ดำเกิง มุ่งธัญญา (ครูไอซ์)
ครูผู้ยอมรับแต่ไม่ยอมจำนนต่อชะตาชีวิต
ครูไอซ์ ก็เหมือนกับใครอีกหลายคนที่ฝันอยากเป็นครู แต่ที่ยากหรือต่างจากคนอื่น คือการเกิดมามีดวงตาที่มืดมิด ก่อนเรียนจบคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จนมาเป็นครูไอซ์ เส้นทางชีวิตของครูไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ดวงตาที่มืดมิด ทำให้ต้องอดทน วิริยะ อุตสาหะ มากกว่าคนธรรมดาหลายเท่า เรื่องราวของครูไอซ์ เป็นกำลังใจให้กับหลายคนที่กำลังท้อแท้กับชีวิต
ฝ่าฟัน สานฝันเพื่อเป็นครู
ในช่วงแรกของชีวิตการเป็นครูนั้น ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิดไว้ ครูไอซ์ต้องพบเจอกับอุปสรรคมากมาย จนเกือบไม่ได้สอนหนังสืออย่างเช่นทุกวันนี้ ในช่วงแรกผู้ปกครองต่างเป็นกังวลและสอบถามทางโรงเรียนว่า ครูตาบอดจะสอนเด็กได้อย่างไร ทางโรงเรียนจึงให้ครูไอซ์ช่วยรับโทรศัพท์ในส่วนงานทะเบียน แต่ด้วยแรงสนับสนุนจากผู้ที่มีบทบาทสำคัญในชีวิตของครูไอซ์ท่านหนึ่ง คือ คุณครูหัวหน้าหมวด (ครูวีณา) ที่ช่วยยืนยันกับผู้ใหญ่หลายท่านว่าครูไอซ์สามารถสอนได้ ทำให้ครูไอซ์ได้เริ่มสอนหนังสือ
“ครูท่านนั้นบอกผมว่า 'ไอซ์ไปสอนไหม อยากไปสอนหรือเปล่า' ด้วยความที่เด็กห้องนั้นเป็นเด็กเรียนอยู่แล้ว เด็กตั้งใจเรียนมาก แล้วครูท่านนั้นก็แอบถ่ายวิดีโอในคาบที่ผมสอนเอามาลงไลน์กลุ่ม และคุยกันว่าใครบอกน้องสอนไม่ได้ แล้วนี่คืออะไร และคนที่บอกสอนไม่ได้ เคยมาดูหรือเปล่า จากตรงนั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นให้ได้สอนมากขึ้น จุดเริ่มต้นอีกอย่างหนึ่งที่ผมได้สอน คือ เวลาครูพานักเรียนไปแข่งสอบ ก็จะไม่มีใครสอน ผมชอบสอนก็อาสาสอนแทน จนได้สอนเต็มตัว ตอนนี้สอน ม. 2 สี่ห้อง ม. 6 ห้าห้อง”
“ณ จุดนั้น แม้จะมีบางคนที่ไม่เห็นความสามารถของเรา ก็ยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่เห็น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนที่ต้องเจอกับเราโดยตรง ก็คือนักเรียน ทำให้เกิดคำถามว่าทำไมนักเรียนที่ไม่เคยเจอเราถึงอยากเรียนกับเรา เขาไม่กลัวหรือว่าครูมองไม่เห็นจะสอนรู้เรื่องหรือเปล่า
ปัจจุบันครูไอซ์เป็นครูสอนภาษาอังกฤษอยู่ที่โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย มา 2 ปีแล้ว โดยครูไอซ์กล่าวไว้ว่า “หากพูดถึงความเป็นครู ผมว่าเป็น ‘ความภาคภูมิใจ’ ความสุขที่สุดคือการที่เราได้อยู่กับเด็ก ได้ช่วยเด็กหลายคนจากที่เขาอ่านภาษาอังกฤษไม่ได้ หรือมีทัศนคติไม่ดีกับภาษาอังกฤษ แต่ด้วยวิธีการสอนของเราก็ช่วยทำให้เขาชอบและพัฒนาตัวเองมากขึ้น มีความสุขและภูมิใจในตัวเองมากขึ้น”
เตรียมสื่อการสอนแบบครูไอซ์
หลายคนอาจนึกภาพไม่ออกว่าครูไอซ์จะเตรียมการสอนอย่างไร เพราะแม้กระทั่งครูทั่วไปก็ใช้เวลาไม่น้อย แต่ครูไอซ์กลับมีเทคนิคที่สามารถดึงดูดความสนใจของเด็กนักเรียนได้
“ผมใช้ PowerPoint ในการสอน ยิ่งภาษาอังกฤษเด็ก ม.ต้น ถ้าเป็นตัวหนังสืออย่างเดียว รับรองเด็กหลับ เราต้องมีลูกเล่น มีรูปภาพ สำหรับตัวเนื้อหาเราสามารถค้นหาได้โดยโปรแกรมช่วยอ่านออกเสียง แต่ต้องมีคนช่วยหาภาพ สิ่งที่ทำให้ทำงานได้เร็วขึ้น คือการตั้งชื่อไฟล์ เช่น ภาพแฮมเบอร์เกอร์ ก็ตั้งชื่อไว้ เวลาเลือกไฟล์ก็ทำได้และใส่ได้ถูกต้อง แล้วจึงให้คนช่วยจัดหน้านิดหน่อย
“หากเป็นวีดีโอ ยิ่งง่าย ผมอัดเองได้ เพราะมีเสียง ส่วนการดึงดูดความสนใจของนักเรียน ไม่ใช่เพียงรูปภาพทั่วไป อย่างเด็กผู้หญิงจะชอบดาราเกาหลี ชอบคนดัง เราก็ให้นักเรียนส่งมาว่าอยากให้มีรูปใครบน PowerPoint รวมถึงมีกิจกรรมในห้อง เด็กสมัยนี้ติดโทรศัพท์มือถือมาก เราจัดกิจกรรมให้ใช้โทรศัพท์มือถือในการเรียนมากขึ้น เช่น QR Code อีกกิจกรรมที่ใช้อยู่และเด็กชอบมาก คือ คาร์ฮูด (Kahoot) เป็นเกมส์ที่ตอบสนองต่อการเรียนการสอน โดยมีการตอบคำถามการอภิปรายผ่านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของตัวเอง เช่น โทรศัพท์มือถือ หรือแท็บเล็ต
ในเมื่องานบางอย่างที่ไม่อยากทำอาจเป็นทัศนคติของเราที่เราไม่ชอบ ไม่ถนัด หรืออะไรก็ตาม
เราจะทำงานเยอะ ๆ บวกกับความรู้สึกแย่ ๆ หรือเราจะทำงานตรงนี้เยอะ ๆ
แล้วปรับความรู้สึกให้ดีขึ้น แล้วผ่านมันไปได้
ครูทั่วไป ถ้าจำเนื้อหาไม่ได้ก็สามารถเขียนใส่กระดาษได้ แต่สำหรับครูไอซ์ ต้องใช้ความพยายามและความอดทนในการทำหนังสือแต่ละเล่มมากกว่าคนปกติ
“ผมจะขอไฟล์หนังสือสำหรับครูที่เป็น PowerPoint ซึ่งสำนักพิมพ์เขาจะให้มาอยู่แล้ว ผมนำมาเข้าโปรแกรมแปลงรูปภาพเป็นตัวอักษร ชื่อโปรแกรม Happy File Reader เพื่อให้ผมสามารถใช้คอมพิวเตอร์ตัวเองอ่านได้ก่อน จากนั้นจึงเอาเนื้อหาไปพิมพ์ใส่โปรแกรม Word และเอาไปพิมพ์ต่อ เช็คความถูกต้อง ให้อาจารย์ช่วยอ่าน และนำไปแปลงเป็นอักษรเบรลล์อีกครั้ง นี่คือ ขั้นตอนกว่าผมจะได้หนังสือแต่ละเล่ม”
ใช้เทคโนโลยีในการตรวจการบ้าน
“เราใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ ผมให้นักเรียนส่งการบ้านมาทางเฟซบุ๊คหรือไลน์ เพราะในคอมพิวเตอร์ผมจะมีโปรแกรมอ่านจอภาพ สามารถอ่านได้ และสามารถตอบกลับได้ กรณีที่เด็กไม่มีโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ ผมให้เด็กเขียนมาอ่านให้ฟัง และผมตอบกลับได้เลย คือ นักเรียนไม่ใช่รู้แค่ว่าได้กี่คะแนน แต่จะรู้ด้วยว่าต้องปรับปรุงอย่างไร โชคดีที่ผมเกิดยุคนี้ ถ้าเกิดเร็วกว่านี้ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเหมือนกัน”
มากกว่าการสอนคือความใส่ใจ
สำหรับคนตาดี การจะรู้จักหรือจำใครได้สักคนบางครั้งยังอาจเป็นเรื่องยาก แต่สำหรับครูไอซ์ การจำนักเรียนแต่ละคนนอกจากเทคนิคแล้ว ยังเต็มไปด้วยความใส่ใจ
“ผมอาศัยการจำเสียง นักเรียนแต่ละคนเสียงไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นคนส่วนใหญ่จะให้นักเรียนทำข้อมูลส่วนตัวมา ติดรูป ผมก็ทำข้อมูลส่วนตัวเหมือนกัน ผมใช้ Google Forms ให้เด็กพิมพ์ส่งมา และผมนำมาอ่าน วิเคราะห์ วางแผนการสอน เด็กห้องนี้มีแนวโน้มชอบด้านไหน บางห้องบอกว่าอยากมีเกมภาษาอังกฤษ อยากให้มีการสนทนา เราก็เอามาปรับกิจกรรมการสอน
“อีกส่วนที่ทำให้เราจำนักเรียนได้ วันแรกผมจะให้นักเรียนแนะนำตัวและอัดเสียงไว้ ส่วนใหญ่นักเรียนจะไม่ย้ายที่นั่ง จากประสบการณ์สองปีกว่า ๆ นักเรียนจะย้ายที่เพราะหนีไปทำอะไรข้างหลังห้อง หรือทะเลาะกับเพื่อน พอเราอัดเสียงก็เหมือนทำผังที่นั่ง บางทีผมจำเสียงไม่ได้ แต่รู้ว่าคนนี้มาคู่กับคนนี้
“อีกสิ่งที่สำคัญ คือ ความที่ผมเป็นคนแบบนี้ ทำให้เด็กสนิทมาเล่นด้วย ได้คุยกันบ่อยขึ้น นักเรียนกล้าเข้ามาปรึกษา เลยทำให้นักเรียนจำได้มากขึ้น อีกอย่างผมพยายามใส่ใจนักเรียนให้มากที่สุด โดยเฉพาะเด็กที่ไม่ส่งงาน ผมจะเรียกบ่อยมากและกลายเป็นสนิทกับเด็กเหล่านี้ ที่จริงแล้วเด็กเขารู้อะไรถูก อะไรผิด แต่เราจะมีวิธีการพูดอย่างไรให้เด็กพร้อมที่จะปรับตัวดีขึ้น จะทำอย่างไรให้เขายอมรับและเปิดใจ”
เปลี่ยนงานที่ไม่ชอบให้ชอบ
“ชีวิตครูมีสุขบ้าง ทุกข์บ้าง การที่เราได้อยู่กับเด็ก การได้มาสอน แนะนำนักเรียน คือความสุข แต่ก็มีอะไรบางอย่างที่เราไม่อยากทำ เช่น งานเอกสาร แต่สุดท้ายอย่างไรก็ต้องทำ สิ่งสำคัญที่สุด คือ เมื่อเรามีปัญหา เราท้อ เราเศร้าได้ แต่เศร้าแล้วต้องหาวิธีเยียวยา เราห้ามไม่ให้ป่วยไม่ได้ ผมบอกกับตัวเองว่า ในเมื่องานบางอย่างที่ไม่อยากทำอาจเป็นทัศนคติของเราที่เราไม่ชอบ ไม่ถนัด หรืออะไรก็ตาม เราจะทำงานเยอะ ๆ บวกกับความรู้สึกแย่ ๆ หรือเราจะทำงานตรงนี้เยอะ ๆ แล้วปรับความรู้สึกให้ดีขึ้น แล้วผ่านมันไปได้
“ผมคิดว่า เราเลือกไม่ได้หรอก งานจะเยอะหรือน้อย เราห้ามตรงนั้นไม่ได้ ยิ่งเราโวยวาย ความคิดลบยิ่งเกิด ผมบอกตัวเองว่าบางอย่างมันแย่พอแล้ว เราจะให้จิตใจมันแย่ไปอีกเหรอ ฉะนั้น พยายามครับ อย่าพยายามเปลี่ยนตรงอื่น แต่เปลี่ยนตัวเรา แล้วผลสำเร็จอะไรต่าง ๆ จะตามมาแน่นอน
“ทุกวันนี้ ผมไม่ได้ภูมิใจที่ตนเองโด่งดัง เพราะคิดว่าเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ คนก็จะลืมแล้ว สิ่งที่อยากให้จดจำ คือ สิ่งที่ทำ เพราะว่ามันจะติดตัวไปเรื่อย ๆ ความโด่งดังมันผ่านมาแล้วก็ไป แต่การกระทำของเราที่เราทุ่มเทกับสิ่งที่ทำจะอยู่และเป็นประโยชน์ ไม่ใช่แค่กับตัวเอง แต่กับทุก ๆ คน กับองค์กร และจะย้อนกลับมาให้เราภาคภูมิใจและมีความสุขทุก ๆ วันที่เราทำงาน”
ในชีวิตของใครคนหนึ่งที่มีใจอยากเป็น “ครู” อาจไม่ง่ายด้วยความไม่สมบูรณ์พร้อมทางร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพิการทางสายตา ทำให้ต้องฝ่าฟันเพื่อเอาชนะทัศนคติ และความเชื่อที่ว่าคนตาบอดทำอะไรได้มากน้อยเพียงใด และจะเป็นครูสอนคนตาดีได้อย่างไร ซึ่งวันนี้ ครูไอซ์ได้พิสูจน์แล้วว่าผู้พิการทำอะไรได้มากกว่าที่คิด และการเป็นครูจากหัวใจนั้นเป็นอย่างไร