
5/ ที่มา: กรมศุลกากร, ปี 2561-62 มีอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 91% คำนวณโดยผู้ศึกษา
6/ การแลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้ประกอบการภาคเหนือ
7/ ที่มา: การแลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้ประกอบการค้าชายแดน คำนวณโดยผู้ศึกษา
8/ การแลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้ประกอบการค้าชายแดน และ Yunnan International Railway Service and Trading Co., Ltd คำนวนโดยผู้ศึกษา
9/ ที่มา: อ้างอิงงานศึกษา “คว้าโอกาสให้การค้าไทย จากรถไฟจีน-ลาว” โดยส่วนเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
“บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย”
.
.
.
ในระยาว ช่วยเพิ่มโอกาสการค้าผ่านจีนไปยังเอเชียกลางและยุโรป