"อุตสาหกรรมกุ้งไทยวันนี้...ต้องปรับเพื่อไปต่อ"
ณัฐชนน ภัทรภิญโญกุล ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้
22 เม.ย. 2568
โดยมีมูลค่าการส่งออกมากกว่า 43,000 ล้านบาท แม้การระบาดของโรคตายด่วน (EMS) จะทำให้ความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกของไทยลดลงไปตั้งแต่ปี 2555 จนทำให้ผู้เล่นในอุตสาหกรรมนี้ล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก และทำให้ไทยต้องสูญเสียแชมป์การส่งออกกุ้งไป อย่างไรก็ตาม ไทยยังมีผู้เล่นในอุตสาหกรรมกุ้งเหลืออยู่เป็นจำนวนไม่น้อย ปัจจุบันไทยมีฟาร์มเพาะเลี้ยงกุ้งอยู่กว่า 27,000 แห่ง และห้องเย็นอยู่กว่า 200 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันกำลังเผชิญความท้าทายจากทั้งปัญหาเชิงโครงสร้างที่มีอยู่เดิม และสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นการพัฒนาเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก บทความนี้จึงต้องการฉายภาพสถานการณ์อุตสาหกรรมกุ้งไทยในปัจจุบัน และเสนอแนวทางการพัฒนาที่ได้รวบรวมจากการลงพื้นที่พบผู้ประกอบการและเกษตรกร เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนให้ผู้เล่นในอุตสาหกรรมกุ้งไทยสามารถดำเนินธุรกิจและเติบโตต่อได้
2. ข้อตกลงทางการค้าที่เสียเปรียบคู่แข่ง
ก่อน นโยบายกีดกันการค้า Trump 2.0
หลัง นโยบายกีดกันการค้า Trump 2.0
มุ่งเน้นตลาด Premium และสินค้าพร้อมทาน รวมถึงหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคา ผู้ประกอบการหลายรายต่างเห็นตรงกันว่าแนวทางนี้เป็นทางรอดของอุตสาหกรรมกุ้งไทย ถึงแม้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตจะช่วยลดต้นทุนได้ แต่อาจยังไม่เพียงพอสำหรับการแข่งขันในตลาดโลก นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าโลก การตั้งกำแพงภาษีของคู่ค้าอาจทำให้การแข่งขันด้านราคายากขึ้นไปอีก โดยอุตสาหกรรมกุ้งไทยควรชูจุดเด่นที่ไทยทำได้ดี อาทิ
o กุ้งไทยมีสีเข้ม เป็นที่ต้องการของตลาด Premium ในจีน จากการที่ไทยมีองค์ความรู้ในการเลี้ยงและต้มที่ดีกว่าคู่แข่ง โดยชาวจีนนิยมบริโภคกุ้งที่ปรุงแล้วมีสีแดงเข้มสวยงามในงานสำคัญ เนื่องจากสีแดงเป็นสีมงคลตามความเชื่อของชาวจีน
o ไทยสามารถส่งออกกุ้งมีชีวิต ซึ่งเป็นสินค้ามูลค่าสูงไปยังประเทศจีน เนื่องจากตำแหน่งที่ตั้งที่ใกล้ และมีเที่ยวบินตรงไปยังเมืองใหญ่ในจีน โดยกุ้งมีชีวิตของไทยได้รับความนิยมมากจากภัตตาคารในจีน ในปี 2567 ไทยครอง Market Share เป็นอันดับ 1 คิดเป็น ราว 72% ของการนำเข้ากุ้งกลุ่มนี้ทั้งหมดของจีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้ากุ้งมีชีวิตรายใหญ่ที่สุดของโลก
o ไทยมีกระบวนการแปรรูปกุ้งเป็นผลิตภัณฑ์ขั้นปลายที่หลากหลายและเป็นที่ต้องการของตลาด เช่น เกี๊ยวกุ้ง กุ้งชุบเกล็ดขนมปัง ซึ่งเป็นที่ยอมรับในด้านรสชาติและคุณภาพในตลาดต่างประเทศ สะท้อนจากสัดส่วนการนำเข้ากุ้งพร้อมทานของผู้บริโภคหลักทั้งญี่ปุ่น และ สหรัฐฯ ที่ไทยมี Market Share เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (รูปที่ 8)
o กุ้งไทยมีสารตกค้างต่ำ เนื่องจากไทยมีทักษะการเพาะเลี้ยงที่ดี และมาตรฐานการแปรรูปที่เข้มงวด จากข้อมูลขององค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ในปี 2567 กุ้งไทยมีกรณีโดนแบนจากการพบยาปฏิชีวนะค่อนข้างน้อย โดยผู้ส่งออกไทยโดนแบนเพียง 2 ราย ขณะที่ผู้ส่งออกอินเดียโดนแบน 31 ราย และผู้ส่งออกเวียดนามโดนแบน 18 ราย
รวมถึงสนับสนุนให้เกษตรกรได้รับการรับรองมาตรฐานความยั่งยืน เช่น มาตรฐาน ASC เพื่อให้มีวัตถุดิบที่สอดรับกับความต้องการของลูกค้า กลุ่ม Premium นอกจากนี้ต้องมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์กุ้งที่มีมูลค่าเพิ่มสูง อาทิ กุ้งปรุงแต่ง กุ้งพร้อมทาน เพื่อเพิ่มผลกำไร และสร้างจุดเด่นให้กับกุ้งไทย โดยใช้จุดแข็งที่มี Supply Chain พร้อมกว่าคู่แข่ง และต้องเน้นการประชาสัมพันธ์ว่ากุ้งไทยเป็นกุ้งคุณภาพสูง
บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย